หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

เหนือมนุษย์ ตอนที่ 6

ตอนที่ 6

พอทำแผลที่มือเสร็จ อมรเดินออกมา กระถินรีบเข้ามาถามว่ามือเป็นอย่างไรบ้าง อมรตอบว่าเจ็บแค่นี้ยังดีกว่าให้ชาติกัดลิ้นตัวเอง กระถินยิ่งปลื้มคิดว่าอมรเป็นคนดีจริงๆ

"เพื่อนที่ฉันรักที่สุดในชีวิต แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ" อมรพูดแล้วเดินไป

กระถินได้ยินคำว่าเพื่อน ตัดสินใจตามไปคว้าแขนอมรแล้วถาม "เดี๋ยวค่ะ ด็อกเตอร์ ด็อกเตอร์ทราบใช่มั้ยคะว่า ทำไมด็อกเตอร์ชาติถึงเป็นแบบนี้ เล่าให้กระถินฟังหน่อยนะคะ"

อมรทำเป็นชั่งใจ   แล้วตัดสินใจเล่าเรื่องในอดีต   แต่ ไม่ตรงกับความเป็นจริงเลย เขาเล่าว่าชาติเป็นเพื่อนรักที่ทำงานวิจัยมาด้วยกัน แต่แล้วเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นกับครอบครัวชาติตายหมดทั้งสามคนพ่อแม่ลูก...แต่ความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่อินทุกาตกหน้าผาไปแล้ว อมรกับกินรีก็เอาร่างชาติและเอมอรซึ่งตายแล้ว มาใส่ในรถยนต์ ทำทีเป็นรถตกเขาระเบิดทั้งคัน... อมรจัดงานศพให้ครอบครัวชาติอย่างสมเกียรติ แต่แล้วจู่ๆชาติก็ปรากฏตัวขึ้นกลางงานศพในสภาพคนเสียสติ ใบหน้าเหวอะหวะจากไฟลวก ร้องเรียกหาแต่ลูกกับเมีย...

"ตอนนั้นรถของชาติตกไปในทะเล ไม่มีใครหาศพทั้งสามคนพบ  แล้วก็ไม่มีใครนึกอีกเช่นกันว่าชาติจะรอดมาได้  เขาโผล่ไปที่งานศพอย่างบ้าคลั่งอาละวาด"

"ท่านคงเสียใจมาก จนทำใจยอมรับความจริงไม่ได้"

อมรพยักหน้ารับ "นับแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันก็เป็นคนดูแลชาติ ออกค่ารักษาพยาบาลให้โดยตลอด"

กระถินมองอมรอย่างซาบซึ้งใจก่อนจะยกมือไหว้ "กระถินไม่รู้จะพูดยังไง  ขอบคุณจริงๆค่ะที่ด็อกเตอร์ดูแลพ่อชาติเป็นอย่างดี"

"พ่อ? เธอเรียกชาติว่าพ่อเหรอ" อมรทำเป็นขมวดคิ้วถาม

"ค่ะ  หนูคืออินทุกา  ลูกสาวด็อกเตอร์ชาติที่ทุกคนว่าตายไปแล้ว"

"อะไรนะ!"

"หนูพูดความจริงนะคะ หนูยังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้น การตายของแม่กับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง ด็อกเตอร์ต้องช่วยหนูสืบหาความจริงนะคะ"

อมรครุ่นคิดแล้วยื่นเงื่อนไขให้กระถินพิสูจน์ว่าเป็น อินทุกาจริงๆ   กระถินยอมทุกอย่าง...อมรพากระถินมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อตรวจดีเอ็นเอ   อมรทำเป็นพูดกับกระถินว่า   เขาถูกชะตากับเธอมาก   เขาอยากให้เธอเป็นหลานของเขาจริงๆ กระถินเองก็มั่นใจเช่นนั้น...

มนต์รักลูกทุ่ง ตอนที่ 12

ตอนที่ 12

ค่ำคืนที่คณะของแว่นไปเล่นดนตรีในงานบวช นึกไม่ถึงว่าจะเจอจอมกับเจิดที่มาเป็นแขกคนสำคัญของงานนี้ด้วย รวมทั้งก้อนและทับทิมที่มาพร้อมเจ้าเพชรลูกชายคนเล็ก เจิดซึ่งนั่งโต๊ะติดด้านหน้าเวทีฉวยโอกาสเยาะหยันดูถูกฝีมือการเล่นดนตรีของพวกแว่น แถมยังเสี้ยมสอนให้เพชรผสมโรงด้วยถ้อยคำหยาบคายลามปามไปถึงแม่ของคล้าว

จุดนี้เองทำให้คล้าวทนไม่ได้จะเล่นงานทั้งเพชรทั้งเจิด แต่ก้อนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุรีบเดินมาก่นด่าคล้าวว่าเป็นอันธพาลรังแกเด็ก คล้าวจึงพยายามเค้นจะให้เพชรพูดความจริงว่าเมื่อกี้เจิดสอนให้พูดอะไรบ้าง แต่เพชรกลับยืนยันว่าตนยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ทำให้เจิดยิ่งได้ใจด่าคล้าวไม่เลี้ยง คล้าว เหลืออดเลยชกหน้าเจิดไปเต็มหมัด

งานแตกทันที เพราะพวกเจิดกรูกันเข้ามา แว่นและเพื่อนๆตะลุมบอนกับพวกเจิดจนไม่รู้ใครเป็นใคร ทับทิมตกใจได้แต่ กรีดร้อง ก้อนรีบลากเพชรออกมาแล้วคว้าแขนทับทิมวิ่งหนีลูกหลงออกไปจากงาน เสียงจอมตะโกนสั่งทุกคนให้หยุด ขณะที่หมู่น้อยก็พยายามระงับการวิวาทแต่ไม่สำเร็จ

จนกระทั่งพวกคล้าวเป็นฝ่ายล่าถอยไปเพราะเกรงใจเจ้าของงาน ขณะพากันเดินกะโผลกกะเผลกกลับบ้าน คล้าว ขอโทษเพื่อนทุกคนที่ตนทำให้เสียงานสูญเงิน ถ้าตนทนทำหูฝาดตาเฝื่อนเรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่ทุกคนไม่มีใครโทษคล้าว กลับบอกว่าคล้าวทำดีที่สุดแล้ว อดทนอยู่ได้ตั้งนาน ถ้าเป็นพวกตนแค่เห็นหน้ากวนบาทาของไอ้เจิดก็คงตะบันหน้ามันแต่แรกแล้ว ที่สำคัญถึงวงดนตรีของเราจะกระจอกงอกง่อยยังไงก็ให้ใครมาดูถูกไม่ได้ ยิ่งมาหยามถึงพ่อแม่ ก็อย่าอยู่ร่วมโลกกันเลย...

ooooooo

เช้าแล้ว บุปผารีบกินข้าวต้มจนหมดชามแล้วส่งสัญญาณให้ทองกวาวอิ่มเพื่อหนีธรรมรักษ์ที่จะมารับไปส่งโรงเรียนสอนตัดเสื้อ  แต่รีบยังไงก็ไม่พ้นอยู่ดี เพราะธรรมรักษ์มาก่อนเวลานัด และไม่ยอมให้สองสาวนั่งรถเมล์ไปกันเอง อ้างกับทองคำว่าขึ้นรถเมล์อันตราย เผลอๆโชคร้ายเจอพวกโรคจิตทำมิดีมิร้ายเอาด้วย

ทองคำห่วงหลานจึงบังคับให้สองสาวไปกับธรรมรักษ์ แม้บุปผาจะอวดเก่งไม่กลัวใครหน้าไหน แต่ทองคำก็ไม่วางใจอยู่ดี ทองกวาวเห็นว่าหมดทางเลี่ยงจึงพยักพเยิดให้บุปผาตามน้ำไปก่อน แล้วพอจะขึ้นรถบุปผาก็รีบเข้าไปนั่งเบาะหน้าคู่กับธรรมรักษ์ ทองกวาวจึงต้องนั่งเบาะหลังโดยปริยาย ธรรมรักษ์รู้ว่าถูกกันท่าแต่ก็ยังยิ้มได้อยู่

ทองกวาวนั่งนิ่งระวังตัวรักษาท่าที ธรรมรักษ์ขับรถไปแอบมองทองกวาวไปผ่านกระจกมองหลัง บุปผารู้ทางและรู้ความในใจธรรมรักษ์ ไม่ว่าเขาจะชวนทองกวาวคุยเรื่องใด บุปผาก็ชิงตอบเองคนเดียว แถมยังแขวะแรงๆเสียจนธรรมรักษ์ฉุนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เหยียบเบรกกะทันหันทำให้สองสาวหัวทิ่มมาข้างหน้า

"ขอโทษครับ ขอโทษ พอดีรถคันหน้ามันเบรกกะทันหันน่ะครับ คุณทองกวาวเจ็บไหมครับ"

"ไม่เจ็บเลยค่ะ ตกหลังควายเจ็บกว่านี้เยอะ" บุปผาตอบรวดเร็ว ธรรมรักษ์ฟังแล้วหัวเราะก๊าก

"นี่อยู่บ้านนอกเวลาไปไหนมาไหนทียังต้องขี่ควายกันอยู่อีกเหรอครับ ล้าสมัยจัง"

ทองกวาวชักสีหน้าไม่พอใจ ธรรมรักษ์มองทองกวาวผ่านกระจกหลัง บุปผาหมั่นไส้ร้องลั่นว่าระวังข้างหน้า ธรรมรักษ์ ตกใจหักพวงมาลัยกะทันหัน บุปผาเลยได้โอกาสโถมเข้าใส่ทำเป็นเซเสียหลักแล้วแอบถองศอกเข้าท้องเขาเต็มแรง ชายหนุ่มเจ็บถึงจุกแต่ต้องวางฟอร์มว่าไม่เป็นอะไร

"ทีนี้ก็ตั้งใจขับรถดีกว่านะคะ ขับไปคุยไปอย่างนี้บุปผากลัวค่ะ"

ธรรมรักษ์ยิ้มแหยๆ ทองกวาวแอบขำที่ธรรมรักษ์เจอฤทธิ์บุปผาเข้าให้

ooooooo

แว่นยังเป็นห่วงความรู้สึกของคล้าวที่ถูกก้อนและทับทิมปฏิเสธการสู่ขอทองกวาวด้วยท่าทีชิงชังรังเกียจ อีกทั้งยังเรียกสินสอดใหม่ตั้งสิบหมื่น พอวันนี้รู้จากคอนว่าคล้าวไปรับจ้างดายหญ้า แว่นจึงตามไปช่วยคล้าวเพื่อจะได้เงินค่าจ้างเยอะๆ แต่ที่ไหนได้ คล้าวบอกว่าเหมาเขามาแล้วได้แค่สิบบาท และคงต้องทำสองสามวันกว่าจะเสร็จ

"เวร...สองสามวัน แล้วชาติไหนมันจะได้ครบสิบหมื่นล่ะวะเนี่ย  ไอ้คล้าว  ข้าว่าเอ็งอย่าทำประชดประชันใครเลยว่ะ

ตาก้อนยายทับทิมแกไม่มีวันจะเห็นใจเอ็งหรอก"

"ข้าไม่ได้ทำประชดประชันใครแว่น ก็ในเมื่อเขาอยากได้สิบหมื่น ข้าก็ต้องหามาให้เขาจนได้น่ะแหละ"

"เอายังงี้ดีกว่าไหมวะคล้าว  เอ็งไปเรียนตัดผมกะข้า ข้าจะสอนให้ ขี้หมูขี้หมาตัดผมวันนึงก็ได้หลายบาทอยู่ ไม่ต้องมาหลังขดหลังแข็งอาบเหงื่อต่างน้ำแลกเงินสิบบาทอย่างนี้"

"ข้าจะไปแย่งงานเอ็งได้ยังไงวะ ช่างข้าเหอะ ดีกว่าข้าไม่มีอะไรทำ แล้วก็จะได้ไม่ต้องมัวคิดถึงทองกวาวมากมายนัก"

"เฮ้อ จะเป็นตายร้ายดียังไงก็น่าจะส่งข่าว ส่งจดหมายมาหากันบ้าง มาหายเงียบไปซะเฉยๆอย่างนี้...บุปผาใจร้าย บุปผาใจดำ" แว่นตะโกนโหวกเหวกอย่างอัดอั้น

"ไอ้แว่น ไม่เอาน่า...ข้าว่าทั้งทองกวาวทั้งบุปผาก็คงจะกำลังยุ่งจนไม่มีเวลามากกว่า เขาไม่มีวันลืมเราสองคนหรอกแว่น"

แว่นเศร้าจัด ถามคล้าวมีพร้าอีกซักเล่มไหมจะได้ช่วยกันดายหญ้า แต่คล้าวเกรงใจบอกให้แว่นกลับไปเฝ้าร้านดีกว่า

"วันนี้วันพุธไม่มีใครเขามาตัดผมกันหรอก ไม่มีพร้าไม่เป็นไร งั้นข้าใช้มือถอนเอาก็ได้ ข้าต้องหาอะไรทำเหมือนกัน ไม่งั้นคงคิดถึงบุปผาอกแตกตายแหงๆเลย"

แว่นเดินคอตกไปถอนหญ้าอีกมุม คล้าวสงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง เพราะตัวเองก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน

ooooooo

ในไนต์คลับของธรรมรักษ์ซึ่งธีระเป็นผู้ดูแล บ่ายนี้ธีระหัวเสียเพราะนักดนตรีซ้อมวงไม่ได้ดั่งใจ อีกทั้งนักร้องสาวเบอร์หนึ่งอย่างฤทัยก็เอาแต่หงุดหงิดหน้างออยู่ในห้องจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด ครั้นธีระเห็นธรรมรักษ์โผล่เข้ามาจึงบอกให้เขาไปดูฤทัยในห้องแต่งตัว

ฤทัยอารมณ์ไม่ดีเพราะธรรมรักษ์หายหน้าไปหลายวัน บ้านช่องไม่กลับ เธอระแวงว่าเขาจะไปติดผู้หญิงอื่น พอเจอหน้าเขาคราวนี้เธอจึงขู่เขาว่า ถ้าเขาทำอย่างนั้นเธอจะหนีไปร้องเพลงให้คนอื่นให้เข็ด แต่ธรรมรักษ์รู้จุดอ่อนของฤทัย เพียงแค่เขาเข้าคลุกวงในและมีเครื่องประดับราคาแพงๆมาให้ ฤทัยก็อ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปซะทุกที

หายเข้าไปในห้องไม่นาน ธรรมรักษ์ก็ยิ้มร่าออกมานั่งดื่มกับธีระ ส่วนฤทัยก็ขึ้นเวทีร้องเพลงอย่างสนุกสนานมีชีวิตชีวาจนธีระรู้สึกทึ่งฝีมือเจ้านาย ชื่นชมไม่ขาดปาก นั่นยิ่งทำให้ธรรมรักษ์ลำพองใจ บอกกับธีระว่า ของตายน่ะยังไงมันก็ไปไหนไม่รอดหรอก...

ooooooo

สายวันรุ่งขึ้น มิ่งให้การต้อนรับจอมกับสมุนเป็นอย่างดี และดวงใจเอาน้ำมารับแขก มิ่งซึ่งรู้จุดประสงค์ การมาของจอมดีอยู่แล้ว จึงบอกให้ดวงใจอยู่คุยกับจอม แต่พอสายใจโผล่ขึ้นเรือนมาเห็นจอมกับสมุน    เธอก็ชักสีหน้าไม่พอใจ ถามห้วนๆว่ามาทำไมกัน?

มิ่งอยากจะด่าสายใจให้แสบสัน แต่ติดตรงที่จอมนั่งหัวโด่อยู่ จึงเรียกสายใจมานั่ง อย่ายืนค้ำหัวผู้ใหญ่อย่างนั้น

"ผู้ใหญ่บางคนมันก็ไม่ได้น่านับถือนักหรอก"

"โธ่...อีนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฉันขอโทษพ่อจอมด้วยนะจ๊ะ ยังไม่มาอีก"

"ไม่เป็นไรไอ้มิ่ง ข้าไม่ถือ"

สายใจจำใจเดินมานั่งข้างดวงใจ แล้วตั้งคำถามใส่พวกจอมอีกครั้งว่า มาทำไมกันเต็มบ้านเต็มช่อง

"ถามได้ว่ามาทำไม อาชีพข้าน่ะปล่อยเงินกู้เก็บดอกกินนี่หว่านังสายใจ"

"ไปเหอะไป ไปข้างหน้าก่อน บ้านนี้ไม่ชอบเป็นหนี้ใคร"

"อีสายใจ มึงไม่พูดซักอึดใจก็ไม่มีใครเขาว่ามึงเป็นใบ้ หรอก" มิ่งตวาดแล้วก็มองจอมอย่างเกรงใจ แต่จอมไม่ว่ากระไร นอกจากพูดเรื่องหนี้สินและดอกเบี้ยที่จะมาเก็บจากมิ่ง สองสาวตกใจว่าพ่อของเธอไปเป็นหนี้จอมตั้งแต่เมื่อไหร่ จอมเลยโบ้ยให้ถามพ่อเอาเอง

ลูกสาวทั้งสองคนหันขวับมองพ่อ แต่มิ่งก้มหน้ามองกระดาน ไม่ยอมสบตากับใคร

"พ่อ...อย่าบอกนะว่าพ่อกู้เงินตาจอมไปเข้าบ่อนน่ะ...พ่อ!" สายใจตะเบ็งสุดเสียงจนมิ่งสะดุ้งโหยง

"อีบ้า แก้วหูจะทะลุ ก็พวกมึงสองคนอยากปล่อยให้กูอดๆอยากๆ กูก็ต้องหาทางดิ้นรนของกูน่ะสิวะ"

"พ่อทำอะไรลงไปพ่อรู้ตัวรึเปล่า พ่อลงนรกคนเดียวไม่พอ พ่อยังลากนรกเข้าบ้านด้วย"

"เดี๋ยวกูจะเอามะพร้าวห้าวยัดปากมึงอีสายใจ"

"พ่อ...พี่สายใจ หยุดทะเลาะกันก่อนได้ไหม พ่อฉันเป็นหนี้นายจอมเท่าไหร่"

ดวงใจอยากรู้ จอมจึงให้สมุนเปิดบัญชีจาระไน ปรากฏว่าเงินต้นสามพันห้า ยังไม่ได้คิดดอก สายใจแทบกรี๊ด ต่อว่าพ่อยกใหญ่

"พ่อทำยังงี้ได้ยังไง   พ่อเคยคิดบ้างไหมว่าฉันต้องขายบัวลอยไข่หวานไปทั้งชาติ    จนตายละมังถึงจะได้เงินสามพันห้าเนี่ย"

"มึงก็อย่าขายแต่บัวลอยไข่หวานสิโว้ย"

ดวงใจเครียดจัด ปรามพ่อกับพี่สาวอย่าเพิ่งทะเลาะกัน ตอนนี้เธออยากรู้ว่าจอมจะเอายังไงให้ว่ามา

"ข้าก็เห็นเอ็งสองคนมาแต่เล็กแต่น้อย ยังไงก็เอ็นดูพวกเอ็งเหมือนลูกเหมือนหลาน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะยังไม่คิดดอกพวกเอ็ง แค่ทยอยใช้ต้นคืนมาทีละนิดทีละหน่อยดีไหมล่ะ"

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

ดวงตาสวรรค์ ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

ที่ท่าน้ำ หม่อมรัชนีที่มารับชายใหญ่กับหญิงออนกลับพูดเหมือนไม่อยากเชื่อว่า เผลอแป๊บเดียวประภา กับลูกสาวลูกชายตนก็มาอยู่ผักไห่ครบปีแล้ว ประภาบอกว่าอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดี ชาวบ้านแถวนี้เขามีน้ำใจกับพวกเรามาก

"หวังว่าเด็กๆคงไม่ติดนิสัยคนแถวนี้ไปด้วย" ราศรี แม่ของเล็กกับเอียดพูดยิ้มๆ

"ไม่หรอกค่ะคุณพี่ เด็กๆของเราได้รับการอบรมมาดี แยกแยะได้ว่าอะไรควรไม่ควร อย่างเทิน ถึงจะเป็นเด็กบ้านนอก แต่พ่อเขาก็อบรมดี  พวกเด็กๆว่ายน้ำเป็น  รู้จักการยิงนกตกปลาก็เพราะเจ้าคนนี้ล่ะค่ะ"  ประภาผู้เป็นน้องสาวเอ่ยอย่างชื่นชม

หม่อมรัชนีถามถึงแพน เล่าว่าหญิงออนเขียนไปเล่าว่ามีเพื่อนคนหนึ่งชื่อแพน ถามว่าคนไหน ประภาบอกว่าไม่เห็นแพนมาหลายวันแล้ว ว่าจะให้ตังค์ไว้กินขนมสักหน่อย

"มันไม่อยู่แล้วเราก็ไปเถอะ อย่ามัวโอ้เอ้อยู่เลย" หม่อมรัชนีเร่ง ทั้งหมดจึงพากันเดินไปลงเรือ ประภาลูบหัวเทินที่ยกมือไหว้บอกว่าถ้ามาผักไห่จะแวะมาเยี่ยม   พลาง ยื่นเงินให้ทั้งเทินและฝากให้แพนไว้กินขนมด้วย

"แพนมันคงดีใจที่น้าประภามีน้ำใจกับมัน" เทินพูด แทนใจแพน ประภาขอบใจแล้วเดินไปลงเรือ

พวกเด็กๆร่ำลากันอย่างอาลัย เอียดจดที่อยู่ส่งให้เทินบอกว่าจะรออ่านจดหมายของเขา ส่วนชายใหญ่ก็ฝากลาแพนด้วย บอกเทินว่า "ถ้าเจอเขา บอกว่าเราจะกลับมาอีก"

"ชายใหญ่ไม่เกลียดแพนเหรอ" เทินถาม

"ไม่หรอก เราว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสาร"

"หญิงออนคิดถึงเทินเหมือนกันนะ ถ้าเทินไปกรุงเทพฯหญิงกับพี่ชายใหญ่จะพาเทินไปเที่ยวให้สนุกเลย" หญิงออน เอ่ยก่อนลงเรือ

พอเรือแล่นออกไป เทินโบกมือให้เพื่อนๆ ต่างโบกมือ กันอยู่อย่างนั้นจนเรือแล่นหายไป...

ooooooo

เรือแล่นไปกลางแม่น้ำแล้ว ชายใหญ่เดินไปที่ข้างเรือ เห็นเชือกเส้นหนึ่งผูกอยู่ข้างเรือ เชือกตึงเหมือน ดึงอะไรหนักๆอยู่ในน้ำ พอชะโงกดูก็ตกใจเพราะเห็นแพนจับเชือกถูกเรือลากไปตามน้ำ

ชายใหญ่ตกใจร้องเรียกหม่อมแม่ น้าประภาให้มาดู หญิงออน  เอียด  และเล็กวิ่งมาดูด้วย  ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน "แพน!"

ครู่เดียวเด็กประจำเรือก็มาสาวเชือกดึงแพนขึ้นมาบนเรือ แพนอ้อนวอนประภาขอตามไปด้วย ตนอยากไปกรุงเทพฯ ไม่อยากอยู่บ้าน

หม่อมรัชนีมองอย่างไม่ชอบใจตำหนิว่าถ้าเชือกขาดหลุดไปใต้ท้องเรือป่านนี้คงเป็นผีเฝ้าแม่น้ำไปแล้ว  แพนพูด หน้าซื่อๆว่าตนคุ้นกับน้ำไม่ตายง่ายๆหรอก

"นังยโส แล้วนี่หล่อนจะไปไหนกัน" หม่อมรัชนีหางตาใส่

"ไปกรุงเทพฯ ให้หนูไปด้วยคนนะคะ เลี้ยงหนูไว้คนเหอะ ให้หนูทำอะไรก็ได้ เป็นคนใช้ก็ได้ หนูอยากเรียนหนังสือ"

"ชะ...เป็นคนใช้ก็ได้ แต่อยากเรียนหนังสือ เป็นคนใช้เขาน่ะไม่มีการเรียนหนังสือหรอกรู้ไว้" หม่อมพูดกับแพนแล้วหันไปถามประภา "เป็นไงคุณน้า จะจัดการยังไงต่อไป จะแล่นกลับไปส่งน่ะหรือฉันไม่ยอมนะ"

ประภาเสนอว่าถึงกรุงเทพฯแล้วตนจะหาทางส่งกลับก็ได้ แพนใจหายวาบอ้อนวอนอย่าส่งตนกลับเลย หันไปเกาะมือ

เอียดร้องขอ "ให้ฉันไปอยู่ด้วยคนไม่ได้เหรอเอียด นะจ๊ะคุณน้า"

ประภาหันมองหน้าหม่อมรัชนี ก่อนตัดสินใจ...

ooooooo

10 ปีผ่านไป

เด็กๆโตเป็นหนุ่มเป็นสาวและเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว เล็กขับรถรับส่งหญิงออนจนเพื่อนสาวของหญิงออน แซวว่า  เมื่อไรตนจะมีผู้ชายมารับส่งแบบหญิงออนบ้างนะ หญิงออนแก้มเรื่อบอกเพื่อนว่า  เล็กเป็นแค่เพื่อนกัน  แล้วแยกเดินไปหาเล็ก

เล็กชอบความน่ารักอ่อนหวานของหญิงออนในวัยเด็ก และกลายเป็นความรักในวัยหนุ่ม เขาเพียรรับส่งหญิงออนไปมหาวิทยาลัยอย่างสม่ำเสมอ วันนี้หลังจากรับแล้วก็ชวนไปทานข้าวกัน หญิงออนท้วงติงว่าไม่ดีกระมัง

"จนป่านนี้หญิงยังไม่ไว้ใจเล็กอีกเหรอ เรารู้จักกันมาตั้งนาน หญิงยังไม่เคยไปไหนกับเล็กสองต่อสองเลยสักครั้ง" เล็กตัดพ้อ

"ที่หญิงยอมให้เล็กมารับมาส่ง ยังไม่เรียกว่าไว้ใจอีกเหรอคะ" หญิงออนอ้อนเสียงหวาน

เมื่อเล็กอ้อนว่าตนอยากอยู่กับหญิงออนนานๆ หญิงออนจึงชวนไปที่บ้านเล็กกันดีกว่า เพราะตัวเองก็คิดถึงพี่เอียด และแพนด้วย เล็กถามสวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงขุ่นๆว่า

"คิดถึงแม่คนนั้นทำไม" หญิงออนหัวเราะบอกว่าแพนเป็นเพื่อนเรา เล็กตอบหน้าตึงว่า "เล็กเห็นจะนับแม่นั่นเป็นเพื่อนด้วยไม่ได้หรอก" ว่าแล้วขับรถบ่ายหน้ากลับไปบ้านตัวเอง

หญิงออนหัวเราะขำๆกับหน้าง้ำๆของเล็ก

ooooooo

เมื่อพาหญิงออนมาถึงบ้าน เอียดออกมาต้อนรับอย่างเร่าร้อนยินดี รับไหว้หญิงออนแล้วเอียดถามว่าชายใหญ่ไม่มาด้วยหรือ หญิงออนบอกว่าวาดรูปอยู่ที่บ้านเห็นว่าลูกค้าเร่งมาต้องวาดให้เสร็จวันนี้

"จิตรกรใหญ่ก็ต้องยุ่งอย่างนี้แหละ พี่เอียดมีอะไรทานมั่งครับ เล็กหิวแล้ว" เล็กอ้อนพี่สาวในสายตาเห็นแพนยืนมอง อยู่มุมหนึ่ง เล็กทำเป็นไม่เห็น หันไปยิ้มหวานกับหญิงออนบอก ให้ไปนั่งพักก่อน

เอียดเห็นด้วยบอกว่าเดี๋ยวจะให้เด็กจัดเครื่องดื่มมาให้ หญิงออนหันไปเห็นแพนจึงร้องทัก  แพนเองก็เรียก  "หญิงออน" เลยถูกเอียดบ่นว่าบอกหลายครั้งแล้วว่าให้เรียกคุณหญิง

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เอียด แพนไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน"

เอียดยังยืนยันว่าถึงอย่างนั้นก็เถอะ แพนก็ต้องให้เกียรติหญิงมากกว่านี้  แพนจึงเอ่ยขอโทษ  หญิงออนตอบอ่อนหวานว่าไม่เป็นไร  เล็กได้ทีแกล้งใช้แพน  ถามเอียดว่า

"เมื่อกี้พี่เอียดจะให้เด็กไปเอาของว่างมาให้หญิงออน ไม่ใช่เหรอครับ แพนนี่ไง อยู่ว่างๆไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ ไปจัดของว่างมารับรองหญิงออนหน่อยสิ"

แพนรับคำแม้สีหน้าจะไม่พอใจแต่น้ำเสียงเรียบร้อย เล็กเห็นสีหน้าก็พูดประชดว่าไม่เต็มใจไม่ต้องก็ได้ แพนสวนไปอย่างประชดประชันว่า

"แพนเป็นเด็กในบ้านนี้ เจ้านายสั่งให้ทำอะไรแพนก็ต้องทำ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรอกค่ะ"

เล็กกระแทกเสียงไปว่า "รู้ตัวก็ดี" หญิงออนปรามเล็กว่าแพนโกรธแล้วเห็นไหม แล้วหญิงออนก็ปลอบใจแพนด้วยการจูงมือไปเอาของว่างด้วยกัน เอียดมองตามไปอย่างชื่นชมในความอ่อนหวานไม่ถือตัวของหญิงออน เล็กเองกลับไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาที่ไม่พอใจของแพน

ooooooo

ที่ห้องครัวนี่เอง แพนชื่นชมหญิงออนว่าเกิดมาเป็นคุณหญิงนับว่าโชคดี สวยก็สวย รวยก็รวย แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก แล้วพูดถึงตัวเองว่า
"แพนเสียอีก เรียนก็ไม่เก่ง ดีหน่อยที่คุณท่านส่งให้เรียนนาฏศิลป์พอให้มีความรู้ติดตัว"

"แต่หญิงก็รำไม่สวยอย่างแพน พี่ชายใหญ่เขาชื่นชมแพนมากเลยนะ เขาวาดรูปแพนไว้ตั้งหลายภาพ"

แพนเหยียดปากพูดถึงรูปในอดีตที่ชายใหญ่วาดว่า "คงไม่ใช่เด็กเลี้ยงควายกลางท้องนาหรอกนะคะ" พูดแล้วเห็นหญิงออนนิ่งเงียบไป แพนจัดของว่างเสร็จ หันไปพูดกับหญิงออนว่า

"วันก่อนคุณเล็กพาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาทานของว่าง ท่าทางสนิทสนมกันมากเชียวค่ะ นี่ถ้าไม่คิดว่าคุณหญิงเป็น...

เออะ...เพื่อนเก่า แพนไม่บอกหรอกนะคะ"

"ช่างเขาสิจ๊ะ เล็กเขาก็มีสิทธิ์ที่จะมีเพื่อน" หญิงออน พูดน้ำเสียงเป็นปกติ

"คุณหญิงไม่คิดมากก็ดีแล้วล่ะค่ะ หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอย่างคุณเล็ก มีสาวๆ มาสนใจถมไป แพนเห็นเขาควงไม่ซ้ำหน้า" พูดจบแพนก็ถือถาดของว่างเดินออกไป ปล่อยให้หญิงออนยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น...

แต่พอเล็กขับรถพาหญิงออนกลับไปส่งบ้าน ระหว่างทางเล็กชวนคุยตามปกติของชายหนุ่มที่ได้อยู่กับสาวที่ตนรัก แต่ก็ต้องแปลกใจที่หญิงออนเงียบ เย็นชา จนถึงหน้าวังสวนทิพย์ เล็กถามว่า

"หญิงโกรธเล็กเรื่องอะไร ตั้งแต่ออกจากบ้าน เล็กถามอะไรหญิงไม่ยอมพูดด้วยดีๆ"

หญิงออนปฏิเสธแล้วขอตัว แต่เล็กยังไม่ยอมให้ไป  ขอให้บอกว่าตนทำอะไรให้หญิงออนไม่พอใจจะได้รู้ตัว หญิงออน ย้อนบอกว่าถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดจะร้อนตัวไปทำไม

เล็กบอกว่าตนไม่ร้อนใจถ้าไม่แคร์ว่าหญิงเป็น...เพื่อน หญิงออนฟังแล้วย้ำกลับไปว่า

"นั่นสินะ เราเป็นเพียงเพื่อนกัน เล็กจะทำอะไร หญิงคงไม่มีสิทธิ์ห้ามได้"  พูดแล้วทำท่าจะเดินไป  เล็กเลยตัดสินใจถามว่าแพนใช่ไหม แพนพูดอะไรให้หญิงออนไม่สบายใจหรือ

หญิงออนปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับแพน ตนปวดหัวนิดหน่อย เท่านั้นแล้วเดินไปเลย เล็กทำท่าจะตาม ก็พอดีชายใหญ่เดินออกมาบอกว่าไม่ต้องตามหรอก เดี๋ยวหญิงออนอารมณ์เย็นลงก็ดีเองแหละ ตนไม่เคยเห็นหญิงเคยโกรธเล็กได้นานเลย แล้วถามว่า ไปทำอะไรให้เขางอนล่ะ

"เปล่านะชายใหญ่ เล็กไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นี่ต้องเป็น แพนแน่ๆ  แม่คนนั้นต้องใส่ไฟอะไรให้หญิงออนโกรธเล็กแน่ๆ" เล็กสีหน้าเครียดจัดขึ้นมา  ชายใหญ่ได้ยินชื่อแพนบอกว่าวันหลัง ชวนมาเที่ยวบ้านบ้างซิ  เล็กชักสีหน้าตอบว่า  "ชายใหญ่อยากเจอเขาก็เชิญเองสิ"  แล้วเดินไปที่รถอย่างหงุดหงิด
ชายใหญ่มองตามเล็กไปขำๆ เพราะเข้าใจอารมณ์ของเล็กดี

ooooooo

เมื่อเล็กกลับถึงบ้านก็ลิ่วไปหาแพนถามว่าแกล้งตนใช่ไหม  แพนบอกว่าไม่รู้เรื่อง  แกล้งเรื่องอะไร  ก็ถูก เล็กด่าว่าอย่ามาตีหน้าซื่อ คนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างเธอตนไม่เชื่อ เธอต้องพูดอะไรให้หญิงออนเข้าใจตนผิดแน่ๆ แพนท้าว่าถ้าคิดว่าตนผิดจะทำโทษอย่างไรก็เชิญเลย

ท่าทางที่แพนท้าทายนั้นทั้งยั่วโทสะและยั่วยวน จนราศรีที่ยืนดูอยู่ที่หน้าต่างเรียกประภาให้มาดู  พูดอย่างเป็นห่วงกลัวว่าแพนจะรวบหัวรวบหางเล็กมาเป็นสะใภ้บ้านนี้ จี้ให้ประภาต้องดูแลคนของตัวเองให้ดี

ส่วนแพนก็ท้าทายเล็กที่ปรามเธอห้ามยุ่งกับหญิงออน อีกว่า หญิงออนวิเศษกว่าตนตรงไหน ตนสวยน้อยกว่าหญิงออน ตรงไหน

"เธอไม่ได้สวยน้อยกว่าหญิงออนหรอก แต่หญิงออนเป็นผู้ดีกว่าเธอแน่" เล็กยิ้มเยาะก่อนเดินเลี่ยงไป แพนกระทืบเท้าเร่าๆ กำหมัดแน่นอย่างโกรธจัด พูดอย่างหมายมาดอาฆาตแค้นว่า

"คอยดูนะ อีแพนจะต้องพิสูจน์ให้คุณเล็กรู้ว่า อีนังหญิงออนไม่มีอะไรสู้อีแพนได้เลย คอยดูสิ!"

ooooooo

ดวงตาสวรรค์ ตอนที่ 1 เนื้อเรื่องเต็ม

ตอนที่ 1

ที่ผักไห่ จังหวัดอยุธยา

เช้าตรู่วันนี้ ที่บ้านของนายพ่วง ดั้นนากับนางเจียน ดั้นนา ชาวนาผู้มีลูก 5 คน เป็นชายสี่และคนสุดท้องคือ แพน ดั้นนา เป็นลูกสาวคนเดียว ที่นอกคอกผิดพี่ชายทั้ง 4 คน

เช้านี้ ขณะที่พี่ชายทั้ง 4 บ้างเตรียมคราด เตรียมไถ และจูงควายสองตัวเตรียมลงนา แพนต้อนเป็ดลงคู แล้วหาเก็บผักบุ้งแถวนั้น นายพ่วงตะโกนถามว่า

"อีแพน ไม่ไปนากับพ่อล่ะ"

"ไม่...ฉันจะไปดูพวกที่มาจากกรุงเทพฯ"

"บ๊ะ อีนี่...ไปดูให้มันได้อะไรขึ้นมา ไปนายังได้ช่วยพ่อทำนั่นทำนี่บ้าง เอาแต่เที่ยวเล่นอีกหน่อยก็ไม่มีใครเขาเอาไปทำเมีย"

"ฉันไม่เอาคนแถวนี้ทำผัวหรอกพ่อ แล้วอย่าคิดว่าฉันจะอยู่บ้านนอกไปจนตาย อีกหน่อย...ฉันจะไปเป็นคนกรุงเทพฯ"

นางเจียนที่เตรียมหุงหาอาหารอยู่ในกระท่อม ได้ยินเสียงพ่อลูกตะโกนตอบโต้กันก็บ่นเสียงดังว่า "ดูพูดเข้า เดี๋ยวก็ตีให้หลังลายหรอก" แพนรีบเอาผักบุ้งที่เก็บได้ไปวางบอกแม่ว่าจะไปก่อนล่ะ

"เอ็งจะรีบไปไหนวะ อีแพน...อีลูกเวร..." นางเจียนมองหน้ากับนายพ่วงอย่างหนักใจ

ooooooo

ที่บ้านริมคลอง ที่ราศีให้ประภาน้องสาวที่ครองตัวเป็นโสดมาจนเลยวัย อยู่กับลูกสองคนคือเล็กหรือราวิน ลูกชายคนเดียว และเอียดหรือกษมาลูกสาวคนโตอยู่กันตามลำพัง

วันนี้เอียดเดินมาที่ริมตลิ่งเห็นดอกหญ้าริมคลองสีสวยเย็นตาจึงค่อยๆเดินไปเด็ด เอื้อมไปสุดแขนสุดตัว กำลังจะเด็ดดอกไม้ได้อยู่แล้ว แต่เสียหลักลื่นตกน้ำ เอียดกรีดร้องสุดเสียงอย่างตกใจ

โชคดีที่เทิน เวียงไทย ลูกชายของผู้ใหญ่เทียมว่ายน้ำเล่นอยู่แถวนั้น ว่ายเข้ามาช่วยพาเอียดขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล เอียดสำลักน้ำเหนื่อยหอบ เทินเองที่นุ่งผ้าขาวม้าว่ายน้ำเล่นอยู่ก็เหนื่อยหอบไม่แพ้กัน

"เป็นยังไงบ้าง" เทินถามอย่างห่วงใย

"ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้เธอช่วย ฉันอาจจะจมน้ำไปแล้วก็ได้" เอียดพูดซื่อๆใสๆอย่างซึ้งใจที่เทินช่วยตนให้รอดตาย

ขณะนั้นเอง เล็กและประภาเดินอ้าวมาหน้าตาตื่น เล็กถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรพี่เอียด เมื่อเอียดเล่าให้ฟังว่าตนจะเก็บดอกไม้เกิดพลัดตกไปในน้ำ พอดี...เขามาช่วย เอียดมองไปทางเทิน

"ผมชื่อเทิน..."

"เราชื่อเล็กนะ เทินคงว่ายน้ำเก่ง ถึงได้ช่วยพี่เอียดได้" เล็กมองเทินอย่างชื่นชมต่างยิ้มให้กัน

ประภายังไม่หายตกใจ ตำหนิเอียดว่าถ้าไม่มีใครมาช่วยจะเป็นยังไง ต่อไปอย่ามาเล่นแถวนี้อีก ถ้าหนูเป็นอะไรขึ้นมาคุณพ่อคุณแม่จะเสียใจมากแค่ไหน เอียดขอโทษ สัญญาว่าต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้

พอเห็นหลานสาวตาแดงๆ อย่างรู้สึกผิด ประภาก็หยุดตำหนิ ได้แต่มองอย่างอ่อนใจ

ส่วนเล็กชื่นชมเทินมาก ถึงขั้นเอ่ยปากว่าวันหลังมา สอนตนว่ายน้ำบ้าง เพราะตนยังว่ายน้ำไม่เป็นเลย เทินรับคำ ด้วยความเต็มใจ

ขณะนั้นเอง แพนที่จะมาดูคนกรุงเทพฯ เดินเข้ามา พูดกร่างขึ้นว่า

"ไม่เห็นเก่งเลย คนอะไร ว่ายน้ำก็ไม่เป็น...ตัวโตยังกะควาย"

ทุกคนตกใจกับความกร่างก้าวร้าวของแพน เล็กโกรธด่าว่า "หยาบคาย...ยายบ้านนอก" เลยถูกประภาตำหนิว่าไม่ควรดูถูกใครหมิ่นใครพล่อยๆเล็กเลยจ๋อยไป แพนแลบลิ้นใส่อย่างสะใจ

"หนูก็เหมือนกัน" ประภาหันมาทางแพน "ถ้าไม่อยากให้เขาว่า ก็ควรจะพูดเพราะๆ ลูกผู้หญิงพูดจาหยาบคาย กระโชก โฮกฮาก ไม่น่ารักเลยรู้ไหม"

แพนเถียงว่าก็มันว่าก่อน เทินเลยปรามว่า "แกมันก็น่าให้เขาว่า"

"ไอ้เทิน...มึง...ไอ้คนเอาหน้า พอได้ทีก็ทับถมกู" แพนแว้ดใส่เทิน

"พูดมึงกูอีกแล้วหยาบคายจัง ไม่สวยยังพูดไม่เพราะอีก สู้หญิงออนก็ไม่ได้" เล็กเบ้หน้าใส่

"อย่ามาว่ากูไม่สวยนะ ไอ้บ้า" แพนร้องไห้ฮือๆพยายามบีบน้ำตาออกมา เล็กมองอย่างไม่ชอบใจ

ooooooo

ที่กลางแม่น้ำ...บนเรือยนต์ที่กำลังแล่นมานั้น บนเรือมีคนนั่งอยู่ 4 คน

ที่นั่งมาในเรือมีชายใหญ่หรือ ม.ร.ว.ราชาณัต เทวพันธุ์ นั่งอยู่บนกราบเรือ ถัดไปคือหญิงออน หรือ ม.ร.ว.เนตรนภิส เทวพันธุ์ น้องสาวของชายใหญ่ นั่งอยู่กับหม่อมรัชนี ทั้งชายใหญ่และหญิงออนเป็นบุตรธิดาของ ม.จ.ทิฆัมพร เทวพันธุ์

"เล็ก...เล็ก ชายอยู่นี่ " ชายใหญ่เห็นคนบนฝั่งก็ดีใจร้องเรียก "หม่อมแม่ หญิงออน นั่นไงเล็กอยู่นั่น น้าภา เอียด ก็อยู่ด้วย"

เล็กมองมาเห็นชายใหญ่ก็ดีใจร้องตอบไป ชายใหญ่สั่งนายท้ายให้จอดเรือ นายท้ายค่อยๆเบนหัวเรือเข้าเทียบท่า หม่อมรัชนีจูงมือหญิงออนก้าวขึ้นจากเรือ

ประภาเดินเข้าไปไหว้หม่อมรัชนีอย่างนอบน้อม หม่อมรับไหว้ประภาและเด็กๆถามไถ่ยิ้มแย้มว่า อยู่กันสบายดีหรือเปล่า ประภาตอบอ่อนน้อมว่าสบายตามอัตภาพ ถามว่ากรุงเทพฯเป็นอย่างไรบ้าง

"ยังไม่สงบเลย พี่เลยพาหญิงออนกับชายใหญ่มาฝาก ให้เธอดูแล"

"เมื่อคืนวานเรือบินก็มาทิ้งระเบิดอีก ใกล้บ้านเราด้วย หญิงกลั๊ว...กลัว เร่งหม่อมแม่ให้พามาเร็วๆ" หญิงออนทำหน้าสยอง แล้วหันมาทางเอียดถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง คิดถึงจัง

"พี่ก็คิดถึงหญิงออน" เอียดตอบยิ้มอย่างดีใจ

แพนยืนมองคนโน้นคนนี้ที่มาจากกรุงเทพฯอย่างสนใจ พอได้ยินเอียดเรียก "หญิงออน" เท่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นมองอย่างไม่ชอบใจ แต่หญิงออนหันมาเห็นแพนก็ยิ้มให้อย่างมีไมตรี

ooooooo

อยู่ปากไห่ได้ระยะหนึ่ง หญิงออนเขียนจดหมายถึงท่านพ่อ คือ ม.จ.ฑิฆัมพร ที่วังสวนทิพย์เล่าอย่างสนุกสนานว่า

"ทูลท่านพ่อที่เคารพอย่างสูง...หญิงถึงโรงเรียนแล้ว คิดถึงท่านพ่อเหลือเกิน ท่านพ่อคะไม่ต้องเป็นห่วงหญิงนะคะ หญิงอยู่ที่นี่ หญิงไม่เหงาหรอกค่ะ หญิงมีเพื่อนๆหลายคน เพื่อนใหม่ของหญิงคนหนึ่งชื่อ เทิน เขาว่ายน้ำเก่งมากค่ะ แต่เทินบอกว่า มีคนที่ว่ายน้ำเก่งกว่าอีกค่ะ เขาเป็นเพื่อนของเทิน เขาชื่อแพนค่ะท่านพ่อ..."
แต่แพนที่หญิงออนเขียนเล่ามาในจดหมายนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อหญิงออนเลย

วันนี้ ขณะเดินเก็บผักบุ้งมาตามทางเดินแถวทุ่งนากับเทินนั้น แพนบ่นกระฟัดกระเฟียดว่า "เกลียดหญิงออนชะมัด" เทินถามว่าไปเกลียดเขาเรื่องอะไร ไม่เห็นเขาทำอะไรให้เลย

"ไอ้เล็กมันว่าหญิงออนสวยกว่าฉัน ใครๆก็ว่าหญิงออน สวย น่ารัก ไอ้เล็กก็ชอบเอาฉันไปเปรียบเทียบกับหญิงออน"

เทินดักคอว่าอิจฉาเขาใช่ไหม แพนเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่ได้อิจฉา แต่เกลียดมัน ถามอย่างไม่พอใจว่า ได้ยินไหมว่าเกลียดมัน แล้วสาธยายต่อไปว่า

"ดูสิ มันอายุเท่าฉัน มันเรียนอยู่ ม.1 เหมือนแก แต่ฉันเรียนแค่ ป.3 จบ ป.4 แม่คงให้ฉันออกมาเลี้ยงควาย อีกหน่อยก็คงให้เอาผัว"

เทินฟังแล้วมองแพนอย่างอ่อนใจ พอดีเห็นหญิงออน เอียด ชายใหญ่ และเล็กเดินมาตามคันนา แพนมองอย่างไม่พอใจ พอหญิงออนถามว่า "เธอทำอะไรน่ะ" แทนที่จะตอบดีๆแพนกลับมองหญิงออนแต่หัวจดเท้าแถมแลบลิ้นยาวแพล็บๆตวัดเหมือนลิ้นกบ พริบตานั้นแพนถ่มน้ำลายกระเซ็นถูกหน้าหญิงออนจนทุกคนมองตะลึง หญิงออนหลบไปปะทะเล็ก ดีแต่เล็กประคองไว้ทัน เลยหันมาเอ็ดแพน

"เรื่องอะไรต้องมาถ่มน้ำลายรดหญิงออนด้วย...เทิน ทำไมเพื่อนนายถึงได้เลวไพร่ไม่มีสมบัติผู้ดีอย่างนี้ พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนรึไง อี...อี...อีเด็กท้องนา"

"คำก็เด็กท้องนา สองคำก็เด็กบ้านนอก...นี่แน่ะ!" แพนผลักอกเล็กตกคันนาเปื้อนโคลนเลอะเทอะไปหมดซ้ำยังยื่นหน้าไปหัวเราะใส่ก่อนวิ่งหนีไป ไม่วายหันมาแลบลิ้นยกเท้าใส่หญิงออนที่กำลังตกใจด้วย

เอียดช่วยดึงเล็กขึ้นจากโคลนถามว่าเจ็บไหม เล็กบอกว่าไม่เจ็บตัวแต่เจ็บใจ พูดอย่างหมายมาดว่า "คอยดูนะ เล็กจะไม่มีวันญาติดีกับมันเลย คอยดู๊!"

เทินโกรธแทนทุกคนไปด้วย เขาวิ่งตามแพนไปหมายจะสั่งสอน

ooooooo

พอไล่กวดไปทัน เทินกระชากแขนแพนด้วยความโกรธถามว่าไปถุยน้ำลายรดหน้าเขาทำไม ทำให้เขาดูถูก คนบ้านนอกอย่างเรารู้ไหม ได้ยินไหมที่เขาด่าว่าเลว ไพร่นะ พูดพลางเทินทุบแขนแพน

แพนร้องกรี๊ดด่าเทินว่า "มึงมาตีกูทำไมกูไปทำอะไรให้มึง"

เทินบอกว่าแค่นี้ยังไม่พอเดี๋ยวจะลากไปให้แม่เจียนตีอีกคน ว่าพลางตีแขนแพนอีก

"แกน่ะชักจะเอาใหญ่แล้ว นี่แน่ะ...นี่แน่ะ ทีนี้จะเที่ยวพาลเกเรอีกไหม จะถ่มน้ำลายรดใครๆอีกไหม จะแลบลิ้นปลิ้นตาให้เขาอีกไหม"

แพนด่าเทินว่าเห็นพวกนั้นดีกว่าตน ตะเบ็งให้เทินปล่อย เทินไม่ปล่อยขู่ว่าถ้าไม่หยุดตะเบ็งจะลากไปให้แม่เจียนตีซ้ำ แพนเลยยอมสงบ เทินยืนหอบแฮกๆกับฤทธิ์เดชของแพนในขณะที่พวกชายใหญ่ เล็ก หญิงออน และเอียดยืนมองอยู่ไม่ไกล ชายใหญ่มองแพนอย่างสงสาร เห็นใจ

เมื่อกลับไปบ้านพัก ชายใหญ่ที่ชอบวาดรูปก็วาดรูปเด็กหญิงหน้าคล้ายแพนกำลังขี่ควายไปตามท้องนา เล็กมาดู ชายใหญ่ถามว่าใครเอย เล็กทายว่าเป็นเด็กผู้หญิง ชายใหญ่บอกว่าถูก แต่ต้องให้ถูกกว่านี้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไร ต้องทายอีกว่าชายใหญ่ตั้งใจวาดใคร เล็กบอกว่าไม่รู้สิ ชายใหญ่เลยหันไปทางเทินเชิงถาม เทินส่ายหน้าอีกคน

"อันที่จริงไม่มีแพนเสียคน ก็หมดสนุกเหมือนกันนะ" ชายใหญ่เปลี่ยนเรื่อง เทินบอกว่าแพนไม่ค่อยสบายแม่เจียนเลยไม่ให้ไปไหน ชายใหญ่ชวนไปเยี่ยมแพนกัน หญิงออนกลัวถูกถ่มน้ำลายใส่อีก

"ไม่หรอก เขาถูกเทินตีขนาดนั้น คงสำนึกผิดแล้วล่ะ" ออนมั่นใจ แต่เล็กเบ้ปากทำนองว่าไม่มีทาง!

ooooooo

ครู่ใหญ่ต่อมาทั้งหมดก็พากันไปที่กระท่อมของแพน แม่เจียนออกมาบอกว่าแพนไม่สบายกำลังนอนอยู่ แต่ก็เชิญทุกคนเข้าไปในกระท่อม พูดออกตัวว่าอย่าถือสาเลยบ้านคนยากคนจนก็เป็นอย่างนี้แหละ

พอเจียนเดินนำพวกชายใหญ่เข้าไป เห็นแพนทำเป็นนอนหน้าจ๋อยๆอยู่ พอชายใหญ่ถามว่าไม่สบายเป็นมากไหม ก็ถูกตอบกวนประสาทมาว่ายังไม่ตายง่ายๆหรอก เทินเลยปรามว่าเขาอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมกัน แพนกลับตอบสะบัดว่า "ใครใช้ล่ะ"

"ถ้างั้น เราก็กลับกันเถอะ จะได้ไปเล่นน้ำกัน" เอียดชวน ทุกคนขยับจะลุก แพนร้องขึ้นขอไปเล่นด้วยคน "ได้ ถ้าเธอจะไม่ทำตัวเกเรอีก" เอียดมีข้อแม้

แพนทำหน้างอขึ้นมาอีก หันไปเห็นรูปภาพที่มือชายใหญ่ก็ดึงมาอย่างแรงถามว่ารูปใครสวยจัง ชายใหญ่ยังใจเย็นบอกว่าให้ดูดีๆสิ

"จะไปรู้ได้ยังไง ดูสิเลอะเทอะเหมือนยุงตีกัน"

"นี่เหรอยุงตีกัน" ชายใหญ่ชักฉุน "เห็นไหม นี่โรงนา นี่ควายแล้วนี่ก็เธอยังไงล่ะ"

พอรู้ว่าเป็นตัวเองแพนชมว่าสวยจัง สวยที่สุดเลย ถูกเล็กขัดคอว่าสวยยังไงก็แค่เด็กเลี้ยงควาย แพนสวนไปทันทีว่า"ก็ยังดีกว่าคนว่ายน้ำไม่เป็น"

หญิงออนเห็นทั้งสองเหมือนขมิ้นกับปูนเจอกันทีไรได้ทะเลาะโต้เถียงกันทุกทีเลยหย่าศึกบอกให้พอได้แล้วพลางชวนแพนไปเล่นน้ำด้วยกัน พูดเอาใจว่าแพนจะได้สอนให้ตนว่ายน้ำด้วยไงล่ะ แพนยิ้มดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าตัวเอง บรรยากาศเลยผ่อนคลายลง

ooooooo

พอไปที่ท่าน้ำบ้านเล็ก แพนกับเทินกระโดดน้ำก่อน ทั้งคู่ดำผุดดำว่ายแข่งกันอย่างสนุกสนาน ชายใหญ่เอาพวงมาลัยมาให้หญิงออนหัดว่ายน้ำย้ำว่าให้ว่ายใกล้ๆก่อน แล้วชายใหญ่ก็ไปนั่งรวมกลุ่มอยู่กับเล็กและเอียด

ครู่หนึ่งแพนกับเทินว่ายน้ำกลับมา หญิงออนใส่ พวงมาลัยเรียบร้อยแล้ว บอกแพนให้สอนตนว่ายน้ำบ้างอยากเก่งเหมือนแพนจัง แพนตอบอย่างเสียไม่ได้ว่า มาสิจะสอนให้ พอหญิงออนลงน้ำมีพวงมาลัยสวมที่อก แพนก็ลากหญิงออนออกไป

"อย่าให้ไปไกลๆนะ" เล็กเตือนอย่างเป็นห่วง เทินบอกเล็กว่าแพนว่ายน้ำเก่งเป็นปลา ช่วยหญิงออนได้อยู่แล้ว เล็กท้วงติงว่า "แต่หญิงออนเพิ่งหัดว่ายน้ำใหม่ๆ น่าจะอยู่ตื้นๆ"

ชายใหญ่เองก็เห็นว่าไม่เป็นไรพวกเราอยู่แถวนี้เทินก็ว่ายน้ำเก่งเกิดอะไรขึ้นก็คงช่วยได้ เทินยิ้มรับหันไปชวนเอียดลงว่ายน้ำบ้าง เอียดไม่กล้า

แพนดึงพวงมาลัยหญิงออนห่างจากฝั่งไปทั้งเคี่ยวเข็ญทั้งดึงเองลากไปถึงกลางแม่น้ำดุหญิงออนว่าอย่าลอยคออยู่เฉยๆ แบบนี้เมื่อไหร่จะเป็นล่ะ หญิงออนเห็นท่าทางและน้ำเสียงของแพนก็พูดอย่างไม่สบายใจว่า

"แพน เธอเต็มใจหัดให้ฉันหรือเปล่า ถ้าไม่เต็มใจไม่ต้องก็ได้นะ ฉันจะให้เทินสอนให้" เลยถูกแพนหาว่าอยากให้เทินสอนให้ใช่ไหมอย่าหาเรื่องกันเลย

หญิงออนเสียงอ่อยๆว่า นึกว่าแพนไม่พอใจจะให้เทินสอนให้เพราะเทินเขาก็เก่ง แพนเลยตะเพิดว่าไปเลย ทำให้หญิงออนโมโหขึ้นมาเลยหมุนตัวกลับ พวงมาลัยไปชนอกแพนเข้า แพนร้องกรี๊ดสุดเสียงราวกับเจ็บเจียนตาย ทุกคนตกใจ หญิงออนหันมองงงๆ ส่วนประภารีบเดินมาถามว่าอะไรกัน

แพนเห็นทุกคนสนใจก็ยิ่งแกล้งทำตัวงอร้องเสียงดังกว่าเก่า เทินเข้าไปช่วยลากหญิงออนเข้าฝั่ง

พอมาถึงท่าน้ำ แพนบีบน้ำตาร้องไห้ฮือๆจนประภาเข้ามาถามว่าใครทำอะไรหรือ  แพนฟ้องว่าหญิงออนทำตน เอาพวงมาลัยกระแทกหน้าอกตนเพราะหญิงออนโกรธตนหาว่าไม่หัดว่ายน้ำให้ แล้วร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด

เมื่อแพนฟ้องเช่นนั้น ประภาจึงหันไปถามหญิงออน ว่าทำไมทำแบบนั้น หญิงออนปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำ แพนแผดเสียงใส่ว่า

"โกหก แกมาทำฉัน แกจงใจทำฉัน แกอาฆาตฉันน่ะสิ นังหญิงออน"

ประภาปรามว่าให้พูดเพราะๆ ถ้าอยากคบกันก็ต้องพูดเพราะๆ แพนเลยลดเสียงลงแต่ยังบีบน้ำตาฟ้องว่าหญิงออน ทำตนจริงๆ

เมื่อประภาหันมาถามหญิงออนว่าทำแพนใช่ไหม ถ้าทำก็ควรจะสารภาพ ถามว่าหญิงออนโกรธแพนเรื่องอะไร ทำให้หญิงออนเสียใจร้องไห้ออกมายืนยันว่าตนไม่ได้ทำ ประภา ต้องเสียงอ่อนลงว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ ปลอบทั้งหญิงออนและแพนบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปทายาให้แล้วประคองแพนไป

หญิงออนหน้าจ๋อย ทุกคนมองอย่างเห็นใจ เล็กโกรธแพนพูดอย่างหมั่นไส้ว่า

"เล็กไม่เชื่อหรอกนะว่าแพนจะเจ็บจริง เล็กเห็นกับตาว่าเขาแกล้งเจ็บ โดนแค่นิดเดียวทำเป“นร้องห่มร้องไห้ ร้าย ที่สุดเลย"

ooooooo

จนกลางคืน ประภานั่งอ่านหนังสือใต้แสงตะเกียง หญิงออนนอนอยู่ในมุ้ง ครู่หนึ่งเป”ดมุ้งออกมาบอกว่านอน ไม่หลับ คลานออกมาโอบเอวประภาร้องไห้บอกว่ารู้ว่าน้าประภาโกรธหญิงเรื่องเมื่อเย็นนี้ รู้ว่าน้าประภาไม่เชื่อว่าหญิงไม่ได้แกล้งแพน

"เหลวไหล น้าจะโกรธหญิงทำไม โธ่เอ๊ย...น้าลืมไปแล้ว ด้วยซ้ำ แล้วน้าก็ไม่ได้โกรธหญิงด้วย" ประภาก้มหอมแก้มหญิงออนปลอบ "หญิงจำไว้นะ น้ารักหญิง น้าจะโกรธหญิงได้ยังไง อีกอย่าง น้าไม่มีวันโกรธหญิงเพราะแพนหรอกจ้ะ น้ารู้ดีว่าแพนเป“นใคร หญิงเป“นใคร หญิงไม่ต้องคิดมากนะ น้าเชื่อว่าหญิงไม่ได้ตั้งใจ มันเป“นอุบัติเหตุ"

"หญิงรักน้าประภาค่ะ" หญิงออนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา หอมแก้มน้าประภาทีหนึ่ง น้าหลานกอดกันอย่างอบอุ่นทะนุถนอม

ooooooo

วันนี้ ประภาพาหลานๆไปปูเสื่อนั่งพักผ่อนและทานของว่างกันที่ริมบึงบัว หญิงออนกับเอียดแต่งตัวสวย ใส่หมวกเดินไปเก็บดอกไม้ริมตลิ่งกันประสาผู้หญิง ส่วนเทินกับเล็กพากันปีนต้นไม้เล่นประสาผู้ชาย

แพนมาถึงก็เรียกร้องความสนใจทันที เดินไปที่เรือสำปั้นลำหนึ่งผูกอยู่กับต้นไม้ แก้เชือกเรือร้องชวนเสียงดัง

"ใครจะลงเรือกะฉันมั่ง"

เทินกับเล็กป•นลงจากต้นไม้วิ่งแข่งกันไปที่เรือ ชายใหญ่ เดินตามไปด้วย  เทินกระโดดไปที่หัวเรือ แต่เล็กกับชายใหญ่ ยังละล้าละลัง แพนเย้ยว่าแค่นี้กลัวด้วยหรือ ไม่เก่งจริงนี่ ชายใหญ่ จึงก้าวลงไปนั่งในเรือ ส่วนเล็กเดินไปที่ตลิ่งเอามือช้อนลูกอ๊อดเล่น ชายใหญ่ถามว่าลูกกบตัวนี้ชื่ออ๊อดหรือเปล่า

เล็กถามว่าอ๊อดอะไร ชายใหญ่เลยท่องบทเรียนตอนอยู่ชั้นประถมให้ฟัง เล็กเลยร้องอ๋อว่า จำได้ ท่องอย่างจำได้ ขึ้นใจ

"ยังมีสระแห่งหนึ่ง ไม่สู้จะกว้างใหญ่นัก...น้ำในสระเป“นระลอกน้อยๆ ทยอยเข้ากระทบฝั่ง" ท่องแล้วหันไปบอกแพน "แพนต่อได้ไหม เธอเรียนชั้นประถมนี่"

แพนพาลว่าอ๊อดแอ๊ดอะไรไม่รู้จัก พอเล็กถามว่าไม่ได้ เรียนหรือ แล้วเรียนอะไรล่ะ หรือว่าเรียนเรื่องป้ากะปู่กู้อีจู้ ป้าดูปู่กู้อีจู้ พูดแล้วหัวเราะเสียงดัง ชายใหญ่หัวเราะบ้าง

แพนรู้สึกเสียหน้ามากที่ถูกหัวเราะเรื่องปมด้อยตัวเอง กระโดดขึ้นไปใช้ไม้พายฟาดหัวเล็กอย่างแรงจนเล็กร้องลั่น เอมซึ่งเป“นคนใช้เก่าแก่ร้องอย่างตกใจ บอกประภาให้เอาแพนเข้าคุกไปเลยปล่อยให้รังแกทำไม ยุให้เล็กชกเลย เล็กกำลังโกรธเลยซัดหมัดเข้าหน้าแพนอย่างแรง

"เล็ก ทำไมทำอย่างนั้น" ประภาตกใจ ส่วนแพนร้องไห้ลั่นแล้วพุ่งเข้าผลักเล็กตกน้ำ เอียดกับหญิงออนที่เดินเก็บดอกไม้ อยู่วิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ

เล็กว่ายน้ำไม่เป“น พอตกน้ำก็ทะลึ่งพรวดแล้วจมทะลึ่งพรวดขึ้นมาอีก เทินรีบส่งมือให้

"เกาะมือผมไว้ ไม่เป“นไรหรอก ผมอยู่นี่" พอเล็กจับมือ เทินก็ช่วยดึงขึ้นฝั่ง แพนมองอย่างโกรธจัด ในขณะที่ประภากับเอมตกใจจนพูดไม่ออก

ooooooo

เมื่อพากันขึ้นมาอยู่บนฝั่งริมบึงบัว ประภาถามแพนว่าทำไมทำอย่างนี้ แพนฟ้องว่าเล็กมาว่าตนก่อนว่าตนไม่เคยเรียนหนังสือเรื่องลูกกบชื่ออ๊อด เล็กยังไม่หายโกรธชี้หน้าแพนพูดอย่างผูกใจเจ็บ

"คอยดูนะ ฉันจะเกลียดแกจนวันตาย ทุกคนเป“นพยานด้วย เล็กเกลียดมัน ตั้งแต่เกิดมาเล็กไม่เคยเกลียดใครเท่ามันเลย อีคนบ้านนอก"

"น้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ล้อแพน คนที่ชอบทำให้คนอื่นเจ็บปวดโกรธแค้นแล้วถือเอาเป“นเรื่องสนุก เป“นคนไม่ดีเลย ได้ยินไหมเล็ก ทำไมช่างสอนยากสอนเย็น ดีแล้วล่ะเราว่าเขาได้เขาก็ทำเราได้เหมือนกัน" ประภาสอนหลานอย่างไม่เข้าใครออกใคร

"น้าประภาเข้าข้างคนอื่น" เล็กกัดริมฝ•ปากกำหมัดด้วยความเสียใจแล้วเดินหนีไป

แพนร้องไห้ฮือๆออกมาอีกประภามองแพนด้วยความสงสาร และทันใดนั้น พี่ชายของแพนก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาน้ำตาอาบหน้าบอกแพนว่าให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ประภาถามว่ามีอะไรหรือ ใจเย็นๆ

"แม่...แม่ถูกงูเห่ากัดตายที่ท้ายทุ่ง"

"แม่..." แพนร้องสุดเสียง ทุกคนตกใจกับข่าวร้ายนี้

ooooooo

แพนวิ่งไปถึงเห็นพ่อกับพี่ชายทั้งสี่คนกอดร่างของแม่ร้องไห้กันระงม แพนโผเข้ากอดร่างแม่ร้องไห้ สะอึกสะอื้น พ่วงคร่ำครวญว่า

"แม่เจียนตายเพราะลูกแท้ๆ ผู้ใหญ่ อีแพนมันหายไปตั้งแต่เช้า แม่มันก็เที่ยวตามหา"

ผู้ใหญ่เทียบถามเทินที่เป“นลูกชายว่าไปไหนกันมา เทินบอกว่าไปเล่นที่บึง เทียบหันไปปลอบพ่วงว่าให้หักอกหักใจเสียบ้างเถอะ เพราะเจียนก็ไปสบายแล้ว

ขณะนั้น ประภา เอม เดินนำชายใหญ่ เอียด และหญิงออนเข้ามา  ประภาเข้าไปแสดงความเสียใจกับพ่วง  บอกว่าถ้ามีอะไรที่ตนพอช่วยได้ก็ขอให้บอก พ่วงยกมือไหว้ขอบ

พระคุณ ส่วนผู้ใหญ่เทียบเดินเข้าไปบอกแพนว่าไปอยู่ที่บ้านตนก่อนก็ได้

"ไม่ ฉันอยู่กับแม่ แม่ตายเพราะฉันแท้ๆ" แพนร้องไห้ สะอึกสะอื้นน่าเวทนา ประภาน้ำตาคลอด้วยความสงสาร ส่วนหญิงออนมองแพนอย่างเห็นใจที่ต้องมาสูญเสียแม่ไป

ooooooo

ผ่านไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว หญิงออนเขียนจดหมายไปเล่าให้ท่านพ่อฟังว่า

"หญิงอยู่ผักไห่แค่ไม่ถึงป• มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเลยค่ะท่านพ่อ...ท่านพ่อจำแพนที่หญิงเคยเล่าให้ฟังได้ไหมคะ หญิงรู้สึกว่าหญิงโชคดีกว่าแพนตั้งมากมาย ที่ได้เกิดมาเป“นลูกท่านพ่อ ตั้งแต่แม่แพนตาย แพนลำบากมากขึ้นค่ะ พ่อเขาแต่งงานใหม่ แพนเขาถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนักทุกวันเลยค่ะ จนแทบไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเราเหมือนเดิม..."

"ทำงานหนัก" ที่หญิงออนเขียนเล่าแก่ท่านพ่อคือ แพนต้องเลี้ยงเปิด หาบน้ำ ทำทุกอย่างในบ้าน ในขณะที่ทองคำเมียใหม่ของพ่อเอาแต่นั่งบีบนวดให้ผัวอย่างเอาใจ แพนทำงานไปก็ค้อนไปอย่างไม่พอใจ

วันนี้ ขณะที่แพนกำลังเลี้ยงเปิดที่ทุ่งนาแถวกระท่อม ก็ถูกทองคำตามมาจิกให้ไปหุงหาข้าวปลา เพราะตนกับพ่อหิวแล้ว แพนอ้างว่าเลี้ยงเปิดอยู่ ตัวเองเป็นเมียพ่อก็ต้องทำเองไม่มีมือรึไง

ทองคำหาว่าแพนย้อน ด่าไปถึงแม่ว่า "แม่แกไม่สั่งไม่สอนรึไง"

"อย่ามาลามปามถึงแม่กูนะอีทองคำ" แพนโกรธเลือดขึ้นหน้า ถูกทองคำชี้หน้าว่ากล้าขึ้นอีกับตน ด่าแพนว่า "อีเด็กเหลือขอ" ด่าเสร็จก็หันหลังเดินกลับ

แพนหันรีหันขวางก่อนหยิบดินเหนียวปั้นเป็นก้อนเขวี้ยงใส่หลังทองคำอย่างแรง ทองคำหันมาอย่างโกรธจัด ด่าแพน แล้วคว้าไม้พรวดเข้ามาตีไม่ยั้ง แพนฮึดสู้เลยยื้อยุดกันไปมา

เสียงเอะอะโวยวายทำให้พ่วงได้ยินวิ่งเข้ามาเห็นแพนถีบทองคำกระเด็นพอดี พ่วงพุ่งเข้าไปประคองทองคำที่กุมท้องหน้านิ่ว มีเลือดไหลออกมาตามหว่างขา พ่วงตกใจ ทองคำร้องครวญคราง

แพนยืนตะลึง คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะร้ายแรงถึงขนาดนี้

ผลคือ แพนถูกพ่วงใช้ไม้เรียวหวดไม่ยั้ง แม้จะโดนตีอย่างหนักแต่ไม่มีเสียงร้องจากแพนแม้แต่แอะเดียว มีแต่ร่างที่บิดไปมาด้วยความเจ็บทุกครั้งที่ไม้เรียวหวดลงบนร่าง ซ้ำยังถูกพ่อด่าลั่น

"อีกลูกสารเลว เลี้ยงเสียข้าวสุก ทำไมมึงถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ นี่แน่ะๆๆ"

แพนย้อนถามพ่ออย่างน้อยใจว่า พ่ออยากเห็นทองคำดีกว่าลูกตัวเองทำไม พ่วงแก้ต่างให้ทองคำว่าเขามาอยู่ด้วยทำงานสารพัด "ยังไงเขาก็เป็นเมียกู แกต้องเคารพนับถือเขา"

แพนเถียงว่าทองคำมาแย่งพ่อไปตนเกลียดมัน เลยถูกพ่วงเหวี่ยงเท้าเข้าที่ท้องแพนจนจุกตัวงอ แพนตัดพ้อต่อว่าพ่อ ที่ทำกับตนอย่างนี้ เมื่อก่อนไม่เคยเตะไม่เคยตีตนเลย ถามว่าไม่รักตนไม่สงสารตนแล้วหรือ คำอ้อนวอนตัดพ้อต่อว่าของแพนไม่ได้ทำให้จิตใจของพ่วงอ่อนโยนลงเลย กลับด่าแพนว่า

"ก็มึงมันคนดีนักนี่อีแพน ถ้ามึงดีใครเขาจะเฆี่ยนตี  แต่นี่มึงมันเลว กูถึงได้เตะมึงตีมึง"

"พ่อพูดกับหนูดีๆก็ได้ ถ้าพ่อเป็นคนใช้หนู หนูจะทำให้ทุกอย่าง แต่นี่พ่อให้อีทองคำจิกหัวใช้หนู หนูไม่ทำหรอกพ่อ เป็นตายยังไงหนูก็ไม่ทำ หนูเกลียดมัน!"
แพนทั้งว่าทั้งจ้องหน้าพ่ออย่างไม่ยอมแพ้ พ่วงโมโหฮึดฮัดจับแพนมัดไว้ที่หน้าบ้าน แพนไม่ขัดขืน ยืนร้องไห้อย่างน่าเวทนาอยู่ตรงนั้น

ooooooo

จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น   แพนนอนหลับอยู่ที่เสาหน้าบ้าน เทินเดินมาเขย่าเบาๆ ถามว่าเจ็บมากไหม แพนพูดอย่างไม่หายน้อยใจเสียใจว่า เจ็บกายไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจมากกว่าที่พ่อเห็นอีทองคำดีกว่าตน เทินรีบแก้มัดให้แพน

ส่วนพ่วงยืนคุยอยู่กับผู้ใหญ่เทียบไม่ห่างนัก ผู้ใหญ่ขอว่าจะด่าจะว่ายังไงก็อย่าถึงเฆี่ยนตีเป็นวัวเป็นควายเลยสงสารเด็กมัน ถึงตีให้ตายก็ตายเปล่า เพราะพ่วงเป็นพ่อก็น่าจะรู้จักสันดานแพนดี

พ่วงยังพูดอย่างแค้นใจว่าแพนถีบท้องทองคำจนแท้งลูก ด่าแพนว่า "มันฆ่าน้องมันนะผู้ใหญ่"

"ถึงยังไง ข้าก็ไม่เห็นด้วยหรอกที่แกจะทำโทษมันหนักขนาดนี้ เด็กในท้องมันก็ตายไปแล้วนะ ถึงเอ็งฆ่าอีแพนให้ตายไปอีกคน ลูกนังทองคำก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก" ผู้ใหญ่พูดกับพ่วง พอดีทองคำเดินโซซัดโซเซซมซานออกจากกระท่อม ผู้ใหญ่เลยจงใจพูดเสียงดังให้เข้าหูว่า

"ฝากไปถึงนังทองคำด้วยว่า  ไอ้การเป็นแม่เลี้ยงเขาน่ะลำบาก ต้องรู้จักอดทนหนักเอาเบาสู้ เอาอกเอาใจลูกเลี้ยงเหมือนเอาอกเอาใจลูกตัวเอง มนุษย์เราน่ะ ไม่ใช่รู้จักรักแต่ลูกตัวเอง ลูกคนอื่นก็ต้องรักเหมือนกัน"

เทินแก้มัดแพนเสร็จพอดี พอหลุดจากพันธนาการ แพนวิ่งเตลิดออกไป เทินตะโกนถามว่าจะไปไหน แพนตะโกนตอบอย่างเด็ดเดี่ยวว่า

"ไปไหนก็ได้ ฉันไม่อยู่บ้านนี้แล้ว"

ผู้ใหญ่เทียบกับพ่วงมองตามแพนไปอย่างเป็นห่วง ในขณะที่ทองคำมองตามอย่างสาสมแก่ใจ

ooooooo

วันนี้เป็นวันที่ทุกคนที่บ้านเล็กดีใจเป็นที่สุด เพราะขณะที่ประภากับเอมคนใช้เก่าแก่ของโภคาพ่อของเล็กกับเอียดกำลังล้างผักเตรียมทำอาหารนั้น เอียดในชุดนักเรียนวิ่งเข้ามาบอกว่า

"น้าจ๋า ข่าวดี สงครามเลิกแล้วจ้ะ" ประภาถามว่าเอียดได้ยินมาจากไหน "ครูที่โรงเรียนบอกค่ะ ที่โรงเรียนกำลังดีใจกันใหญ่ โอ๊ย เอียดดีใจจัง เราจะได้กลับบ้านกันเสียที"

หลังจากนั้น ทุกคนก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ พวกเด็กๆต่างอาลัยอาวรณ์เพื่อนที่ผักไห่โดยเฉพาะเทินกับแพน

เทินมาส่งเพื่อนๆ แต่แพนไม่ได้มา เทินนั่งคุยกับเพื่อนๆที่ท่าน้ำ เล็กบอกว่าถ้าเทินไปกรุงเทพฯเมื่อไรต้องไปหาตนให้ได้ ชายใหญ่บอกให้ไปบ้านตนด้วย เทินถามว่าบ้านเล็กกับชายใหญ่ไกลกันไหม

"ไม่ไกลหรอก เทินไปอยู่กรุงเทพฯจริงๆก็คงไปถูก ฉันเองก็ไม่รู้จักทางเหมือนกัน พ่อกับแม่ไม่เคยปล่อยให้เราไปไหนๆตามลำพัง เราข้ามถนนเองก็ยังแทบไม่ได้" เอียดเล่าขำๆ

แม้จะไม่เคยไปกรุงเทพฯแต่เทินก็ยังบอกเอียดว่าจะให้เธอเกาะแขนตนข้ามถนนไปด้วยกัน ทำให้เอียดชื่นชมน้ำใจเทินมาก เล็กย้ำว่าเทินไปเรียนกรุงเทพฯเร็วๆและอย่าลืมไปหาตน

เทินบอกว่า พ่อบอกว่าต้องเรียนจบมัธยมที่นี่ก่อนถึงจะให้ไปอยู่กับหลวงลุง หญิงออนเสนออย่างเร่าร้อนว่าไปอยู่บ้านตนก็ได้ เพราะบ้านออกใหญ่โต

"ไม่ได้หรอก พ่อบอกว่าถึงเราจะเป็นคนบ้านนอก แต่เราก็ต้องรู้จักเกรงใจคนอื่น ยิ่งใครดีกับเรา เราก็ต้องยิ่งเกรงใจเขา" เทินเอ่ย หญิงออนบอกว่าพวกตนไม่เคยคิดว่าเทินกับแพนเป็นคนอื่น

"แพนน่าจะมาเจอพวกเราก่อนที่จะกลับนะ" ชายใหญ่บ่นอย่างเสียดาย

"มันหายไปหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าหลบไปอยู่ไหน" เทินบอกหน้าเศร้าๆ ทุกคนเลยพลอยเศร้าไปด้วย เพราะอย่างไรเสียก็ถือว่าแพนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง เป็นเพื่อนที่น่าสงสารด้วย...

ooooooo

เหนือมนุษย์ ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

กลางดึก แก้วรุ้งฟื้นขึ้นมา รู้สึกว่ามีใครกุมมือเธออยู่ พอมองไปเห็นเหมันต์นอนกุมมือเธออยู่ข้างๆก็รู้สึกอบอุ่นในใจ "พี่เป็นคนช่วยแก้วมาใช่มั้ยคะ...พี่...ว้าย ตายแล้ว"

แก้วรุ้งเห็นเลือดที่ไหลจากแผลหน้าท้องเหมันต์ เธอตกใจมากรีบวิ่งไปหาน้ำสะอาดมา  ฉีกเสื้อของเขาออก  แล้วมองหาผ้าที่จะเช็ดแผล ไม่มีจึงถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออกมาชุบน้ำเช็ดบาดแผลให้เขา "แผลลึกเสียด้วย พี่เจ็บมากแน่ๆ"

เหมันต์ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ นิ้วมือกระดิก แก้วรุ้ง

รีบบอกว่าเธอจะทำให้เบามือที่สุด แล้วปลอบเขาว่า "เข้มแข็งไว้ นะคะ  พี่เจ็บตัวเพราะแก้วแท้ๆเลย  แต่ทำไมเวลาเจอหน้าแก้ว

พี่ถึงชอบตีหน้ายักษ์ใส่แก้วนัก..."

แก้วรุ้งเห็นเหมันต์นิ่งไปจึงก้มหน้ามามองหน้าเขาใกล้ๆอย่างพินิจพิจารณา "ความจริงพี่ก็ดูใจดีนะ รู้มั้ยคะเวลาพี่หลับพี่ดูอบอุ่นมากเลย แก้วอยากจะหยุดเวลาแล้วเก็บภาพนี้ไว้ในใจตลอดไป..."

เหมันต์ลืมตาขึ้นมาสบตาแก้วรุ้ง ยิ้มแล้วดึงเธอมากอดแนบอก เธอตกใจร้องให้ปล่อย เขาพูดว่า "จะรีบไปไหนล่ะ อุตส่าห์ หยุดเวลาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ..."

"คนบ้านี่แอบฟังแก้วตั้งแต่เมื่อไหร่"

"แล้วที่แอบมองฉันอยู่ตั้งนานสองนานล่ะ จะคิดค่ามองเท่าไหร่ดี"

"แก้วไม่มีเงินติดตัวสักบาท"

"ใครว่าฉันอยากได้เงิน ฉันอยากได้..." เหมันต์ทำเป็นคิด พอแก้วรุ้งถามว่าอะไร เขาก็กอดเธอแน่นอีกและบอกว่า "...กอดดีๆสักทีนึง"

แก้วรุ้งนึกได้ว่าทับแผลเขาอยู่จึงรีบผละออกมองไปที่แผลเขา มันค่อยประสานหายไปเธอตกใจ "คุณพระช่วย! พี่ทำได้ยังไง!"

"ความสามารถเฉพาะตัว ห้ามเลียนแบบ" เหมันต์ยังมีอารมณ์กวน

"มันไม่ตลกเลยนะคะ พี่เป็นตัวอะไรกันแน่"

เหมันต์ถอนใจลุกเดินออกไป แก้วรุ้งลุกตาม "พี่เหมันต์... พี่จะเดินหนีแก้วอีกกี่ครั้งคะ เมื่อไหร่จะพูดความจริงเสียที"

"ถ้าเธอรู้ความจริง เธอจะเกลียดฉันรึเปล่า?" เหมันต์

หันมาเผชิญหน้าเห็นเธออึ้งก็หัวเราะออกมา  "ฮึๆ...ไม่น่าถามโง่ๆเลย"

"แล้วความจริงคือ...ว้าย ปล่อยแก้วนะ" แก้วรุ้งพูดไม่ทันจบเหมันต์ก็แบกเธอพาดบ่าวิ่งไปอย่างรวดเร็วราวพายุ

มาถึงบ้าน หน้าบ้านแก้วรุ้งมีรถตำรวจจอดอยู่เต็ม คนในบ้านเป็นกังวลที่เธอหายไป เหมันต์พาแก้วรุ้งมาปรากฏบนห้องนอนแล้วปล่อยเธอลง สบตาเธอก่อนจะพูดว่า "กลับสู่โลกความจริง ลืมทุกอย่างไปซะ"

แก้วรุ้งดึงมือเหมันต์ไว้ "พี่จะให้แก้วลืมหรือคะ วันนี้มีคนจะฆ่าแก้ว...พี่รู้ใช่มั้ยคะ ใครต้องการชีวิตของแก้ว เขาจะฆ่าแก้วทำไม"

"ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอันตรายอีก"

แก้วรุ้งขึ้นเสียงถามว่าใครจะฆ่าเธอ เธอจะให้พ่อจัดการ เหมันต์อึ้งก่อนจะขึ้นเสียงดังกว่า "ตำรวจทำอะไรมันไม่ได้ เข้าใจมั้ย พ่อเธอจะเดือดร้อนไปด้วย"

แก้วรุ้งจะพูดต่อ แต่มีเสียงเคาะประตูและเสียงเรียกจากจีรนุชขัดจังหวะ ไม่ทันไร จีรนุชกับเจษฎาเปิดประตูเข้ามา ท่าทางดีใจมากเมื่อเห็นเธอ เหมันต์หายวับไปตามเคย จีรนุชเข้ามากอดพร่ำถามว่าหายไปไหนมา

"คุณพ่อ คุณแม่"

"แม่แทบบ้าตายเลยรู้มั้ย คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะลูก"

"พ่อเห็นนายเพิ่มจอดรถหลับอยู่ริมรั้ว ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง"

"นี่คุณพ่อเป็นห่วงมาก ให้ลูกน้องช่วยตามกันจ้าละหวั่น แต่อยู่ๆพ่อกับแม่เดินขึ้นมาได้ยินเสียงลูกในห้อง แก้วกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่มีใครเห็นเลย..."

แก้วรุ้งเล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่า เธอกลับมาบ้านตั้งแต่บ่าย เผลอนั่งหลับตรงระเบียบเลยไม่มีใครเห็น จีรนุชอยากจะตีลูกสาวสักทีที่ทำให้ตกอกตกใจ แก้วรุ้งขอโทษพ่อกับแม่...และในคืนนั้น กระถินโทร.มา แก้วรุ้งรีบรับสาย "กระถินเหรอจ๊ะ ว่าไง"

"แกต้องตาย..." เสียงปลายสายเป็นเสียงกินรีดูน่ากลัว

แก้วรุ้งคิดว่ากระถินล้อเล่น แต่พอพูดมาอีกว่า "ฉันไม่ใช่เพื่อนแก..."

"ฉันรู้ คุณใช้เบอร์กระถินโทร.เข้ามาได้ยังไง" แก้วรุ้งเดินออกมาพูดที่สนามหน้าบ้าน

เสียงกินรีหัวเราะ "แม่กวางน้อยแสนซื่อ ยังมีอะไรในโลกนี้ที่แกไม่รู้อีกแยะ แต่น่าเสียดายที่แกเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้ไม่นานนัก"

"คุณใช่มั้ยที่มาฆ่าฉัน! คุณเป็นใคร จะฆ่าฉันทำไม!" ไม่ทันที่แก้วรุ้งจะพูดจบ ก็รู้สึกว่ามือถือร้อนจนต้องโยนทิ้งลงพื้น พลันมือถือระเบิดกระจายเป็นเสี่ยง แก้วรุ้งตกใจกลัว...

ooooooo

ส่วนตัวกระถิน ค้นภาพตอนเด็กๆที่ถ่ายกับยายบัวออกมาดู หน้าตาเธอเหมือนอินทุกาจริงๆ และยิ่งวันที่ยายบัวพบเธอตรงกับวันที่อินทุกาตาย ทำให้เธอเชื่อแน่แล้วว่าเธอคืออินทุกา แต่แปลกใจว่าทำไมถึงทำหลุมศพเธอทั้งที่เธอยังไม่ตาย กระถินมาเสิร์ชหาข่าวอินทุกา ชโรดม ในเน็ต พบพาดหัวข่าวว่า...บึ้มสยองสองศพ ดร.ชาติ ชโรดม นักวิจัยชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเป็นเหตุให้นางเอมอร ภรรยาและ ด.ญ.อินทุกา บุตรสาว ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาที่...

กระถินคิดทบทวน แสดงว่าชาติคือพ่อของเธอ กระถินรีบไปที่โรงพยาบาลโรคจิตตามที่ลูกกบค้นหาให้ พอดีได้เจอคงเดชถือแฟ้มเอกสารเดินออกมาจากลิฟต์จึงพุ่งเข้าไปถาม

"ขอโทษนะคะ  รู้จักด็อกเตอร์ชาติ  ชโรดม  มั้ยคะ

ท่านเป็นหมอแผนกไหน"

คงเดชชะงักมองหน้ากระถินก่อนจะตอบว่า "ที่นี่ไม่มีหมอชื่อชาตินะครับ"

กระถินไม่เชื่อ คงเดชจึงให้ไปลองถามคนอื่นดูก็ได้ แล้วเดินเลี่ยงไป กระถินน้ำตาร่วงที่ไม่มีโอกาสเห็นหน้าพ่อ พลันได้ยินเสียงเพลงไพเราะดังมา เนื้อหากระทบจิตใจเธอมาก จึงเดินตามเสียงเพลงนั้นไป มาถึงห้องกิจกรรม มีคนไข้นั่งวาดภาพเล่นอยู่หลายคน รวมทั้งชาติที่นั่งนิ่งมีผ้าพันแผลพันหน้าครึ่งซีกอยู่ด้วย พอกระถินเดินผ่าน กล่องสีเกิดหล่นลงมา กระถินจึงหันมาช่วยเก็บขึ้นวางตรงหน้าชาติ เธอมองเขาอย่างรู้สึกสงสารจับใจ อยากให้เขารับรู้และมีความสุขจึงเอากระดาษมาวาดภาพพ่อจูงลูกสาว แล้วเขียนชื่อกำกับว่า พ่อชาติกับอินทุกา

"หนูอยากจับมือพ่อเหมือนแบบนี้แต่คงเป็นไปไม่ได้...ถ้าคุณลุงบังเอิญเจอพ่อของหนูช่วยบอกท่านด้วยนะคะ

ว่าหนูคิดถึงมาก" กระถินยกภาพขึ้นให้ชาติดูแล้ววางลงตรงหน้า

ชาติน้ำตาเอ่อขึ้นมาจนหยดแปะลงบนภาพ กระถินเดินไป นักจิตบำบัดเดินสวนเข้ามาเห็นชาติมีปฏิกิริยาน้ำตาไหลก็ดีใจร้องขึ้นว่า "ด็อกเตอร์ชาติร้องไห้!"

"พ่อ! พ่อชาติ..." กระถินหันขวับมาทันที ถลาเข้ากอดชาติน้ำตาไหลพรั่งพรู

ทุกคนตะลึง คงเดชรีบเข้ามามองอึ้งๆ ชาติพยายามคุมสีหน้าให้นิ่ง คงเดชเข้ามาเข็นรถชาติพาออกไป กระถินวิ่งตามอยากคุยด้วย คงเดชบอกว่าเขาต้องรีบพาคนไข้ไปพักผ่อน

"ท่าทางคุณไม่อยากให้หนูคุยกับพ่อเลยนะคะ" กระถินต่อว่าคงเดช

"จากประวัติของคนไข้ ภรรยากับลูกสาวของด็อกเตอร์ชาติตายไปนานแล้วนะหนู"

"หนูไม่ได้โกหกนะคะ หนูเป็นลูกสาวที่ทุกคนเข้าใจว่าตายไปแล้ว"

เหนือมนุษย์ ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

เพราะเป็นคำสั่งของอาจารย์เพี้ยน ทำให้ต๋องกับอู๊ดต้องมาตัดต้นกล้วยในสวนยายบัว ต๋องเร่งให้ช่วยกันตัดไวๆเพราะไม่อยากเจอกระถิน กลัวต้องเจ็บตัวอีก พอกระถินรู้จากลูกกบว่าต๋องอยู่ในสวน จึงเอาปืนเพนต์บอลไปแกล้งยิงใส่ ให้ต๋องกับอู๊ดเลอะไปด้วยสีเต็มตัว

"ยัยกระทิง ฉันรู้นะฝีมือเธอ แน่จริงอย่าลอบกัดซี้"

"หุบปาก...คนอย่างฉันไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว" กระถินโผล่พรวดออกมาโวย

"ถูก เพราะคนอย่างเธอสมควรจะกลัวตัวเองที่สุด เคยส่องกระจกดูหน้าตัวเองบ้างมั้ยว่ามันโหดแค่ไหน ยัยกระทิง" ต๋องโวยกลับ

"อี๊...ไอ้โรคจิต ฉันไม่มีทางอภัยให้นายอีกแล้ว"

"ฉันก็เหมือนกัน ฉันเกลียดเธอที่สุดในโลก" ต๋องแลบลิ้นปลิ้นตายั่ว

กระถินโกรธสุดๆ ไล่ยิงต๋อง จนเขาต้องลากอู๊ดวิ่งหนีถามว่าจะนั่งรอให้กระถินเอางูมาปล่อยกัดเอาหรือ กินรีมาสังเกตการณ์ ได้ยินก็สะดุดหูรู้ว่ากระถินพูดกับงูได้ จึงคิดแผนร้าย...กระถินวิ่งตามไล่ล่าต๋องไปทั่วสวน พลันรู้สึกมีเงาวูบวาบผ่านไปมา ก็คิดว่าต๋องแกล้งแต่แล้วพอแหวกพุ่มไม้ดูกลับเจองูเห่าตัวใหญ่ฉกกัดที่ขาล้มลง สักพักเธอก็หมดสติ กินรีก้าวออกมายิ้มเยาะ

"คนเก่ง ไหนว่าพูดกับงูได้ไง ทำไมตายง่ายอย่างนี้"

ไม่ทันไร ต๋องโผล่มาเห็นกระถินนอนหมดสติอยู่ มีอู๊ดเดินตามมา ทั้งสองตกใจเข้าไปดูเห็นกระถินหน้าซีดมีรอยเขี้ยวงูที่ขาและเลือดไหลซึมออกมา ต๋องเป็นห่วงกระถินอย่างจริงใจร้องเรียกกระถินอย่าตายนะ อู๊ดรีบวิ่งกลับไปตามคนมาช่วย ต๋องนึกได้รีบฉีกเสื้อตัวเองมัดที่ขากระถิน แล้วใช้ปากดูดพิษที่ขาออกบ้วนทิ้ง ยายบัวกับอาจารย์เพี้ยนมาถึงเห็นการกระทำของต๋องพอดี ต่างเข้าไปช่วยอุ้มกระถินส่งโรงพยาบาล...

กินรีกลับมารายงานอมรว่ากระถินโดนงูกัดตายแล้ว "ฉันเห็นมากับตา ไม่มีทางที่นังเด็กนั่นจะเป็นคนเดียวกับอินทุกาไปได้ แค่งูฉกยังปกป้องตัวเองไม่ได้ มันคงไม่ใช่ศัตรูของเรา"

แต่อมรไม่ปักใจเชื่อ เพราะรู้ซึ้งถึงพลังของพระนาคปรกที่คุ้มครองกระถินอยู่ ถ้าจะให้แน่ชัดต้องทำลายพระนาคปรกเสียด้วย...

กระถินฟื้นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาล ที่แขนมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ พยาบาลถือถาดอุปกรณ์ล้างแผลเข้ามา จึงถามว่าเธอเป็นอะไร พยาบาลตอบว่า "คุณถูกงูพิษกัด ที่ข้อเท้าค่ะ แต่โชคดีที่คุณได้รับการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี พิษเลยไม่แล่นเข้าหัวใจ"

กระถินจับที่คอตกใจที่ไม่มีสร้อยจึงถามพยาบาล เธอบอกว่าวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง จึงโล่งใจ พยาบาลขอทำแผลแต่พอเปิดผ้าพันแผลออก กระถินเห็นแผลเธอค่อยๆเลือนหาย พยาบาลไม่ทันเห็นกำลังเตรียมแอลกอฮอล์อยู่ กระถินไม่อยากให้ใครรู้เห็นจึงรีบลุกขึ้น ดึงสายน้ำเกลือออกด้วยความรีบร้อนจึงปัดถาดตกพื้น
พยาบาลตกใจหันไปมอง เห็นกระถินลงจากเตียงเหยียบกรรไกรบาดเท้าแล้ววิ่งไป จึงร้องถาม "คุณคะ จะไปไหนคะ..."

กระถินไม่ตอบแต่รีบวิ่งหนีออกไปโดยไม่ลืมที่จะคว้าสร้อยพระนาคปรกไปด้วย เธอโบกรถแท็กซี่บอกให้พาเธอไปวิทยาลัยประจิม ระหว่างนั่งรถไปเธอมองสร้อยในมือ "ต้องเป็นเพราะพระองค์นี้แน่ๆ พระองค์นี้มีอำนาจสะกดอะไรบางอย่างในตัวฉัน..."

กระถินมาเล่าทุกอย่างให้อาจารย์เพี้ยนฟังและเชื่อว่าถ้าเธอไม่ถอดสร้อย เหตุการณ์ร้ายๆจะไม่เกิดขึ้น อาจารย์เพี้ยนจึงย้ำไม่ให้เธอถอดอีก และกำชับไม่ให้บอกเรื่องนี้กับอมร อ้างว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์อาจจะอยากพิสูจน์จนชีวิตเธอไม่สงบสุข กระถินพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ooooooo

เย็นวันนั้น   แก้วรุ้งกำลังค้นหาหนังสืออยู่ในห้องสมุดวิทยาลัย จนพบหนังสือชื่อ...ปรากฏการณ์คนเหนือคน...พอเริ่มอ่านไปได้สักพัก เหมันต์ก็โทร.เข้ามาถามว่ากำลังค้นหาเรื่องเขาอยู่หรือ   แก้วรุ้งรีบปฏิเสธบอกว่าเธอแค่หาข้อมูลทำรายงาน   แต่แล้วเหมันต์ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า  ดึงหนังสือเธอไปดู  "จะทำรายงานเรื่องเหนือมนุษย์เนี่ยนะ"

แก้วรุ้งเหมือนเด็กโกหกถูกจับได้ เหมันต์จึงพูดว่า "อย่ารู้จักเลยดีกว่า ยิ่งรู้ก็ยิ่งอันตราย"

"พี่เหมันต์พูดเรื่องอะไร แก้วไม่เข้าใจ"

"หนังสือเล่มนี้ไม่มีใครอ่านจบหรอก" เหมันต์เอาหนังสือไปเก็บเข้าชั้นดังเดิม

แก้วรุ้งไม่เข้าใจ เหมันต์จึงอธิบายว่า "เพราะคนอ่านจะต้องพบจุดจบก่อนน่ะสิ  อย่าอ่านมันอีกเลย...แต่ถ้าอยากรู้

อ่านแค่เล่มนี้ก็พอ"

แก้วรุ้งรับหนังสือที่เหมันต์ยื่นมาให้ เห็นเป็นหนังสือที่แฟนคลับของเขาจัดทำขึ้น แก้วรุ้งเงยหน้าจะถาม แต่เหมันต์ หายตัวไปแล้ว  เธอจึงรีบจะไปเอาหนังสือเดิมมาแต่กลับหาไม่เจอเลย

คืนนั้น อาจารย์เพี้ยนพากระถินมาส่งบ้าน ในขณะที่ต๋องไข้ขึ้นสูงจนแป๊ะเล้งกับสำลีตกใจรีบพาส่งโรงพยาบาล หมอตรวจพบว่ามีพิษในร่างกาย อาจไม่รอดเพราะไม่รู้ว่าพิษอะไร พออู๊ด รู้เรื่องก็สงสัยว่าจะเป็นพิษงูที่ต๋องดูดจากแผลกระถิน...วันรุ่งขึ้น แก้วรุ้งมาพบอมรเพื่อถามว่ารู้เรื่องการมีพลังจิตของเหมันต์บ้างไหม อมรชะงักแต่พูดไปว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ แก้วรุ้งหน้าเจื่อนกลับไป...กระถินมาเรียนตามปกติ แก้วรุ้งกับลูกกบแปลกใจที่ดูกระถินสดชื่นไม่เหมือนคนป่วย อู๊ดเดินเข้ามาอย่างคนไม่สบอารมณ์

"ยังมีอารมณ์มาทำหน้าระรื่นกันอยู่อีกเหรอ รู้บ้างมั้ย ไอ้ต๋องป่วยหนักอาการปางตาย เพราะเอาปากที่เป็นแผลดูดพิษงูช่วยชีวิตกระถินไว้ ตอนนี้อาการสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาล"

ทุกคนตกใจ รีบไปเยี่ยมต๋อง ยกเว้นกระถินที่ทำตัวไม่ถูก ต๋องรู้สึกตัวแต่หน้าซีดเผือด เขาดีใจเมื่อเห็นหน้าแก้วรุ้งฝืนยิ้มพูดว่าได้เห็นหน้าเธอ เขาก็หายแล้ว อาจารย์เพี้ยนถามต๋องว่าไม่รู้หรือว่ามีแผลที่ปากไม่ควรดูดพิษงู ต๋องตอบว่ารู้

"รู้แล้วยังจะทำอีกเหรอ   เดี๋ยวก็ได้เป็นผีเฝ้าป่ากล้วยหรอก"

"แล้วถ้าอาจารย์เป็นผม อาจารย์จะทำอย่างผมมั้ยล่ะครับ...ผมไม่ได้อยากเป็นวีรบุรุษหรอกนะครับ แต่ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นคนดีๆตายไปตรงหน้า"

"แต่กระถินไม่ถูกกับเธอนะ" อาจารย์เพี้ยนย้อนถาม

"ยังไงเธอก็เป็นคนดี มีชีวิต มีจิตใจ ผมปล่อยให้ตายไม่ได้หรอกครับ"

อาจารย์เพี้ยนรู้สึกประทับใจต๋องขึ้นมาทันที หันไปถามแก้วรุ้งว่ากระถินไม่มาด้วยหรือ แก้วรุ้งบอกว่าชวนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมา ต๋องพูดว่าไม่เป็นไร แค่เห็นรอยยิ้มของแก้วรุ้ง ก็เป็นยารักษาทั้งตัวและหัวใจเขาแล้ว ทุกคนเอียนคำพูดน้ำเน่าของต๋อง สำลีเห็นต๋องเหนื่อยมากแล้วจึงบอกให้นอนพัก แล้วดึงอาจารย์เพี้ยนออกมาคุยห่างๆอย่างเศร้าๆ

"หมอบอกว่าร่างกายรับพิษอย่างรุนแรงค่ะ ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ ถึงจะรับรองความปลอดภัย" สำลีพูดไปน้ำตาซึม

"หนักขนาดนั้นเลยเหรอ" อาจารย์เพี้ยนตกใจ

"ครับ เป็นตายเท่ากัน หมอบอกว่าพิษตกค้างในร่างกาย อาจจะช็อกได้ตลอดเวลาครับ"

อาจารย์เพี้ยนสงสารต๋องที่ต้องปางตายเพราะช่วยชีวิตคนอื่นไว้แท้ๆ...และกลางดึกคืนนั้น กระถินก็แอบเข้ามาเยี่ยมต๋อง เธอจับมือเขาร้องไห้ "เพราะฉันแท้ๆนายถึงได้เป็นแบบนี้"

น้ำตากระถินหยดลงบนหลังมือต๋อง แสงวาบขึ้นทำให้ เครื่องวัดชีพจรเต้นเป็นปกติ ต๋องลืมตาขึ้นอย่างกระชุ่มกระชวย กระถินรีบปล่อยมือจะเดินหนี ต๋องเรียกเธอไว้ กระถินหันมาพูดกวนๆว่าเธอมาดูว่าเขาตายหรือยัง

"คนใจหยาบอย่างเธอคงจะดีใจมาก คงอยากเห็นฉันตายไปต่อหน้าต่อตา"

"ก็ปากอย่างเนี้ย ไม่สมควรตายด้วยพิษงูหรอก น่าจะตายเพราะหมัดมากกว่า" กระถินสะบัดหน้าจะไป ต๋องคว้ามือเธอไว้

เขาถามว่าเธอจะไม่ขอบใจเขาบ้างหรือ กระถินกัดฟันพูดคำว่าขอบใจออกไป แต่ต๋องกลับบอกว่ายังไม่พอ กระถินจึงถามว่าจะให้เธอทำอะไร

"ยังไม่รู้ ขอคิดดูก่อน...ถ้าเธอไม่เป็นทอม ก็ว่าจะขอ...จูจุ๊บ..." ต๋องทำปากยื่น

กระถินโกรธผลักต๋องโครมบนเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องไป ต๋องยิ้มรู้สึกสบายใจเมื่อได้ต่อปากต่อคำกับกระถิน แล้วแปลกใจที่ตัวเองดูสดชื่นเหมือนคนปกติ...กระถินเดินบ่นมาตามทางเดินโรงพยาบาล แล้วล้วงสร้อยพระนาคปรกออกมาสวมใส่ตามเดิม ในขณะที่ต๋องเดินยืดเส้นยืดสายตัวเองด้วยความแปลกใจ แล้วเหลือบเห็นที่ระเบียงเหมือนมีเงาใครอยู่ จึงแหวกม่านออกไปดู มีชายคนหนึ่งพ่นสเปรย์ใส่หน้าเขา เขาล้มลงหมดสติทันที

ooooooo

ในบ้านอมร เหมันต์ถูกจับล่ามโซ่ขึงไว้ที่ผนังหน้าตาสะบักสะบอม ถูกลงโทษที่ไม่ยอมฆ่าแก้วรุ้งเสียที กินรีขอร้องให้ปล่อยเหมันต์ อมรโวยหาว่าให้ ท้ายจนกล้าขัดคำสั่งเขา เหมันต์พูดขึ้นว่าเขายอมตายแทนแก้วรุ้ง อมรโกรธมากกระชากเหมันต์เหวี่ยงทะลุกระจกจากชั้นบนไปกองที่พื้นสนาม แล้วโดดตามลงมาเหยียบอกคำรามว่า "ถ้าฉันยังไม่ให้แกตาย แกก็ตายไม่ได้ จำไว้..."

กินรีประคองเหมันต์ไปทำแผล ดึงเศษกระจกออกจากร่างกายแล้ววางแก้วให้ดื่ม "ดื่มเลือดแก้วนี้ซะ มันจะช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น"

เหมันต์ปัดทิ้งไม่ยอมกิน กินรีโกรธ "อวดดีไม่เข้าท่า ไม่กินวันนี้ ต่อไปเธอก็ต้องกิน"

พอเห็นเหมันต์นิ่งเมินหน้าหนี กินรีจึงเอาถาดยามาวางให้ "ยาที่เธอกินอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ได้ช่วยให้เธอมีชีวิตอยู่ตลอดไปหรอกนะ อายุครบ 18 ปีเมื่อไหร่ สัญชาตญาณปีศาจในตัวจะทำให้เธอหิวกระหายเลือดจนแทบคลั่ง"

"ผมควบคุมมันได้"

"ไม่มีทาง อีกสามเดือนเธอจะมีอายุครบ 18 เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะรู้เอง" กินรีจะเดินออกไป แต่หันมากำชับว่าถ้าไม่อยากตายตอนนี้ก็กินยาเสีย เหมันต์มองยาในถาดอย่างหนักใจ...

เช้าวันใหม่ แป๊ะเล้งกับสำลีตื่นมา พบต๋องนอนอยู่หน้าบ้านก็เข้าไปปลุก ต๋องแปลกใจว่าเขามาอยู่บ้านได้อย่างไร คิดว่ากระถินเป็นคนพามา จึงมาดักรอกระถินที่หน้าตึก พอเธอเดินมาก็พูดว่า "ที่จริงจะพาฉันออกจากโรงพยาบาล บอกกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องลักพาตัวฉันออกมาเลย"

"พูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง" กระถินทำหน้างงงวย

"เอ๊ะๆหรือว่าเธอแอบทำมิดีมิร้ายฉัน ตอนไม่รู้สึกตัว ฮันแน่...ร้ายนะเรา..."

"นายพูดอะไรของนาย ประสาท..."

"ทำเป็นไก๋...แต่ช่างเถอะ ฉันแค่จะมาทวงสัญญาจากเธอ" ต๋องทวงสัญญาที่ช่วยชีวิต

กระถินจำยอมถามว่าจะเอาอะไรให้บอกมา ต๋องขอให้เธอนัดแก้วรุ้งมาออกเดทกับเขาหนึ่งวัน...กระถินไม่พอใจจึงวางแผนกับลูกกบ แกล้งนัดให้พบกันในวัด อ้างว่าจะได้ ทำบุญร่วมชาติกัน ถึงวันนัด ต๋องแต่งสูทสุดเท่ไปซื้อดอกไม้ที่ร้านแถวบ้าน ลูกกบขี่ซาเล้งมารับ ต๋องเคืองที่ไม่เข้ากับชุดเขาเลย แต่จำต้องนั่งไป ระหว่างทางเขาหลับฝันไปว่าตอนเขามอบช่อดอกไม้ให้แก้วรุ้ง เธอดึงเขาไปจูบ ต๋องเคลิ้มจนพลัดตกรถ ลูกกบบอกให้ต๋องรอที่วัดจนกว่าแก้วรุ้งจะมา

วันนี้แก้วรุ้งแต่งตัวน่ารัก บอกพ่อกับแม่ว่าเธอจะไปทำบุญที่วัดกับเพื่อนๆจีรนุชจึงให้คนขับรถไปส่ง ระหว่างนั่งรถไป แก้วรุ้งรู้สึกว่าไม่ใช่เส้นทางที่เธอจะไปจึงทัก "นี่ไม่ใช่ ทางไปวัดนี่ นายเพิ่ม..."

"ฮึๆก็ทางลัดไปนรกไงล่ะ นังแก้วรุ้ง" กินรีปลอมเป็นเพิ่มคนขับรถ

แก้วรุ้งตกใจ จับไหล่คนขับจะดูว่าเป็นใคร ทันใด ร่างหายวับไปเหลือแต่เสื้อกับหมวกร่วงอยู่ แก้วรุ้งตกใจเพราะรถแล่นไปโดยไม่มีคนขับ เธอร้องให้คนช่วย ไม่นาน...รถมาจอดนิ่งที่สุสานรถยนต์ แก้วรุ้งพยายามเปิดประตูรถออกเธอทุบกระจกลนลาน กินรียืนมองหัวเราะอย่างสะใจใช้พลังจิตทำให้ควันจากท่อไอเสียย้อนกลับเข้าไปในรถ แก้วรุ้งสำลักควันจนแทบหมดสติ

"คนตายเท่านั้นที่จะรักษาความลับไว้ได้" กินรีหัวเราะก่อนจะหันหลังเดินไป

พลันได้ยินเสียงเหมือนล็อกประตูเปิด จึงหันกลับมามอง เห็นเหมันต์กำลังอุ้มแก้วรุ้งออกจากรถมาวางแล้วกอดเธอแนบอกร้องให้เธอฟื้น "แก้วรุ้ง อยู่กับฉัน อย่าทิ้งกันไปนะ"

กินรีเหาะมาลงตรงหน้าตวาด "ด็อกเตอร์สั่งให้ฉันมาจัดการมันแทน หลีกไปซะ"

"ผมรู้นะ คุณไม่ได้โหดร้ายเหมือนด็อกเตอร์อมร อย่าฆ่าคนบริสุทธิ์อีกเลย"

แววตากินรีหวั่นไหวแต่แล้วฮึดขึ้นมาบอกเหมันต์ให้ หุบปาก เธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่ง เหมันต์ไม่ยอมจึงผลักกินรีกระเด็นไปแล้วบอกให้ฆ่าเขาได้ แต่อย่าทำร้ายแก้วรุ้ง ทั้งสองต่อสู้กันอย่างรุนแรง เหมันต์สู้กินรีไม่ได้ เขาโดนเธอตะปบเข้าที่ท้องเลือดกระฉูด เหมันต์รวบรวมพลังทำให้ลมพายุพัดถังน้ำมันกลิ้งกระจายมาใส่กินรี แล้วฉวยโอกาสแบกแก้วรุ้งวิ่งหนีไปอย่างเร็ว

"บ้าจริง! เหมันต์ ผู้หญิงคนนั้นจะทำให้เธอเดือดร้อน" กินรีตะโกนก้องเมื่อตั้งตัวได้

เหมันต์แบกแก้วรุ้งบนหลังวิ่งกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเลือดที่ท้องหยดเป็นทาง ผ่านท้องทุ่งไปจนเย็นย่ำ...ในขณะที่ต๋องเฝ้ารอแก้วรุ้งจนทนไม่ไหว โวยวายใส่กระถินหาว่าหลอก ให้เขารอ กระถินอยากจะอัดต๋องแต่ติดตรงที่เธอต้องรักษาสัญญา ลูกกบแนะให้ใช้แผนสอง ด้วยการให้กระถินแต่งเป็นแก้วรุ้ง ใช้มาส์กปิดปาก สวมแว่นดำออกมาหาต๋อง ทำทีว่าไม่สบายแต่ก็มาตามนัด หลายครั้งที่กระถินอยากจะซัดต๋องด้วยความหมั่นไส้กับคำพูดเชยๆของเขา

โต๊ะสำหรับดินเนอร์ถูกจัดไว้กลางป่าช้า โดยที่ต๋องไม่รู้ แต่พออู๊ดฉายไฟเห็นว่ามีแต่หลุมศพก็ร้องโวยวายด้วยความกลัว ทำเอาต๋องต้องวิ่งหนีป่าราบไปด้วย เท่านั้นไม่พอ กระถินยังทำเป็นผีเจ้าแม่หลอกให้ต๋องสัญญาว่าจะไม่จีบแก้วรุ้งอีก แต่ต๋องจับสำเนียงได้

"มันเกี่ยวกันตรงไหน ผมชอบแก้วรุ้งนะฮะไม่ได้ชอบเจ้าแม่...และไอ้คำว่าไอ้โรคจิตเนี่ยมันคุ้นๆนะ คนที่เรียกผมอย่างนี้ มีแต่ยัยกระถินคนเดียว"

กระถินซึ่งปีนไปยืนบนต้นไม้สะดุ้ง พลาดหล่นลงมา ต๋องรับตัวไว้กลิ้งไปด้วยกัน เขาจึงจับได้ว่าเป็นกระถินแกล้งเขาจริงๆ ต๋องกดตัวกระถินไว้ไม่ให้ลุก

"อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นผีมาหลอก น่าชื่นชมในความพยายาม แต่คราวหน้าเล่นให้เนียนหน่อยนะน้อง..."

"ไอ้บ้า ใครน้องแก ไปให้พ้นเลยไป" กระถินดิ้นจะลุก

ต๋องยังกดตัวทับบนตัวกระถินไว้ แล้วแกล้งยื่นหน้าทำเป็นจะจูบ กระถินเบือนหน้าหนีร้องลั่น "อี๋ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ถ้านายจูบฉัน ฉันยอมตายดีกว่า"

"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่จูบไม้กระดานหรอก...ข้างหน้าข้างหลังแบนเท่ากันแบบนี้ แปลงเพศไปเลยดีกว่านะเธอ" ต๋องหัวเราะเยาะ

"แก๊..." กระถินทั้งโกรธทั้งอาย ยกเข่ากระแทกเข้าตรงเป้า ต๋องผงะหงาย

"อูย...ต๋องน้อยของฉันชำรุดแล้ว ไม่มีอะไหล่เปลี่ยนนะ" ต๋องกุมเป้าร้องลั่น

กระถินสมน้ำหน้าก่อนจะลุกวิ่งไปหลบข้างที่เก็บกระดูก อินทุกาพอดี ต๋องพยายามลุกวิ่งตามจะเอาเรื่อง กระถินหลอกให้ต๋องไปทางอื่น พลันเห็นชื่ออินทุกาก็หยุดมอง "อินทุกา ชโรดม ตายปีเดียวกับที่ยายบัวเจอเราเลยนี่ แสดงว่าอินทุกามีตัวตนจริงๆ เรื่องที่เราฝันไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ"

เหลียวไปข้างๆเห็นชื่อและรูปเอมอร ชโรดม ก็มั่นใจว่าคือแม่จึงกอดโกศร้องไห้โฮ...

เหมันต์พาร่างแก้วรุ้งมานอนบนเถียงนาเล็กๆเขาลูบผมเธอพร่ำพูดว่าหลับให้สบายเขาจะดูแลเธอเอง ไม่ทันไรเขารู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบขมับ เจ็บปวดจนต้องร้องออกมาแล้วล้มลงหมดสติข้างแก้วรุ้ง มือเขายังเอื้อมไปกุมมือเธอไว้เพื่อบล็อกจิตไม่ให้อมรเข้าถึง....

ooooooo

เหนือมนุษย์ ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

หมดสภาพต้องให้อู๊ดรมยาดมให้ พอต๋องรู้สึกตัวก็งัดยาดมเทอร์โบจากกระเป๋าตัวเองมาดมแทน เหมันต์เดินผ่านไป ต๋องเห็นแล้วอดห่วงไม่ได้จึงแอบตามไป เห็นเหมันต์ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกเรียน ระบายอารมณ์ด้วยการชกกำแพงจนเลือดอาบมือ ต๋องเข้ามาจับแขนเหมันต์ไว้

"ทำไมนายต้องทำร้ายตัวเองด้วยวะ"

"เรื่องของฉัน..." เหมันต์สะบัดมือออก

ต๋องถามอีกว่ามีปัญหาอะไร ให้บอกเผื่อเขาช่วยได้ แต่กลับโดนเหมันต์ตะคอกใส่ว่าเขาไม่เกี่ยว ต๋องเสียใจ "นายเปลี่ยนไปมากนะเหมันต์ นายไม่ใช่คนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก"

"อย่ามาตีเสมอฉัน...คนอย่างนายไม่น่ามีปัญญาเรียนที่นี่ หาที่เรียนใหม่ให้สมกับฐานะตัวเองดีกว่า" เหมันต์พูดใส่หน้าต๋องหวังกดดันให้ออกไปจากที่นี่

อู๊ดตามมาได้ยิน โกรธแทนเข้าไปผลักอกเหมันต์ กำหมัดอยากจะต่อย แต่ต๋องรั้งไว้ แล้วบอกว่าจริงอย่างที่เหมันต์พูด เขามันคนละเกรดที่จะไปตีเสมอเป็นเพื่อน อู๊ดจึงปลอบต๋องว่าคนไม่เห็นความหวังดีก็อย่าไปเป็นห่วงให้เสียความรู้สึก อู๊ดดึงต๋องเดินไป เหมันต์ทรุดลงร้องไห้กับการที่ปฏิเสธความห่วงใยของเพื่อนรัก...
หน้าหอพักหญิง อมรถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีนักศึกษาฆ่าตัวตายถึงสิบสามคนในรอบสามเดือน หนึ่งในนักข่าวมีกระถินยื่นไมค์สัมภาษณ์อยู่ด้วย พออมรเห็นหน้ากระถินก็ชะงักถามทันทีว่าเธอเป็นใคร กระถินตอบว่าเป็นนักศึกษาปีหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์ที่นี่ อมรพยายามจะอ่านใจกระถินแต่ไม่สำเร็จจึงหันไปอ่านใจลูกกบแทน รู้ว่าลูกกบกับกระถินอยากสัมภาษณ์เขา จึงเปรยกับกินรี "จัดเวลาให้เด็กคนนี้ไปสัมภาษณ์ต่อที่ออฟฟิศฉันดีกว่า"

"จริงเหรอคะด็อกเตอร์ เย้ ไอ้ลูกกบ มีข่าวเด็ดลงแล้ว" กระถินดีใจแตะมือกับลูกกบ

พลันมีฝูงผึ้งบินหึ่งเข้ามา ผู้คนแตกฮือวิ่งหนี ยกเว้นอมรกับกินรีที่แค่ยกมือป้องไว้ กระถินรู้สึกว่าผึ้งไม่สนใจเธอเช่นกันจึงดึงลูกกบให้มายืนข้างๆ "ไม่เห็นมันตอมฉันเลย แปลก"

"จริงด้วย ขนาดผึ้งยังไม่ตอมเลย ท่าทางลูกพี่จะขึ้นคาน" ลูกกบแซวจึงโดนกระถินเขกหัว

ไม่นานมีเสียงนกหวีดโบราณดังขึ้น ฝูงผึ้งค่อยๆบินห่างออกไป อมรเห็นอาจารย์เพี้ยนใส่หมวกปีกกว้างบังหน้า ยืนโบกมือให้ผึ้ง จึงถามว่าเป็นคนปล่อยผึ้งมาหรือเขาเห็นเป่านกหวีด

"ก็ช่าย...แต่ฉันบังคับให้มันกลับบ้าน ผึ้งพวกนี้หนีไฟป่ามา ไม่รู้เรื่องแล้วอย่าปรักปรำ"

อมรโกรธที่มาเล่นลิ้นจึงถามว่าเป็นใครและพยายามอ่านจิต แต่อาจารย์เพี้ยนบล็อกไว้ให้อมรเห็นแค่เขาร้องเพลงบ้าๆบอๆแล้วหัวเราะร่า อมรโวยว่าใครปล่อยคนบ้าเข้ามาในวิทยาลัยของเขา  อาจารย์เพี้ยนรีบแนะนำตัวว่าเขาเป็นอาจารย์

ที่นี่ แล้วย้อนถาม "อ้อ...ด็อกเตอร์แน่ใจเหรอว่านักศึกษา

พวกนี้ฆ่าตัวตาย บางทีไอ้ฆาตกรมันอาจจะยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้"

พอเห็นอมรทำหน้าเหี้ยมก็รีบทำท่าคิกขุว่าล้อเล่นแล้วเดินลิ่วๆไป อมรมองตามเดือดๆ...กลับเข้าห้องทำงาน ทุบโต๊ะเปรี้ยงกระจกแตกร้าวไปทั่ว อมรแค้นใจเหมือนโดนหยาม ไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์เพี้ยนจะเป็นคนธรรมดา พลันฉุกคิดหรือว่า... อมรกับกินรีมาที่โรงพยาบาลโรคจิต

"ใจเย็นๆก่อนค่ะด็อกเตอร์ เขาจะหนีออกไปเพ่นพ่านข้างนอกได้ยังไง ในเมื่อด็อกเตอร์รับเขามาดูแลตั้งแต่เกิดเรื่อง" กินรีเดินตามพูดให้คลายความกังวล

"ไอ้ชาติมันฉลาดเป็นกรดตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ชอบทำอะไรเหนือความคาดคิด ฉันรู้จักมันดี" อมรไม่ไว้ใจ จึงมาดูให้รู้แน่

ตอนแรกไม่เห็นชาติในห้องพัก ไม่ทันไรได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ชาติในสภาพใบหน้าพันผ้าพันแผลเพราะถูกไฟไหม้เป็นแผลฉกรรจ์ไม่มีวันหาย กำลังถูกรุมจับจะฉีดยา เขาอาละวาดเหวี่ยงคงเดชและบุรุษพยาบาลล้มกลิ้ง อมรเป็นผู้มาหยุดเขาไว้ได้ คงเดชเข้ามารายงานว่า พอยาระงับประสาทหมดฤทธิ์ทีไร ก็คลุ้มคลั่งแบบนี้ทุกที จะออกไปช่วยลูกกับเมีย อมรลองอ่านใจชาติเห็นแต่ความว่างเปล่าเพราะสูญเสียความทรงจำไปแล้ว อมรสอบถามคงเดชคนดูแลว่าชาติเคยหนีออกไปได้บ้างไหม คงเดชตอบว่าไม่เคย

ขณะเดินกลับอมรบอกกินรีว่าเหลือแต่กระถินที่เขายังอ่านใจไม่ออก กินรีจึงเสนอให้กำจัดไปเลย ถึงจะใช่หรือไม่ใช่อินทุกาก็ตาม... คืนนั้น กระถินกำลังทำรายงานกับลูกกบ กินรีแปลงร่างเป็นต๋องมาหลอกล่อให้กระถินตามไปที่โรงฆ่าสัตว์ แล้วใช้เหล็กแป๊บแทงเข้าที่ท้องเธอ ระหว่างนั้นสร้อยพระนาคปรกหลุดออกจากคอเธอ กระถินล้มลงมองหน้าต๋องอย่างคาดไม่ถึงว่าจะทำร้ายเธอรุนแรงขนาดนี้ กระถินแน่นิ่งไปกับกองเลือด

ขณะเดียวกัน คืนนั้น ต๋องพิถีพิถันทำบะหมี่สีเหลืองสวย จัดเรียงด้วยลูกชิ้นสีชมพู หมูแดงตัดเป็นรูปหัวใจ ตกแต่งให้ บะหมี่ดูหวานน่ารับประทานหวังจะให้แก้วรุ้งวันรุ่งขึ้น แป๊ะเล้ง กับสำลีเห็นแล้วทึ่ง ไม่คิดว่าต๋องจะทำได้ขนาดนี้ สงสัยว่า ลูกจะมีความรัก และในคืนนั้น แก้วรุ้งกลับมาบ้านเพื่อเก็บของ จะไปทำงานที่บ้านกระถินอีกคืน เจษฎาทำเสียงดุ เอ็ดที่แก้วรุ้ง ชอบไปค้างบ้านอื่น แต่แล้วก็หัวเราะแสดงให้เห็นถึงการหยอกล้อ ของพ่อลูก เหมันต์ซึ่งคอยตามแก้วรุ้งเห็นความรักความอบอุ่นของครอบครัวก็สะท้อนใจ...แก้วรุ้งมานอนแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ ที่มีฟองสบู่เต็มอ่าง แล้วคิดไปถึงตอนที่เหมันต์ช่วยชีวิตเธอ รำพึงว่าเหมันต์เป็นเจ้าชายหรืออสูรกันแน่

ทันใด...เหมือนมีเงาคนผ่านม่านพลาสติก แก้วรุ้งตกใจร้องถามว่าใคร เธอรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวเดินออกจากห้องน้ำ กวาดสายตาไปรอบห้องไม่เห็นใครก็หมุนตัวจะกลับ พลันแขนไปโดนแจกันดอกกุหลาบที่เหมันต์เอามาวางไว้ให้ตกแตก เธอกำลังจะก้าวเท้าเหยียบเศษกระเบื้อง มีเงาวูบมาดึงร่างเธอไปกอด จึงรอดจากการถูกกระเบื้องบาดเท้า

"ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ" แก้วรุ้งตกใจดิ้นสุดแรง

"แน่ใจเหรอว่าจะให้ปล่อย" เสียงเหมันต์พูดปนหัวเราะ

แก้วรุ้งจำเสียงได้เงยหน้ามองเห็นเหมันต์กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ จึงตอบว่าแน่ เหมันต์ส่งสายตามองไปที่พื้น "ปล่อยแล้วจะกลายเป็นคนเปิดเผยเลยนะ"

แก้วรุ้งมองตามเห็นผ้าขนหนูเธอหลุดกองอยู่ที่พื้นก็ร้องว้าย เหมันต์ยิ้มกรุ้มกริ่ม "ฉันมั่นใจว่าเธอไม่อยากให้ฉันปล่อยตอนนี้หรอก เพราะถ้าปล่อย...ฉันอาจจะได้เห็น..."

"ไม่คิดเลยว่าพี่เหมันต์จะเป็นคนแบบนี้"

"คนแบบไหน?"

"คนบ้า...ลามก...เอาเปรียบผู้หญิง"

"ถ้าเป็นอย่างที่เธอบอก เธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรอก แต่ต้องลงไปนอนที่เตียงโน่น"

แก้วรุ้งตกใจเปลี่ยนมาถามเหมันต์ว่าเข้ามาได้อย่างไร ไม่ทันที่เขาจะตอบ มีเสียงเคาะประตูและร้องถามจากจีรนุชว่าคุยอยู่กับใคร แก้วรุ้งใจหายวาบร้องว่าอย่าเพิ่งเข้ามาเธอกำลังโป๊อยู่ แต่พอจีรนุชเปิดประตูเข้ามาเห็นแก้วรุ้งยืนหลับตาปี๋อยู่ จึงเข้ามาพูดว่า

"ไม่เห็นจะโป๊ ก็ใส่เสื้อคลุมอยู่ทั้งตัว"

แก้วรุ้งลืมตาก้มมองตัวเองอย่างแปลกใจ เหลียวมองรอบห้องไม่เห็นเหมันต์ก็ยิ่งแปลกใจ พอดีลูกกบโทร.มาบอกว่า กระถินหายตัวไปก็ตกใจรีบไปที่บ้านกระถิน...ลูกกบบอกยายบัวกับแก้วรุ้งว่ากระถินวิ่งตามต๋องไปทางไหน ทั้งสามเดินตามหากระถินด้วยความเป็นห่วง

เหมือนตกอยู่ในความฝัน กระถินวิ่งกระเซอะกระเซิงท่ามกลางหมอกควันอย่างไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เหตุการณ์ตอนเธอหกขวบโดนเหวี่ยงตกหน้าผาปรากฏให้เห็น เธอรู้สึกปวดหัวพลันมีเสียงเรียก...อินทุกา เธอหันมามองเห็นเอมอรแต่จำไม่ได้ว่าคือแม่ จึงถามว่าเป็นใคร

"จำฉันไม่ได้จริงๆรึ" เอมอรดึงกระถินมากอด

"แม่...แต่แม่ฉันตายไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก ถ้าคุณเป็นแม่ หมายความว่าฉันตายแล้วเหรอ"

"หนูจะต้องกลับไป เรื่องราวร้ายๆมีเพียงหนูเท่านั้นที่จะเป็นผู้คลี่คลายได้...หนูเท่านั้นอินทุกา...กลับไปอินทุกา... กลับไป..." ร่างเอมอรค่อยๆลอยห่างออกไป

กระถินร้องเรียกแม่...แล้วลืมตาพรวดขึ้น พบตัวเองโดนแป๊บเสียบอยู่ที่ท้องก็พยายามดึงออกอย่างเจ็บปวด ทันใด แผลที่ท้องก็สมานเข้าหากันเอง กระถินนั่งงุนงง ไม่ทันไร ยายบัว แก้วรุ้ง และลูกกบโผล่เข้ามา ยายบัวโผกอดกระถินน้ำตาไหล "โถ...ขวัญเอ๊ยขวัญมา หลานรักของยาย เอ็งมาทำอะไรอยู่ที่นี่ แล้วเป็นอะไรมั่งรึเปล่า ใครทำอะไรเอ็งบอกยายมา ยายจะไปลากมันเข้าคุก"

กระถินตอบว่าไม่เป็นอะไร ยายบัวบ่นว่าเธอหัวใจแทบหยุดเต้นพอรู้ว่ากระถินหายไป กระถินก้มกราบขอโทษยายบัวที่ทำให้เป็นห่วง กระถินนึกได้จับที่คอพอรู้ว่าสร้อยหายก็ตกใจ ยายบัวเก็บสร้อยที่ตกบนพื้นมาสวมให้แล้วย้ำเตือนอย่าทำหล่นอีก...

กลับมาในห้อง กระถินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แก้วรุ้งกับลูกกบฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อว่าร่างกายเธอจะรักษาบาดแผลได้เองเหมือนจิ้งจก กระถินจึงพิสูจน์ด้วยการเอามีดมากรีดแขนต่อหน้าเพื่อนแล้วรอให้แผลสมานกันเอง แต่เลือดกลับไหลไม่หยุด สุดท้ายแก้วรุ้งต้องรีบทำแผลให้ กระถินหันไปแค้นต๋องที่ทำร้ายเธอ และทำให้เธอต้องเจ็บตัวแบบนี้

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ต๋องกำลังซ้อมคำที่จะพูดกับแก้วรุ้งก่อนให้กล่องบะหมี่ที่เขาตั้งใจทำให้เธออยู่หน้าบันไดตึกเรียน พอเห็นแก้วรุ้งเดินลงมาก็เตรียมพร้อมจะยื่นให้ แต่แก้วรุ้งกลับเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำ กระถินเดินลงมาก่อน ต๋องก้มหน้ายื่นกล่องบะหมี่ให้พร้อมคำพูด

"บะหมี่ลวกด้วยรัก คัดสรรด้วยดวงใจ ของขวัญแด่คนที่คู่ควรครับ" พูดจบต๋องเงยหน้ามา พอเห็นเป็นกระถินก็ตกใจร้อง "เฮ้ย! ยัยกระทิงถึก"

กระถินเห็นหน้าต๋องก็ตกใจเช่นกัน ต๋องดึงกล่องกลับมากอดไว้อย่างหวงแหน กระถินยังแค้นกระชากคนเสื้อต๋อง "ถ้าวันนี้เอาเลือดชั่วออกมาไม่ได้ ฉันก็ไม่ใช่กระถิน"

"เหวอๆๆ...นี่เธอเกิดบ้าพลังอะไรขึ้นมาเนี่ย" ต๋องถูกกระถินดึงคอเสื้อตัวลอย เขาตกใจร้องให้ปล่อย กระถินจึงทิ้งเขาหล่นลงกองกับพื้น ต๋องยังกอดกล่องเหนียวแน่น

"แกสิบ้า...เมื่อคืนนี้เอาเหล็กมาแทงฉันทำไม แกจะฆ่าฉัน..."

ต๋องยิ่งงงปนโกรธหาว่ากระถินบ้าไปแล้ว กระถินไม่ฟังวิ่งไล่ซัดต๋องจนเขาจนมุม "ฟังฉันก่อนสิ คิดดูนะ...ฉันจะไปฆ่าเธอทำไม สวยก็ไม่สวย ทอมออกปานนี้ เมื่อคืนฉันช่วยป๊ากับแม่ขายบะหมี่ทั้งคืน ลูกค้าตรึม ถ้าไม่เชื่อไปถามใครที่ร้านดูก็ได้"

กระถินชักลังเล ต๋องนึกได้ว่าเมื่อคืนอาจารย์ฝ่ายปกครองไปทานที่ร้านเขาด้วย ให้ไปถามดู กระถินหมั่นไส้แกล้งปัดกล่องบะหมี่ต๋องหล่นหกกระจาย ต๋องเหมือนหัวใจแตกสลายคุกเข่าลงเหมือนจะร้องไห้ กระถินรู้สึกผิดแต่ยังรักษาฟอร์ม ทำเป็นพูดว่าแค่บะหมี่กล่องเดียวเธอซื้อใช้คืนให้ก็ได้ ต๋องปรี๊ด "เงินมันซื้อทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ...บะหมี่ทุกก้อน หมูทุกชิ้น ลูกชิ้นทุกลูก หรือแม้กระทั่งน้ำซุปทุกหยดมันเกิดจากความตั้งใจ ความพยายามของคนทำที่อยากเห็นคนกินมีความสุข คุณค่าของมันวัดไม่ได้ด้วยเงิน แต่มันวัดได้ด้วยหัวใจต่างหาก"

กระถินไม่คิดว่าต๋องจะจริงจังขนาดนี้ แถมยังพูดว่า "บะหมี่กล่องนี้ฉันตั้งใจทำให้แก้วรุ้ง มันเป็นความจริงใจของฉันที่มีต่อแก้วรุ้ง...ผู้หญิงจิตใจหยาบกระด้างอย่างเธอ ไม่มีวันเข้าใจ"

ทนฟังต่อไม่ไหวกระถินเดินหนี แต่ไปแอบยืนมองต๋องอย่างรู้สึกผิด...ส่วนแก้วรุ้งเดินมายืนมองเหมันต์เล่นบาสในโรงยิม เผอิญลูกบาสกระดอนมาทางเธอจึงเก็บยื่นให้ แต่เหมันต์กลับไม่สนใจหันไปหยิบลูกอื่นมาเล่นต่อ    แก้วรุ้งรู้สึกผิดหวังน้อยใจ...

วันต่อมา มีการแสดงดนตรีในหอประชุม เหมันต์เล่นเปียโนร้องเพลง สาวๆกรี๊ดอยู่หน้าเวที แก้วรุ้งยืนมองเศร้าๆตัดสินใจเขียนโน้ตฝากคนคุมเวทีไปให้เหมันต์ พอเหมันต์ ร้องเพลงจบ  ขนุนกับพวกขอให้ร้องอีก  คนคุมเวทีเอาโน้ตมายื่นให้เหมันต์ พอเขาเปิดอ่านข้อความว่า...ไปพบแก้วที่ศาลาใน สวนด้วย แก้วอยากจะคุยกับพี่ดีๆสักครั้ง...เหมันต์หันไปมองทางแก้วรุ้ง แล้วตัดใจไม่อยากให้เธอมาจมอยู่กับเขา จึงแกล้งทำให้อายจะได้ตัดใจไปจากเขาด้วยการแกล้งอ่านเสียงดัง "ทุกครั้งที่เจอเธอ หัวใจฉันก็เต้นแรงเสมอ ทุกครั้งที่ไม่เจอก็คิดถึงเธอทุกลมหายใจ...ไปพบฉันที่ศาลาในสวนด้วยนะ มีเรื่องจะคุยกับเธอ...แก้วรุ้ง"
ทุกคนฮือฮาหันไปมองแก้วรุ้ง เธอหน้าซีดตกใจ

ที่เหมันต์โกหกฉีกหน้าเธอ พอคุมอารมณ์ได้ก็เดินขึ้นเวทีไปจ้องหน้าเขา เหมันต์ถามว่าอยากจะบอกรักเขาหรือ แก้วรุ้งสุดจะทนตบหน้าเหมันต์อย่างแรงต่อหน้าทุกคน แล้วบอก

เขาว่าเธอไม่ได้รักใครง่ายอย่างที่เขาคิด  ก่อนจะร้องไห้วิ่งออกไป...

กระถินกับต๋องยังทะเลาะกันมาจนถึงคณะคหกรรม ที่อาจารย์เพี้ยนกำลังสอนนักศึกษาอยู่ กระถินคว้าก้อนอะไรมาจะปาใส่ต๋อง อู๊ดกับต๋องเห็นว่าเป็นระเบิดร้องห้าม ลูกกบ กลัวกระถินปาออกไปจึงเข้าชาร์จตัวไว้ ระเบิดกระเด็นไป

ตกตรงหน้าอาจารย์เพี้ยนระเบิดตูม เป็นควันขาวฟุ้งและดอกมะลิลอยอยู่บนอากาศ ต๋องแปลกใจ "เฮ้ย! ทำไมระเบิดกลายเป็นดอกมะลิ"

กระถินทรุดลงกราบขอโทษอาจารย์เพี้ยน พอทั้งสองเห็นหน้ากันก็อึ้ง รู้สึกเหมือนผูกพันกัน อาจารย์เพี้ยนชมว่ากระถินเป็นเด็กดี ทำผิดแล้วรู้จักขอโทษ ดีที่ระเบิดนี่ไม่มีอันตรายเพราะเขาทำมาไว้ออกงานดอกไม้ประดิษฐ์...อาจารย์ เพี้ยนหันมาเคลียร์เรื่องทะเลาะกันของกระถินกับต๋อง และสอนว่าไม่ควรใช้กำลังให้หันมาเป่ายิ้งฉุบสู้กันจะดีกว่า ต๋องจึงท้าว่าถ้ากระถินแพ้ต้องไม่ขวางเขาเรื่องแก้วรุ้ง ผลออกมากระถินแพ้

ooooooo

แก้วรุ้งเดินเศร้ามาตามทาง ขนุนกับพวกเข้ามาต่อว่าที่ตบหน้าเหมันต์ แล้วรุมผลักแก้วรุ้งกันใหญ่ เหมันต์เดินเข้ามาตวาดให้ทุกคนหยุดทำร้ายแก้วรุ้ง เขาใช้พลังจิตดันสามสาวกระเด็นไปแล้วทำให้สายยางฉีดน้ำใส่จนตัวเปียกวิ่งหนีกันกระเจิง แก้วรุ้งมองเหมันต์ อย่างคาดคั้น

"พี่เหมันต์...พี่มีพลังจิต คราวนี้แก้วมีพยานแล้ว พี่ปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว"

"ฉันลบความทรงจำสามคนนั่นแล้ว ไม่มีใครจำเรื่อง เมื่อกี้ได้"

แก้วรุ้งไม่อยากเชื่อ เหมันต์บอกว่า ถึงเธอเล่าให้ใครฟังก็จะมีแต่คนว่าเธอบ้า แก้วรุ้งทั้งโกรธทั้งน้อยใจ "แก้วไม่เข้าใจพี่เลย ถ้าพี่เกลียดแก้ว พี่มาช่วยแก้วทำไม ทำไมพี่ ไม่ลบความทรงจำของแก้วทิ้งเหมือนที่พี่ทำกับขนุน พี่ปล่อยให้แก้วจำพี่ไว้ทำไมคะ"

เหมันต์อึ้ง เขารู้ดีว่าเขาอยากมีค่าในสายตาเธอ แก้วรุ้งร้องไห้ พรั่งพรูความน้อยใจออกมา "ตอบมาสิคะ พี่เห็นแก้วเป็นแค่ตุ๊กตาที่พี่จะปั่นหัวเล่นยังไงก็ได้ใช่มั้ยคะ"

แก้วรุ้งเขย่าตัวเหมันต์ เขาไม่ทันระวังจึงกลายเป็นโดนดึงล้มลงไปคร่อมบนตัวแก้วรุ้ง เขาสบตาเธอนิ่งจนเผลอจะจูบเธอ แต่แก้วรุ้งรู้สึกตัวผลักเขาออก ร้องไห้วิ่งหนีไป...มาเจอต๋องที่กำลังจะไปเรียน ต๋องเห็นแก้วรุ้งร้องไห้จึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้และชวนคุยให้หัวเราะ แถมหยิบอมยิ้มส่งให้บอกเธอว่า "อมยิ้ม ดีกว่าอมทุกข์นะครับคุณแก้ว"

ต๋องบอกให้แก้วรุ้งยิ้มสู้ทุกปัญหา ถึงปัญหาจะใหญ่ แค่ไหนก็มีทางออก แก้วรุ้งดีใจที่ได้รู้จักต๋อง อดนึกถึงเหมันต์ ไม่ได้ "ถ้าคนบางคน เขาเข้าใจแก้วเหมือนต๋องก็คงจะดี... ขอบคุณต๋องมากนะที่ทำให้แก้วรู้สึกดีๆ  ผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนต๋อง ผู้หญิงคนนั้นต้องโชคดีที่สุดในโลก"

ต๋องถึงกับยิ้มหน้าบาน จนกลับถึงบ้าน...คืนเดียวกัน กระถินถอดสร้อยพระนาคปรกแขวนไว้ที่หัวนอน เธอกำลังซ่อมแผงคอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้น พลันโดนไฟดูดมือพอง แต่ สักพักแผลก็เลือนหายไป สร้างความประหลาดใจให้กับเธอ ยิ่งอยากตามหาพ่อให้รู้ความจริง...วันรุ่งขึ้นจึงประกาศหาคนที่ให้ข้อมูลเรื่องพระนาคปรกแก่เธอได้ โดยมีลูกกบช่วยแจกใบปลิว แต่แล้วขนุนกับพวกมาหาเรื่องปัดใบปลิวเธอทิ้ง ทำให้

กระถินโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ตบสามสาวไม่ยั้ง อมรต้องเข้ามาระงับเหตุ ขนุนรีบสำออยใส่ความว่ากระถินทำร้ายเธอก่อน จากสภาพของสามสาว อมรจึงให้กระถินมาคุยที่ห้องทำงาน กระถินยอมรับผิดและขอลาออกเอง แต่อมรกลับพูดว่า ถ้าเป็นเขาถูกใครหยามถึงพ่อแม่ก็คงไม่ยอมเช่นกัน กระถินตะลึงกราบขอบคุณ

อมรเข้ามามองที่สร้อยพระนาคปรกของกระถินแล้วถามว่าสำคัญอย่างไร กระถินจึงเล่าให้ฟังว่า ยายบัวเก็บเธอมาจากใต้ต้นกระถินพร้อมสร้อยนี้ จึงคิดว่าเป็นของมีค่าที่พ่อแม่เธอทิ้งไว้ให้ อมรถามหยั่งเชิงว่าเธอจำหน้าพ่อแม่ได้ไหม กระถินตอบว่า "ตอนที่ยายเจอหนู ยายบอกว่าหนูเอาแต่ร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องเหมือนความจำถูกลบไปหมด"

"อาจเป็นเพราะเธอเจอกับอะไรที่น่ากลัว โหดร้ายเกินกว่าที่จิตใจจะรับได้"

กระถินมองหน้าอมรแล้วนึกได้ว่าเธอเคยฝันเห็นเขาทำร้ายอินทุกา จึงถามโพล่งออกไปว่า เขารู้จักอินทุกาไหม อมรหน้าเครียดทันทีกระแสจิตพลุ่งพล่าน ทำให้กระถินเกิดอาการปวดหัวอย่างหนักถึงกับหมดสติ อมรถือโอกาสอุ้มเธอไปนอนบนโซฟาหวังจะดื่มเลือดเธอ แต่แล้วกลับโดนอิทธิฤทธิ์ของพระนาคปรกกระแทกเขากระเด็นไปชนผนังลงไปกองกับพื้น อาจารย์เพี้ยนเปิดประตูเข้ามา ทำทีเป็นเอาขนมหวานที่คิดขึ้นมาใหม่มาให้ชิม แล้วรีบพากระถินออกไป

พอกระถินตั้งสติได้ อาจารย์เพี้ยนก็ซักถามว่าทำไมถึงเป็นลม กระถินเล่าทั้งหมดให้ฟัง เขาอยากจะเตือนว่าอย่าเข้าใกล้อมรอีก พอดีลูกกบวิ่งมาบอกว่าถามทั่ววิทยาลัยแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องพระนาคปรก อาจารย์เพี้ยนได้ยินอยากจะพูดแต่ระงับใจไว้ทำเป็นไม่รู้เรื่อง กระถินเสียใจวิ่งร้องไห้ออกไป ระหว่างทางสร้อยพระร่วงหลุดจากคอ เธอก้มลงจะเก็บ รถยนต์คันหนึ่งพุ่งมาอย่างเร็ว  ร่างกระถินลอยขึ้นให้รถผ่านไป เธอตกใจ "ฉันบินได้! ไม่จริง!"

พอรถผ่านไปร่างเธอก็โรยตัวลงมายืน รถคันเดิมย้อนกลับมา คนขับลงมาถามว่าเมื่อกี้เธอเหาะได้ใช่ไหม กระถินเองก็งงรีบบอกว่าเขาตาฝาด แล้วรีบเก็บสร้อยพระวิ่งหนีไป...กลับมาถึงบ้าน เธอสับสนร้องหายายบัวแต่กลับเจออาจารย์เพี้ยนอยู่ที่บ้านก็โผกอดร้องไห้โฮ

"หนู...หนูคิดถึงพ่อกับแม่ หนูขอสมมติให้อาจารย์เป็นพ่อหนูสักวันนะคะ"

"ร้องมาเลยลูก...ร้องเสียให้พอ" อาจารย์เพี้ยนลูบหัวกระถิน น้ำตาคลอไปด้วย...

พอสงบลง อาจารย์เพี้ยนก็ทำขนมบัวลอยให้กระถินทาน ลูกกบแปลกใจทำไมถึงรู้ว่าเป็นขนมโปรดของเธอ อาจารย์เพี้ยนแก้ตัวว่าเป็นเซนส์ของเขาและบอกว่าที่มานี่จะสั่งของจากยายบัวแล้วเขาก็ใช้ให้ต๋องกับอู๊ดมาตัดใบตองในสวนของยายบัว ทั้งที่ต๋องไม่อยากมาใกล้กระถินเลย...

ooooooo

เงากามเทพ ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

แม้จะตกใจและหวาดกลัวจนขนคอตั้ง แต่วิสัยของนักธุรกิจที่ฉ้อฉลทำให้กมลทัตตั้งหลักปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นขมีขมันร้องเชิญพวกตำรวจให้นั่งก่อน และบอกว่าเขาชอบให้ความร่วมมือกับทางการอยู่แล้ว เอาเลย มีอะไรก็ว่ามา ตำรวจนั่งกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายตำรวจที่นำมาก็บอกว่า

"ตำรวจที่ชุมพรมีหมายจับคุณภาสกร ข้อหาพยายามฆ่า บุกรุก และทำร้ายร่างกาย"

"หา ภาสกรเนี่ยนะ เขาจะทำยังงั้นได้ยังไง เขาเป็นทนายนะ ไม่ใช่โจร" กมลทัตทำเป็นสงสัย

"คุณภาสกรเป็นทนายของคุณ ส่วนคุณก็มีปัญหากับคุณโรม ผมก็เลยสงสัย...สงสัยว่าคุณกมลทัตอาจจะรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับคดีนี้บ้างไหม เพราะมันแปลกมาก ลูกน้องคุณภาสกรตายตั้งสามศพ ชื่อนายชาญศพนึงด้วย..." เสียงพูดของตำรวจดังไปถึงด้านนอกห้อง กุลชาติกำลังจะเดินผ่านได้ยินชื่อชาญหยุดชะงัก ตาโตด้วยความตกใจ และแอบหลบฟังอยู่แถวนั้น เสียงกมลทัตพ่อของตัวเองพูดเสียงดังอย่างโมโห

"อ้าว...เฮ้ย อย่างนี้ก็กล่าวหาว่าผมกับไอ้ภาสกรรู้กันน่ะสิ จะบ้าหรือยังไง ผมเป็นนักธุรกิจนะ ไม่ใช่นักเลง ไอ้คนชื่อชงชื่อชาญอะไรนั่นผมก็ไม่รู้จัก..."

ตำรวจเห็นกมลทัตทำเสียงแข็งเลยเปลี่ยนประเด็น "คุณกมลทัตทราบไหมครับ ว่าตอนนี้คุณภาสกรอยู่ที่ไหน"

"ไม่รู้ ติดต่อมันไม่ได้เหมือนกัน ถ้าทางการรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนก็ช่วยบอกผมด้วยก็แล้วกัน" กมลทัตรีบปัดสวะให้พ้นตัว ตำรวจเห็นท่าจะไม่ได้อะไรจากกมลทัตจึงพากันลุกขึ้น หัวหน้าตำรวจบอกว่า

"ผมว่าคุณกมลทัตหาทนายคนใหม่ได้แล้วนะครับ ถ้ามีอะไรผมจะได้มาคุยด้วย โดยที่มีทนายความของคุณอยู่ด้วย ลาละครับ" ไหว้กมลทัตแล้วพากันออกไป กมลทัตขว้างหนังสือพิมพ์ตามหลังตำรวจกระจุยกระจาย กุลชาติเดินเข้ามานั่งลงข้างๆถามว่า

"ป๋าส่งอาภาสกรกับลูกน้องไปลุยไอ้โรมจริงๆเหรอ แล้วไอ้ชาญมันตายจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไอ้ชาญมันเคยบอกกับชาติด้วยนะว่าเทียนไม่ใช่น้องสาวของมันจริงๆหรอก พ่อแม่มันเก็บเทียนมาเลี้ยง เออเนาะ...แล้วเทียนจะเป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย"

แทนที่จะเป็นห่วงว่าพ่อถูกตำรวจมาคุยด้วย ทำไมกุลชาติกลับไปเป็นห่วงเทียน กมลทัตยัวะสุดขีดกวาดชุดกาแฟบนโต๊ะหล่นแตกกระจาย โดดเข้าบีบคอกุลชาติพลางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

"ฉันไม่ได้สั่งมัน ไม่ได้สั่ง..." พูดได้เท่านั้นก็ตาค้าง มือกุมอกทรุดลงกับพื้น กุลชาติเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก พิศเพลินเดินผ่านมารีบเข้าไปประคองเขย่าตัวกมลทัตแต่เขาไม่ได้สติเลยต้องส่งโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน หมอรับไว้ปฐมพยาบาลจนฟื้น หมอออกจากห้องไป กมลทัตลืมตาเที่ยวมองดูรอบๆตัว พิศเพลินบอกว่า

"คุณล้มหมดสติที่บ้าน ฉันเลยพามาโรงพยาบาล หมอบอกว่าโรคเก่าของคุณกำเริบ ทั้งเบาหวาน ความดัน ต่อไปนี้ต้องระวังเรื่องอาหาร กินยาตามกำหนดเวลา แล้วก็ห้ามเครียด คุณหมอแนะว่าให้คุณเพลาๆงานที่บริษัทด้วยค่ะ"

"วะ...ไอ้หมอบ้า ห้ามคนทำงานได้ยังไงวะ" กมลทัตโวยวาย

"ฉันจะไปจัดการให้ทางบริษัทหาคนทำงานแทนคุณสักระยะ ตอนนี้ควรจะพักผ่อนตามที่หมอสั่ง"

กมลทัตโบกมือห้าม "อย่านะ ห้ามไปพูดเรื่องฉันต้องเข้าโรงพยาบาลให้พวกมันรู้ โครงการใหม่ๆกำลังจะเปิดตัว เดี๋ยวพวกมันจะรน แตกตื่นกันไปเปล่าๆ"

พิศเพลินไม่ออกความเห็นอะไรอีก หยิบยาในถาดยื่นให้กมลทัตกินพลางบอกว่า "คุณหมอบอกต้องกินยาตรงเวลาค่ะ"

ooooooo

โรมกับเทียนที่กางเต็นท์อยู่ที่ชายหาดอย่างเต็มสุขกับครึ่งทุกข์ เทียนสุขมากกว่าโรม คอยทำอาหารซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบะหมี่สำเร็จรูปนั่นเอง วันนี้กินต้มบะหมี่ ใส่หมูหย็อง พรุ่งนี้กินหมูหย็องใส่บะหมี่สลับกันไปทุกวัน เทียนทำเสร็จก็รายงานเสียงแจ๋ว ชวนโรมกิน โรมก็ต้องกล้ำกลืนกินทำท่าเอร็ดอร่อยเพื่อไม่ให้คนทำเสียใจแถมคนทำยังคุยซะอีกว่า

"บอกแล้วว่าเราอยู่กันได้" หยิบของที่เหลือในเป้ออกมาเทกองรวมกันดูว่าอะไรจะหมดบ้าง ปากก็บอกว่า "ของกินกับน้ำหมดเมื่อไหร่เราก็ค่อยขับรถออกไปซื้อกัน"

โรมเห็นที่เทียนเทออกมามีไฟฉายด้วยเลยนึกได้ หยิบไฟฉายแล้วบอกเทียนว่า "เทียนกินไปพลางก่อนนะฉันจะลองไปหาโทรศัพท์แถวๆที่เราหาฟืนกัน อาจจะเจอก็ได้ เผื่อมีเรื่องอะไรฉุกเฉินจะได้ติดต่อคนได้" โรมเดินออกไปจากเต็นท์ เทียนมองตามแล้วหยิบกะลาใส่บะหมี่ขึ้นมาจะกิน คนคนหนึ่งเดินเข้ามาในเต็นท์ เทียนเงยหน้าขึ้นดูแล้วตกใจเพราะท่าทางของคนคนนั้นน่ากลัวสุดๆ มือถือปืนลูกซองยาวแถมยังสะพายมีดดาบเล่มยาวเข้ามาด้วย เทียนอ้าปากทำท่าจะร้อง แต่คนที่เข้ามาทำมือขู่ให้เงียบ เทียนเลยต้องทำตาม

ส่วนโรมไปด้อมๆส่องไฟฉายหาโทรศัพท์ ส่องไปส่องมาเจอเท้าคนยืนขวางหน้าอยู่ เลยส่องไฟฉายดูหน้าเจอหน้าตาดุดันมากๆ โรมชักปืนที่เหน็บหลังออกมาแต่ยังไม่ทันจับให้มั่นก็โดนตีด้วยพานท้ายปืนของฝ่ายตรงข้ามจนทรุดลงไปกองกับพื้นทราย ฟื้นอีกทีก็พบว่าตัวเองมานอนอยู่บนแคร่ในกระท่อมหลังหนึ่ง เห็นเทียนนั่งอยู่ข้างๆ เทียนรีบถามว่าเป็นยังไงบ้าง โรมยกมือกุมหัวตรงที่ถูกตีเหลียวดูไปรอบกระท่อม เทียนบอกเขาว่า

"มีคนจับเรามาเมื่อคืน นายหัวถูกตีหัวจนสลบ"

"ต้องเป็นพวกไอ้กมลทัตแน่ๆมันตามล่าเรามาถึงนี่ ไอ้เลวเอ๊ย" โรมเครียดขึ้นมาทันที รีบล้วงมือหาปืนที่ขอบกางเกง แต่ไม่มีแล้ว สองคนชวนกันย่องไปแอบดูที่หน้าต่าง แปลกใจที่มันไม่เหมือนที่คุมขัง จึงย่องตามกันไปที่ประตู เทียนกระซิบว่า "ระวังนะคะนายหัว มีคนเดินเฝ้าเราทั้งคืนเลย"

โรมพยักหน้ารับรู้ ยกขาขึ้นตั้งใจจะถีบประตูออกไป ปรากฏว่ามีคนเปิดเข้ามาพอดี คนหนึ่งชื่อฉิวเป็นคนที่ไปจับตัวเทียนเมื่อคืนนี้ พอเข้ามาปุ๊บชาวบ้านสองคนที่ตามมาด้วยก็ล็อกแขนโรมคนละข้างทันทีแถมชักมีดปลายแหลมจี้เอวเขาด้วย

"แกเป็นพวกไอ้กมลทัตใช่มั้ย" โรมตะคอกถาม

"ทัดเทิ้ดอะไรไม่รู้จักโว้ย ไป เอาตัวมันไป" ตัวหัวหน้าสั่งลูกน้อง แล้วพากันลากโรมไปโดยเทียนตามมาด้วย ไปถึงกลางดงมะพร้าวก็บอกให้หยุด คนชื่อฉิวร้องบอกกลุ่มคนที่นั่งรออยู่โดยชายหน้าดุอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนแคร่สูงกว่าคนอื่น "มาแล้วพี่เสริม"

เสริมมองดูโรมกับเทียน แล้วถามออกมาว่า "แกสองคนเป็นสายของไอ้พวกนายทุนจอมโหดใจยักษ์ใช่มั้ย ตอบตามตรง"

โรมย้อนถามว่าพวกแกเป็นใคร กลับโดนฉิวตะคอกว่า "อย่ามาย้อนนะโว้ย ถามก็ตอบดีๆ"

เทียนกระซิบกับโรมว่าคงไม่ใช่พวกกมลทัตหรอก โรมจึงพูดด้วยดีๆว่า "ผมไม่ใช่สายอะไรของใคร ผมสองคนแค่มาเที่ยว เห็นแถวนี้ทิวทัศน์สวยดีก็เลยกางเต็นท์พักแรมกันแค่นั้นเอง"

พันซึ่งเป็นเมียของเสริมพูดออกมาว่า นายโกหก ที่นี่ไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้น เสริมผู้สามีถามว่าแกทำงานอะไร โรมรีบบอกว่า "ผมเป็นเจ้าของสวนปาล์มและก็โรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซล..."

ปาหนันหัวเสียกลับไปหาพ่อ พ่อเลยดุให้ว่า "ดีแล้วที่นังชื่นมันห้ามแกเอาไว้ได้ ถ้าแกไปยิงมันเข้า เราก็ไม่ต่างไปจากไอ้พวกนายทุนใจร้ายนั่นหรอก"

"ก็มันสารเลวนี่พ่อ เด็กผู้หญิงขนาดนั้นมันยังล่อลวงเอามาทำเมียได้ลงคอ" ปาหนันฮึดฮัด พอพันผู้เป็นแม่บอกว่า เคยเห็นมันกอดจูบกัน มันอาจจะรักกันจริงก็ได้ ปาหนันยิ่งโกรธ

"โธ่แม่ ดูก็รู้ผู้หญิงนั่นซื่อจะตาย ไอ้ตัวผู้ชายอึกๆอักๆไม่รับไม่สู้ ต้องให้ผู้หญิงออกมารับหน้าแทนตลอด ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ หาดีๆได้ยาก ทุเรศทั้งนั้น"

เสริมผู้เป็นพ่อฟังแล้วสะดุ้ง แต่ชื่นกลับพูดว่า "แหม... มันก็ไม่เสมอไปหรอก หน้าตานายคนนั้นก็ดูดี คมเข้ม ไม่น่า จะเป็นคนร้าย"

"เปรี้ยง" ปาหนันตบพื้นบ้านทำเอาชื่นสะดุ้ง "ไอ้พวกหน้าตาดีนี่แหละตัวร้าย อย่าไปหลงลมมันเชียว" พูดจบก็ยิ่งโมโห ลงจากกระท่อมไปอีก ไปถึงกระท่อมโรมได้ยินเสียงเทียนร้องดังๆว่า "อย่าค่ะนายหัว นายหัว" เท่านั้นปาหนันก็ถีบประตูโครมเข้าไปเห็นโรมกำลังกดเทียนลงบนแคร่เพราะสองคนกำลังหยอกล้อกัน ปาหนันร้องออกมาว่า "ฉันว่าแล้ว ไอ้เลวเอ๊ย" โดดเข้าล็อกคอโรมลากออกมานอกกระท่อม ทั้งเตะทั้งต่อย โรมได้แต่ปัดป้อง ฉิวยังเอาพานท้ายปืนกระแทกเข้าที่ท้องโรมอีกจนเขาทรุดลงไปกับพื้น เทียนวิ่งเข้ามาประคองโรมแต่ปาหนันลากมือเอาไว้

"ไม่ต้องสนใจมัน เธอไปอยู่กับฉันที่บ้านพ่อ"

"ไม่ค่ะ เทียนจะอยู่กับนายหัว"

"นี่เธอจะอยู่ให้ไอ้นี่มันซ้อมเหรอ   ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอนะนี่"

"นายหัวไม่ได้ซ้อมเทียนหรอกค่ะ เรา...เอ้อ...ผัวเมียหยอกกันเล่นกันก่อนนอนน่ะ" เทียนแกะมือปาหนันออกจากตัวเองแล้วเดินเข้าไปประคองโรม พวกปาหนันงง

ooooooo

วันนี้พิศเพลินไปรับกมลทัตกลับจากโรงพยาบาล พอรถแล่นผ่านสนามหญ้ามาจอดหน้าบ้าน พิศเพลินกับกมลทัตก็เห็นกุลชาติแต่งตัวหล่อ หิ้วกระเป๋าเดินทางควงกุญแจรถออกจากตึก กมลทัตมองอย่างเขม่นคิดว่าลูกชายจะหนีไปเที่ยวที่ไหนอีกแล้ว ส่วนพิศเพลินวางหน้าเฉยเพราะเห็นบ่อยจนชินที่ลูกไปไหนโดยไม่ บอกกล่าว กุลชาติพอเห็นรถพ่อก็ชะงัก แต่ก็ร้องทักว่า

"อ้าวป๋า...หายแล้วเหรอครับ"

กมลทัตก้าวลงจากรถได้ก็พูดกระแทกลูกชายทันที "เออสิ...ถามอย่างนี้ดีใจหรือเสียใจกันแน่วะ แล้วนั่นแกจะไปไหน"

"ไปเอ้อ...ไปหาที่พักสมองสักหน่อย" กุลชาติอึกอัก

"ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แกต้องไปกับฉัน ไปแสดงให้

ทุกคนเห็นว่าแกไม่ใช่ไอ้ลูกหมาที่ไม่เอาไหน ไปให้คนที่บริษัทรับรู้บ้างว่าฉันมีลูกชายอยู่คนนึง"

"ไปทำไมให้เกะกะคนอื่นเปล่าๆ พ่อก็รู้อยู่ว่าผมไม่รู้เรื่อง การบริหารบริษัทพ่อสักนิดเดียว ไปใช้คนอื่นเขาเถอะ" กุลชาติทำท่าจะขึ้นรถตัวเอง แต่เสียงพูดอย่างดุดันของกมลทัตทำให้เขาชะงัก

"ต้องไปกับฉัน แล้วฉันจะโอนเงินใส่บัญชีให้แกสิบล้านบาทวันนี้เลย" กมลทัตเดินขึ้นตึกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กุลชาติรีบเดินเข้าไปหาแม่ มธุรสวาจาออกจากปากทันที

"แม่...หมอช็อตไฟแรงไป หรือว่าป๋าเขากินยาผิดครับแม่?"

พิศเพลินบอกลูกว่า "พ่อเขาไม่สบายจริงๆ อยากให้ลูกสืบทอดกิจการของเรา ไปช่วยเขาหน่อยเถอะลูก" และเพราะคำพูดของแม่ทำให้กุลชาติต้องไปบริษัทกับพ่ออย่างฝืนใจ กมลทัตเรียกประชุมบรรดาผู้บริหารของบริษัทด่วน พอทุกคนมาพร้อมแล้วกมลทัตก็เปิดการประชุมโดยแนะนำตัวลูกชาย เสร็จแล้วกุลชาติก็พูดคล้ายๆ ฝากตัวกับทุกคนว่า

"ในฐานะทายาทคนเดียวของท่านประธาน ผมขอยืนยันถึงความตั้งใจที่จะเข้ามาสืบทอดเจตนารมณ์สู่ความสำเร็จของทีเอส กรุ๊ป รุ่นที่สองครับผม" พูดจบก็ตบมือเปาะแปะให้ตัวเองแทนที่จะเป็นคนอื่นๆ ซึ่งนั่งเงียบกันหมด กมลทัตรู้สึกอึดอัดที่เห็นการไม่ต้อนรับของผู้บริหารทุกคน อุตส่าห์พูดอีกว่า

"ขอให้ทุกคนช่วยแนะนำการงานให้กุลชาติด้วย ขอให้เห็นว่าเป็นลูกเป็นหลานก็แล้วกัน"

ผู้บริหารหญิงคนหนึ่งใจกล้ากว่าเพื่อนออกความเห็นว่า "ด้วยความเคารพในการตัดสินใจนะคะคุณกมลทัต แต่หลานกุลชาติจะไม่เด็กไปหน่อยเหรอคะ"

"ผมก็จะดูๆให้ถ้าเกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ" กมลทัตชักเริ่มเครียด

"แต่...ภาพลักษณ์ก็สำคัญนะครับ สภาวะผู้นำ วุฒิการศึกษา วุฒิภาวะ" ผู้บริหารชายอีกคนเอ่ย

"ก็ไม่ต้องเปิดตัวมาก" กมลทัตพยายามโน้มน้าว

"เอ้อ...แล้วเรื่องคดีความเรื่องยาเสพติด..." ผู้บริหารหญิงอีกคนเอ่ยแบบกล้าๆกลัวๆ

"เฮ่ย...นั่นผมควบคุมได้" กมลทัตเสียงเริ่มมีโมโห

ผู้บริหารชายอีกคนพูดสวนว่า "แล้ววิสัยทัศน์ล่ะครับ ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ทำให้การผูกขาดของเรากับภาครัฐไม่ต่อเนื่อง เราควรจะย้าย..."

"ปัง!" กมลทัตลุกขึ้นตบโต๊ะ ตวาดออกมาว่า "นี่มันไม่ไว้วางใจกันเลยนี่หว่า พวกแกเป็นใคร ฉันปั้นมากับมือทั้งนั้น ใครไม่พอใจลาออกไป แก...แก...หรือว่าแก.."

คนที่ถูกกมลทัตชี้หน้าทุกคนหลบตา แต่แล้วกมลทัตก็ตัวงอตาค้าง ล้มลงกับโต๊ะ ทุกคนตกใจกันหมด กุลชาติเข้าประคองร้องเรียกป๋า ป๋า แต่กมลทัตไม่รู้สึกตัวเลยต้องพาส่งโรงพยาบาลด่วน

ข่าวนี้ไปถึงหูหมอเผ่าที่อยู่โรงพยาบาลในหัวหินโน่น เพราะเพื่อนหมอด้วยกันที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯส่งข่าวไปให้ หมอเผ่ารีบไปที่ห้องครูพร เจอปารวดีกำลังปรนนิบัติครูพรอยู่รอจนได้อยู่กันสองคนเพราะครูพรไปเข้าห้องน้ำ หมอเผ่าก็บอกกับเมียว่า

"เพื่อนผมโทร.มาบอกเมื่อกี้ว่ากมลทัตเส้นเลือดในสมองแตก"

"สมน้ำหน้า บาปกรรมเริ่มสนองแล้วสิ" ปารวดีทำสีหน้าแบบว่าสมเพชกมลทัต

"แล้วจะบอกโรมกับเทียนยังไงดีติดต่อไม่ได้เลย โทร.เท่าไหร่ก็ไม่ติด"

"ติดต่อนายลักสิ อาจจะเจอสองคนนั่นแล้วก็ได้" ปารวดีแนะนำ หารู้ไม่ว่าลักษมนก็คลำหาสองคนนั่นเหมือนคนตาบอด เที่ยวเดินถามเขาไปเรื่อย โดยเอารูปของโรมกับเทียนให้คนที่เขาไปถามดู แต่ทุกคนก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยเห็นทั้งนั้น

วันนี้ลักษมนไปที่ตลาด เดินถามตามแผงขายของ พอดีวันนี้ปาหนันกับชื่นเข้ามาซื้อของที่ตลาดนี้ พอลักษมนเห็นก็เดินมาถามพร้อมกับยื่นรูปให้ดู "ขอโทษครับ ไม่ทราบคุณเคยเห็นผู้ชายกับผู้หญิงในภาพนี้บ้างหรือเปล่า?"

"อ๊าย...อ๊าย..." ชื่นดูพอเห็นก็จำได้ว่าเป็นโรม แต่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมาก็โดนปาหนันกระทืบเท้าให้แล้วด่าว่า

"จะร้องทำไม ไป กลับได้แล้ว" ปาหนันเห็นรูปถนัดและ จำได้เหมือนกัน แถมยังพูดปฏิเสธกับลักษมนว่า "ขอโทษฮะ ไม่เคยเห็น" ฉุดแขนชื่นจะเดินออกจากร้าน แต่ลักษมนรีบบอกว่า

"ช่วยดูดีๆอีกครั้งเถอะครับ ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของผม ส่วนผู้หญิงเป็น...ญาติของเรา" ที่เป็นดังนั้นเพราะลักษมนรู้สึกว่าสองคนนั่นมีพิรุธ ชื่นถามทันที

"แล้วสองคนนี่ไม่ใช่ผัวเมียกันเหรอ?"

พอลักตอบว่า ไม่ใช่ ปาหนันก็ร้องอะไรนะออกมา ลักษมนรีบถามทันทีว่า "คุณรู้จักเขาเหรอ?"

"ไม่เคยเห็นจริงๆ" ปาหนันพูดตอบแต่ไม่กล้าสบตาลักษมน แถมยังรีบเดินหนีออกไปโดยมีชื่นวิ่งตามไปด้วย ลักษมนรีบกางกั้น แต่ปาหนันพรวดออกไป มือของลักษมนเลยไปถูกหน้าอกปาหนันโดยไม่ได้ตั้งใจ ปาหนันโวยวายว่าเขาลวนลามและต่อยจนลักษมนกระเด็น และพาชื่นวิ่งหนีไปทันที ลักษมนคลำคางป้อยๆ "อูย...อะไรวะเนี่ย ยายทอมบ้า" มองตามหลังสองคนนั้นที่วิ่งไปไกลแล้ว ปาหนันกลับถึงบ้านรีบไปรายงานพ่อ เสริมให้คนไปเอาตัวโรมมาที่ชายหาด โดยเทียนวิ่งตามมาด้วย พอถึงโรมก็ถามว่า

"พาพวกเรามาทำไม มีเรื่องอะไรกัน?"

"พวกแกโกหก สารภาพความจริงมาได้แล้ว" เสริมตวาด

"ก็พูดความจริงไปหมดแล้ว จะเอาอะไรกันอีก?"

"สองคนนี่ โกหกพวกเราทุกคน เธอกับมันไม่ได้เป็นผัวเมียกัน ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว ถามเจ๊ชื่นได้"

"ใช่จ้ะพี่ เราเจอน้องชายของไอ้คนนี้ที่ตลาด มันมาตามหาสองคนนี้ แล้วมันบอกว่าผู้หญิงก็เป็นญาติมัน"

"งั้นแกก็ต้องเป็นสายให้ไอ้นายทุนหน้าเลือดจริงๆสิ ถึงได้ปั้นเรื่องโกหกพวกเรา" ฉิวชี้หน้าโรม

เสริมตัดสินทันที "เอาผู้ชายขึ้นเรือ ข้าจะสั่งสอนมันเอง ส่วนผู้หญิงเอ็งเอาไปกักไว้ที่เรือน"

ชาวบ้านตรงเข้าล็อกตัวโรมแต่โรมต่อสู้จึงโดนฉิวต่อยท้องจนทรุดแล้วลากไปลงเรือ เทียนจะเข้าช่วยแต่โดนชื่นล็อกแขนเอาไว้ เทียนร้องไห้ "อย่าทำอะไรนายหัว ฉันขอร้อง ช่วยเขาด้วย ห้ามพวกนั้นนะ...นะ" ปาหนันกับชื่นไม่ฟัง ดึงเทียนกลับมาที่กระท่อมจนได้ เทียนเอาแต่ชะเง้อมองไปทางทะเลคอยการกลับมาของโรมอย่างใจจดใจจ่อ เป็นนานก็ยังไม่เห็นเรือแล่นกลับมา เทียนเดินไปหาปาหนัน ถามว่า

"พวกเธอคงไม่ฆ่านายหัวใช่ไหมจ๊ะ ฉันดูก็รู้ พวกเธอไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร"

"แล้วแต่พ่อ เธอใจเย็นๆเถอะ เดี๋ยวก็กลับ กดน้ำคนไม่ถึงสิบนาทีก็ตายแล้ว" ปาหนันขู่

ชื่นค้อนปะหลับปะเหลือก "โหดไปหรือเปล่าหนัน หล่อๆอย่างงี้เสียดายของ" ปาหนันถลึงตาใส่

เทียนตกใจ "ฉันขอร้องนะพี่ ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าฉันเถอะ

นายหัวไม่ผิด ฉันเองที่โกหกพวกพี่ ไม่เกี่ยวกับนายหัว...เพราะฉันกลัวพวกพี่จะแยกฉันกับนายหัว ฉัน...ฉันรักนายหัว แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับความรักของเรา ฉันเลยต้องขอให้นายหัวพามาที่นี่"

จบคำพูดของเทียน ปาหนันอึ้ง ส่วนชื่นเม้มปากอย่างซึ้งสุดๆ แต่ปาหนันก็ยังถามอีกว่า "โกหกอีกใช่ไหม เป็นญาติกันจะรักกันได้ยังไง?"

เธอกับเขาและรักของเรา ตอนที่ 18

ตอนที่ 18

ธณพมาโรงพักแต่เช้าเพื่อจัดการเอาตัวเปาออกจากห้องขัง เห็นเปายืนเกาะลูกกรงรออยู่ แปลกใจว่าทำไมเปาถึงไม่สวมเสื้อ เปาปรายตามองไปยังจิ๊กโก๋ 3 คนซึ่งนั่งเกาะกลุ่มมองเขาอย่างแหยงๆแทนคำตอบ

ธณพพยักหน้ารับรู้ "รอแป๊บหนึ่ง ฉันไปจัดการเอกสารก่อน"

ธณพกำลังจะออกไป เป็นจังหวะเดียวกับเปาหันหลังกลับไปนั่งที่ ธณพเหลือบเห็นรอยสักรูปนกที่ไหล่เปา ถึงกับตะลึง เปาหันกลับมามองสงสัยว่ามีอะไรหรือเปล่า ธณพละล่ำละลักว่าไม่มีอะไร แล้วเดินออกมาอย่างสับสน ระหว่างนั้น จ่าเวรเข้ามาเชิญธณพไปพบท่านรองฯ ธณพตั้งสติได้

"เอ่อ...พอดีผมเตรียมเอกสารไม่ครบต้องกลับไปเอา ฝากเรียนท่านรองฯด้วย แล้วผมจะโทร.เรียนท่านอีกที" ธณพว่าแล้วผลุนผลันออกไป จ่าเวรมองตามงงๆ

ไม่นานนัก ธณพรีบกลับมาหาคุณใหญ่แต่เห็นชานนท์

นั่งอยู่ในห้องทำงานกับเจ้านาย เขาอึกๆอักๆไม่กล้าพูด คุณใหญ่ชักรำคาญ สั่งให้ธณพรีบๆรายงานมาว่ามีอะไร

"คือ...ผู้ชายในรูป...ผู้ชายคนนั้นที่มีรอยสัก...ก็คือ... เปา...ครับ"

คุณใหญ่เหมือนโดนหมัดฮุกเข้าปลายคาง มึนไปหมด ธณพถามว่าจะให้เอาตัวเปากลับมาไหม

"ไม่ต้อง...ปล่อยให้มันอยู่ในนั้น ให้มันอยู่ไป...แล้วอย่าให้มันได้มีโอกาสออกมาอีก...เด็ดขาด" คุณใหญ่ตบโต๊ะเปรี้ยงด้วยความแค้น...

เปาเกาะลูกกรงห้องขังรอการกลับมาของธณพตั้งแต่เช้าจนใกล้เที่ยงก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา แทนที่เปาจะได้ประกันตัวออกไป กลับถูกส่งตัวไปยังเรือนจำแทน เขาถูกจับถ่ายรูปทำประวัติ แล้วถูกผู้คุมจับยัดเข้าห้องขังหมดสิ้นอิสรภาพ เปาเจ็บแค้นใจมากที่โดนหักหลัง

"ไอ้ใหญ่...แกต้องชดใช้...ชาตินี้...ฉันจะฆ่าแกให้ได้"

เปามัวแต่โกรธเลยไม่เห็นนักโทษสองคนซึ่งอยู่ร่วมห้องขังกับเปา เหล่เขาอยู่ตลอดเวลา

ooooooo

คุณหญิงกับแป้งร่ำรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอการ

กลับมาของเปาตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่เปาก็ไม่กลับมาสักที คุณหญิงทนรอต่อไปไม่ไหว ชวนแป้งร่ำไปถามคุณใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปา คุณใหญ่ตีหน้าตายบอกน้องสาวว่าไม่รู้ ก่อนตวัดสายตามองแป้งร่ำอย่างมีเลศนัย

"บางทีขั้นตอนมันอาจจะต้องยุ่งยากสักหน่อย...เพราะข้อหาของเปามันเป็นข้อหาฉกรรจ์"

แป้งร่ำสะดุ้งรู้สึกเหมือนโดนว่ากระทบ ชานนท์คอยสังเกตอากัปกิริยาแป้งร่ำตลอด คุณหญิงใจเสียโผกอดพี่ชาย ขอให้ เขารับปากว่าจะช่วยเปาออกมาให้ได้ เพราะเปาไม่สมควรต้องโดนแบบนี้

คุณใหญ่ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า "สมควรสิน้องหญิง...ใครที่มันคิดแทงข้างหลังคนอย่างใหญ่ รัตตภาคย์ มันสมควรต้องโดนลงโทษแบบนี้ทุกคน" คุณใหญ่กอดน้องสาวตอบ แต่สายตาจ้องแป้งร่ำเขม็ง แป้งร่ำไม่กล้าสบตาด้วย เมินหน้าไปอีกทางเป็นห่วงและกังวลเรื่องเปา

ooooooo

นักโทษสองคนร่วมห้องขังกับเปาเหม็นขี้หน้าเขาโดยไม่มีสาเหตุ ลูกน้องแกล้งเดินสะดุดขาเปา แล้วตรงเข้าหาเรื่อง เปาไม่อยากมีปัญหา ขอร้องว่าต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า ลูกพี่ลุกพรวด

"อ้าวเฮ้ย...มาใหม่ก็ซ่าแล้วหรือไอ้ตี๋...แบบนี้ก็สวยสิ"

ทั้งคู่กรูเข้าใส่เปาทันที นักโทษห้องข้างๆส่งเสียงเชียร์ลั่น สองคนนั่นสู้เปาไม่ได้ ลูกพี่เลยใช้เครื่องทุ่นแรง ควักมีดโกนอันใหญ่ออกมาสู้ เปาเสียเปรียบถูกล็อกจากด้านหลัง ลูกพี่เงื้อมีดโกนสุดแขนหมายจัดการขั้นเด็ดขาด แต่เสียงนกหวีดของผู้คุมดังขึ้นเสียก่อน ลูกพี่เห็นท่าไม่ดี โยนมีดโกนไปตกที่พื้นตรงหน้าเปา

เป็นจังหวะเดียวกับผู้คุมสองคนเปิดประตูห้องขังเข้ามาพอดี เหลือบเห็นมีดโกนคิดว่าเป็นของเปาปราดเข้าล็อกแขน เปาฮึดฮัด ผู้คุมเลยเอากระบองฟาดหลัง แล้วลากเปาออก จากห้องขัง

"ไป...ไปเลย...ไอ้น้องใหม่...ซ่านัก"

ผู้คุมทั้งสองคนลากเปาผ่านหน้าห้องขังห้องหนึ่ง มีนักโทษหน้าเหี้ยมชื่อยุทธมองตามไม่วางตา แล้วก้มมองภาพถ่ายเปาในมือตัวเอง ครู่ต่อมา ผู้คุมผลักเปาเข้าไปในคุกมืด

"นอนให้สบาย...หายซ่าแล้วค่อยออกมา" ผู้คุมปิดประตูห้องขังล็อกกุญแจ

เปานั่งอยู่ในความมืดด้วยความเจ็บแค้นใจ คำรามก้องว่า "ไอ้ใหญ่...ฉันจะฆ่าแก"

ในเวลาเดียวกัน คุณใหญ่สั่งคุณระเบียบให้พาแป้งร่ำมาพบที่ห้องทำงาน แทนที่จะบอกแป้งร่ำให้ รู้แล้วรู้รอดไปว่าเขารู้แล้วว่าผู้ชายที่มีรอยสักรูปนกคนนั้นคือเปา คุณใหญ่กลับถามเธอว่า ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาดูแลเธอดีไหม แป้งร่ำมองเขางงๆก่อนจะรับคำ

"แน่ใจ"

แป้งร่ำยิ่งงงหนักไม่รู้เขาจะมาไม้ไหน คุณใหญ่ตบโต๊ะปัง ทั้งชานนท์ ธณพ คุณระเบียบรวมถึงแป้งร่ำพากันสะดุ้งโหยง ตวาดแป้งร่ำว่าเขาถามทำไมถึงไม่ตอบ แป้งร่ำรีบรับคำอีกครั้ง คุณใหญ่ตะคอกใส่

"ค่ะ...อะไร"

"ค่ะ...แน่ใจค่ะ" แป้งร่ำไม่กล้าสบตาด้วย

"ดี...หวังว่าเธอจะไม่โกหกฉัน...ฉันเกลียดคนโกหก หักหลังและคนที่คิดว่าฉันเป“นไอ้งั่ง...คุณระเบียบ...พาแป้งร่ำออกไปได้แล้ว" คุณใหญ่ข่มความโกรธสุดๆถ้าไม่ติดว่าต้องใช้เธอเพื่อดึงชานนท์ไว้เป“นพวก เขาคงฆ่าเธอกับมือไปแล้ว คุณระเบียบรับคำอย่างงงๆแล้วพาแป้งร่ำออกไป

พอถึงห้องนอนแป้งร่ำ คุณระเบียบจึงกล้าถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน แป้งร่ำส่ายหน้าแทนคำตอบ คุณระเบียบสังหรณ์ใจอ้าปากจะเตือน แต่แป้งร่ำรีบตัดบท อ้างว่าเพลียมากอยากพักผ่อน คุณระเบียบจำใจออกไป แป้งร่ำล้มตัวลงนอนบนเตียงร้องไห้โฮอย่างอัดอั้น ทั้งเสียใจ ทั้งหวาดกลัวผสมปนเปไปหมด...

ด้านคุณใหญ่ถามชานนท์ว่าตกลงเรื่องแป้งร่ำจะว่าอย่างไร ยังอยากจะได้เธออยู่ไหม ชานนท์รักแป้งร่ำมาก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ เขาก็จะยังรักและจะรักเธอตลอดไป คุณใหญ่อึ้ง คิดไม่ถึงว่าชานนท์จะมั่นคงในความรักที่มีต่อแป้งร่ำขนาดนี้...

อีกมุมหนึ่งของบ้านรัตตภาคย์   คุณหญิงสบโอกาสเห็นธณพนั่งอยู่คนเดียว ปรี่เข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปา ทำไมเขาถึงช่วยเปาออกมาไม่ได้ หรือว่าเขาไม่อยากช่วย ธณพได้แต่อ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะตอบอย่างไร

"ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า เปาคือคนที่ฉันรักที่สุด เพียงคนเดียวเท่านั้น"

"แต่เปา..." ธณพพูดได้แค่นั้น คุณหญิงถามแทรกขึ้นก่อน

"เปาทำไม?...ไม่ว่าเปาจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเปาจะเป“นอย่างไร ฉันก็จะรักเปาที่สุด...และจำไว้ ถ้าเปาเป“นอะไรไปล่ะก็... ชาตินี้ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณอีกเลย" คุณหญิงว่าแล้วหันหลังกลับออกไปทันที...

ขณะที่แป้งร่ำกับคุณหญิงต่างพากันเป“นห่วงเปา อามุ่ยเอง ก็ห่วงเปาไม่น้อยไปกว่าสองสาวเช่นกัน เธอเอาแต่นั่งเหม่อใจลอย ข้าวปลาไม่ยอมกิน คุณระเบียบเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้

"กินข้าวกินปลาซะหน่อยเถอะ...อามุ่ย"

"อั๊วจะกินได้อย่างไร อาเปาของอั๊วยังไม่กลับมา ป่านนี้อีจะเป“นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้" อามุ่ยร้องไห้โฮ คุณระเบียบ ระบบและระบือที่นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันพลอยเศร้าใจไปด้วย

ooooooo

อามุ่ยทนคิดถึงเปาไม่ไหว รีบไปโรงพักแต่เช้ากลับไม่เจอเปาที่นั่น ถามคาดคั้นจ่าเวรว่าเอาตัวเปาไปไว้ไหน พอรู้ว่าเปาถูกส่งตัวเข้าเรือนจำใหญ่ อามุ่ยรีบกลับมารายงานเรื่องนี้ให้คุณหญิงทราบ คุณหญิงไม่ รอช้า ชวนแป้งร่ำและอามุ่ยบุกห้องทำงานพี่ชายทันที

"ว่าไงคะพี่ใหญ่  ไหนบอกจะช่วยเปาออกมา  แล้วทำไมเปาถึงถูกส่งเข้าเรือนจำ มันหมายความว่าอย่างไรคะ" คุณหญิงเสียงเขียว

"เดี๋ยวนี้เสียงดังกับพี่แล้วหรือน้องหญิง...วุ่นวายกันเหลือเกินนะ" คุณใหญ่ปรายตามองอามุ่ย

"ทำไมพวกลื้อใจดำกันอย่างนี้...พวกลื้อใจดำ...คอยดู... ฟ้าดินจะลงโทษ"

คุณใหญ่หันขวับจ้องอามุ่ยอย่างเอาเรื่อง คุณระเบียบเห็นท่าไม่ดีรีบลากอามุ่ยออกจากห้อง อามุ่ยโวยวายแช่งคุณใหญ่ ไปตลอดทาง คุณหญิงยังไม่ยอมรามือ ถามพี่ชายว่าตกลงเรื่องเปาจะเอาอย่างไร

"คนที่ทำผิดก็สมควรถูกลงโทษ"

"แต่เปาไม่ใช่คนผิด" คุณหญิงเถียงไม่ยอมแพ้

"เหรอ?" คุณใหญ่ยิ้มอย่างมีเลศนัย "...ออกไปได้แล้ว พี่จะทำงาน"

คุณหญิงโกรธคว้ามือแป้งร่ำชวนกันออกไป ชานนท์ ได้แต่มองตามแป้งร่ำ คุณใหญ่หันไปสั่งธณพรีบไปจัดการเรื่องเปาให้เร็วที่สุด เขาชักรำคาญเต็มทนแล้ว ชานนท์ทำท่าจะคัดค้าน

"หรือนนท์ยังอยากให้ไอ้เปามันอยู่เป็นหนามทิ่มแทงหัวใจนนท์อย่างนั้นหรือ...แต่คนอย่างพี่...ไม่ชอบมีเสี้ยนหนามให้รำคาญใจ" คุณใหญ่สีหน้าเหี้ยม ขณะที่ชานนท์คิดคล้อยตามคำพูดของคุณใหญ่...

เปาได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกมืด กลับมาห้องขังรวมอย่างเดิม  วันแรกของการอยู่ในเรือนจำ  เปาต้องทำงานหนักเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของเรือนจำ จะมีสายตาของยุทธนักโทษหน้าเหี้ยมคนนั้นคอยจับจ้องเขาตลอดเวลา เปาชักเอะใจว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล...

ได้เวลานอนแล้ว แต่เปายังนอนไม่หลับ หวนคิดถึงความสุขที่เคยมีกับแป้งร่ำ ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ยิ่งต้องมาติดคุกอย่างนี้เขายิ่งคิดถึงแป้งร่ำเหลือเกิน

ooooooo

อามุ่ยดั้นด้นไปเยี่ยมเปาที่เรือนจำจนได้ พอเห็นหน้าเปาเท่านั้น เธอถึงกับร้องไห้โฮ ทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน ยิงคำถามใส่เปาเป็นชุดว่าเป็น อย่างไรบ้าง? ลำบากไหม? ใครรังแกบ้างหรือเปล่า?

"พอแล้ว...อามุ่ย อั๊วไม่เป็นอะไร...ลื้อรู้ได้อย่างไรว่าอั๊วอยู่ที่นี่"

"ก็อาจ่าที่โรงพักน่ะสิ...บอกอั๊ว...แต่กว่าจะบอก อั๊วก็ต้องไปตื๊ออีอยู่เป็นวันเลย...งี่เง่า...อาเปา...ตอนแรกอาคุณใหญ่อีบอกจะช่วยลื้อออกจากคุก แต่ดูมันสิ...มันกลับให้คนจับลื้อมาเข้าคุกนี้"

เปารู้แก่ใจดี อามุ่ยตำหนิเปาว่าถ้ายอมเชื่อเธอ แล้วกลับเซี่ยงไฮ้ด้วยกันตั้งแต่แรก เขาก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ จะไปแก้แค้นพวกตระกูลชั่วๆทำไม น่าจะปล่อยให้ฟ้าดินลงโทษพวกนั้นเอง

"อามุ่ย...ลื้อไม่เป็นอั๊ว ลื้อไม่เข้าใจหรอกว่าสิ่งที่พวกมันทำกับอั๊ว มันเจ็บปวดแค่ไหน"

"อาเปา...เชื่ออั๊วเถอะนะ เลิกยุ่งกับพวกมัน แล้วอั๊วจะบอกเตี่ยอั๊วให้หาทางช่วยลื้อ...ลื้ออย่าลืมสิว่าเตี่ยอั๊วเป็นมาเฟีย"

เปามองอามุ่ยอย่างซาบซึ้งใจ ไม่อยากดึงเธอมาเกี่ยวข้องกับการแก้แค้น รีบเปลี่ยนเรื่องพูด ถามว่าแป้งร่ำเป็นอย่างไรบ้าง อามุ่ยชักสีหน้าไม่พอใจ ต่อว่าว่าจะไปถามถึงผู้หญิงคนนั้นทำไม

"ชีวิตนี้...อั๊วคงไม่มีโอกาสได้เจอคุณแป้งร่ำอีกแล้ว รับปากอั๊ว...ดูแลคุณแป้งร่ำด้วย" เปาสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด อามุ่ยมองเขาสงสารจับใจ...

กว่าอามุ่ยจะกลับถึงบ้านรัตตภาคย์พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เธออาศัยความมืดค่อยๆย่องเข้าประตูหลังบ้านอย่างระแวดระวัง แต่ต้องตกใจที่เห็นแป้งร่ำยืนรออยู่ อามุ่ยทำไม่รู้ไม่ชี้เดินหนี แป้งร่ำรีบตามมาคว้าแขนไว้ อามุ่ยพยายามสะบัดออก แต่แป้งร่ำจับไว้แน่น ถามว่าไปไหนมา อามุ่ยหลบตา

"เรื่องของอั๊ว...ลื้อจะมาเซ้าซี้อะไร"

"เธอไปหาเปามาใช่ไหม?...เธอรู้ใช่ไหมว่าเปาอยู่ไหน?" แป้งร่ำเห็นอามุ่ยนิ่งเฉย รีบอ้อนวอน "ได้โปรดเถอะ...บอกฉัน หน่อยได้ไหมว่าเปาอยู่ที่ไหน...ฉันก็เป็นห่วงเปาไม่น้อยไปกว่าเธอหรอกนะ...อามุ่ย"

อามุ่ยจิกหางตามองแป้งร่ำอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่พอนึกถึงคำพูดของเปาที่พูดกับตนเองตอนไปเยี่ยมที่เรือนจำ และยิ่งเห็นหน้าเศร้าๆของแป้งร่ำ อามุ่ยชักใจอ่อน

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น แป้งร่ำในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ เก่าๆโทรมๆ สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า นั่งรอเปาอยู่ในห้องเยี่ยมภายในเรือนจำ พอเปาเห็นเป็นแป้งร่ำ ทั้งดีใจและเป็นห่วง ถามว่ามาที่นี่ทำไม

"ฉันเป็นห่วงนาย ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน...นายเป็นอย่างไรบ้าง ลำบากมากไหม" แป้งร่ำน้ำตาไหล

"อย่าร้อง...ผมไม่เป็นอะไร" เปาพลอยเศร้าไปด้วย

"นายยังรักฉันอยู่หรือเปล่า...ฉันยังรักนายอยู่เสมอนะเปา ที่ผ่านมาฉันโกหก ฉันขอโทษ ไม่มีวันไหนที่ฉันจะไม่รัก ไม่คิดถึงนาย ถึงแม้นายจะแต่งงานกับคุณหญิง มันก็ไม่ทำให้ฉันเลิกรักนายได้เลย...ถ้านายยังรักฉันอยู่ ฉันจะรอนายนะเปา ฉันพร้อมที่จะหนีไปกับนายอย่างที่เราเคยสัญญากันไว้...เราจะไปด้วยกัน"

"แป้งร่ำ..." เปาน้ำตาซึม

"ฉันคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้...ถ้าไม่มีนาย นายให้ฉันรอนายใช่ไหม...ฉันจะมารอรับนายวันที่นายได้ออกไปจากที่นี่...ตอบให้ฉันดีใจหน่อยได้ไหม...ว่านายยังรักฉันอยู่"

"เราจะรักกันได้อย่างไร ในเมื่อ...คุณเป็นผู้หญิงของเขา"

"ทำไมเราจะรักกันไม่ได้ ถึงแม้ร่างกายฉันจะอยู่กับเขาแต่หัวใจฉันอยู่กับนาย นายยังรักฉันอยู่ใช่ไหม"

"แป้งร่ำ...ผมรักคุณ"

แป้งร่ำดีใจมากปล่อยโฮทันที บอกว่ารักเขาเช่นกัน เปาอยากจะกอดหญิงคนรักใจแทบขาดแต่ทำไม่ได้...ครู่ต่อมา แป้งร่ำใส่หมวกปิดบังใบหน้าไว้อย่างเดิม เดินมาหาอามุ่ยซึ่งนั่งรออยู่ริมฟุตปาทหน้าเรือนจำ ขอบใจเธอมากที่พามาหาเปา อามุ่ยค้อนขวับ ลุกขึ้นเดิน แป้งร่ำเรียกไว้

"เดี๋ยว...วันที่เปาพ้นโทษ...เรามารับเปาด้วยกันนะ"

อามุ่ยเก๊กนิดหนึ่ง "เออ...กลับได้แล้ว พวกที่บ้านรู้เข้าล่ะ...อั๊วย่ำแย่แน่ๆ"

แป้งร่ำพยักหน้า หันกลับไปมองประตูเรือนจำอีกครั้งอย่างมีความหวัง...ในเวลาต่อมา แป้งร่ำในชุดเสื้อผ้าอย่างดีของตัวเองหิ้วถุงใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์มากับอามุ่ย เหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะค่อยๆย่องเข้าประตูหลังบ้านรัตตภาคย์ ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงธณพร้องถามแป้งร่ำว่าไปไหนมา

"เอ่อ...แป้งเห็นอามุ่ยไม่ค่อยมีเสื้อผ้าใส่ ก็เลยพาไปซื้อที่ตลาดน่ะค่ะ" แป้งร่ำชูถุงในมือให้ดู

อามุ่ยเห็นธณพไม่ค่อยเชื่อนัก รีบช่วยโกหกอีกแรง ธณพเตือนแป้งร่ำว่าถ้าคุณใหญ่รู้เข้าต้องเป็นเรื่องแน่ๆ แป้งร่ำขอร้องธณพอย่าบอกเรื่องนี้กับคุณใหญ่

"คุณแป้งอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ...คุณชานนท์มารอนานแล้ว"

แป้งร่ำสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก สองสาวรีบแยกย้ายกันเข้าบ้าน ธณพจะเดินกลับตึกใหญ่ แต่บังเอิญเห็นอะไรบางอย่างนอกรั้วเสียก่อน ชะเง้อมองอย่างสงสัย...

ในซอยเปลี่ยวข้างบ้านรัตตภาคย์ วิฑิตจอดรถแล้วยื่นเงินปึกใหญ่ให้ศจี หญิงสาวหอมแก้มเขาหนึ่งฟอดแล้วก้าวลงจากรถ ยกมือบ๊ายบายให้วิฑิตที่ขับรถออกไป ศจีตกใจหันมาเจอธณพยืนจ้องอยู่

"คุณไปไหนกับใคร?"

"เรื่องของฉันอย่ามายุ่ง" ศจีว่าแล้ววิ่งปรู๊ด ธณพมองตามไม่ไว้ใจ พอพ้นสายตาธณพ ศจีรีบโทร.บอกวิฑิตว่าธณพอาจจะเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน วิฑิตไม่สนใจ ใครอยากเห็นก็เห็นไปจะกลัวอะไร

"ไม่กลัวได้อย่างไร   ถ้ามันเอาเรื่องของเราไปแฉจะทำอย่างไร"

"เราก็แฉมันเสียก่อนสิ...ลืมแล้วหรือ คลิปที่ถ่ายไว้น่ะ ได้เวลางัดออกมาแฉแล้วจ้ะ...ดาหลิง"

ศจีตาโตนึกออก ยิ้มสะใจ...

ด้านแป้งร่ำปรับสีหน้าเป็นปกติ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าชานนท์ ขอโทษที่ปล่อยให้เขารอ ชานนท์แอบเคืองแต่ยังฝืนยิ้ม ถามว่าไปไหนมา แป้งร่ำโกหกว่าไปกับอามุ่ย ชานนท์เห็นแป้งร่ำไม่ยอมสบสายตาด้วย จ้องมองเธออย่างจับผิด แป้งร่ำรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

"เอ่อ...วันนี้แป้งขอไม่ไปกินข้าวข้างนอกได้ไหมคะ แป้งรู้สึกไม่ค่อยสบาย...ขอบคุณนะคะ"

ชานนท์เคลือบแคลงสงสัยว่าต้องมีอะไรเบื้องหลังแน่ๆ...

ขณะคุณใหญ่กำลังเช็กข้อความอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อยู่ๆมีคลิปส่งเข้ามา   คุณใหญ่เปิดดูแล้วแทบช็อก เห็นเป็นคลิปแอบถ่ายธณพกำลังปลุกปล้ำคุณหญิง จังหวะนั้นธณพพรวดพราดเข้ามาจะรายงานเรื่องที่เห็นศจีอยู่กับวิฑิต แต่ต้องชะงักเพราะสายตาคุณใหญ่ที่จ้องมองตัวเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ธณพรู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ

เป็นจริงอย่างธณพคาด คุณใหญ่ไม่รอช้าคว้าไม้กอล์ฟไล่ฟาดธณพไม่ยั้งถึงกับคลานสี่ขาหนี แถมยังด่าธณพลั่นบ้านอย่างหยาบๆคายๆ โยนไม้กอล์ฟทิ้งแล้วคว้าปืนจะยิง ทันใดนั้น คุณหญิงเปิดประตูห้องทำงานผลัวะเข้ามาพร้อมกับแป้งร่ำ ชานนท์ คุณเล็ก และคุณระเบียบ

"พี่ใหญ่...อย่าค่ะ" คุณหญิงพุ่งไปกอดพี่ชายไว้ ชานนท์

กับคุณเล็กเข้าไปประคองธณพ ขณะที่แป้งร่ำยืนกอดคุณระเบียบซึ่งเอามือปิดตาเพราะกลัวเลือด

"ยังจะห้ามพี่อีกหรือน้องหญิง...มันทำน้องหญิงท้อง...พี่จะฆ่ามัน"

คุณหญิงตะลึง ส่วนคนอื่นต่างช็อกไปตามๆกัน คุณใหญ่ปรี่เข้าไปจะฟาดธณพซ้ำ คุณหญิงคว้าตัวพี่ชายไว้ ขอร้องว่าอย่าทำร้ายเขาอีกเลย คุณใหญ่โกรธหน้ามืด ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เหวี่ยงคุณหญิงกระเด็น ตรงเข้าหาธณพหมายจะฆ่าให้ตาย แต่เสียงแป้งร่ำร้องเรียกคุณหญิงด้วยความตกใจดังขัดจังหวะ

คุณใหญ่หันไปมอง เห็นแป้งร่ำวิ่งไปประคองคุณหญิงซึ่งนั่งกองอยู่กับพื้น ที่ขาของเธอมีเลือดไหลเป็นทาง แป้งร่ำร้อง ขอความช่วยเหลือลั่น คุณใหญ่ได้สติ ปราดเข้าไปหาน้องสาว รีบพาส่งโรงพยาบาลทันที

ครู่ต่อมา คุณหญิงถูกพาเข้าห้องฉุกเฉิน โดยมีคุณใหญ่ แป้งร่ำ ชานนท์ และคุณเล็กรออยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวายใจ ธณพแอบซุ่มมองอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง สักพักหมอออกจากห้องฉุกเฉิน คุณใหญ่ แป้งร่ำ คุณเล็กกับชานนท์ต่างกรูเข้าไปถามอาการคุณหญิง

"เสียใจด้วยนะครับ เราช่วยเด็กไว้ไม่ได้ แต่แม่ปลอดภัยแล้ว"

คุณใหญ่ถอนใจโล่งอก ธณพถึงกับเข่าอ่อน ก่อนจะรวบรวมกำลังวิ่งเข้ามาคว้าคอเสื้อหมอ เขย่าอย่างบ้าคลั่ง หาว่าหมอไม่ช่วยลูกของเขา คุณใหญ่โกรธที่ธณพยังกล้ามาเสนอหน้าให้เห็น ปรี่จะลุยใส่ ชานนท์กับคุณเล็กรีบล็อกเขาไว้ ส่วนแป้งร่ำดึงธณพออกห่าง ขอร้องให้กลับไปเสีย

"ไม่...ผมจะรอลูกผม...ผมจะรอลูก" ธณพคร่ำครวญ

"ไอ้ณพ...ไสหัวไปเลย จะไปตายที่ไหนก็ไป" คุณใหญ่ ฮึดฮัดจะเอาเรื่อง  ชานนท์กับคุณเล็กต้องช่วยกันดึงตัวไว้ แป้งร่ำรีบลากธณพออกมาจนพ้นสายตาคุณใหญ่

"ใจเย็นๆนะคะคุณณพ รอให้คุณใหญ่หายโกรธแล้วค่อย..."

ธณพไม่รอให้แป้งร่ำพูดจบ ชิงพูดขึ้นก่อนว่า "ไม่มีทาง... ผมรู้จักคุณใหญ่ดี เขาฆ่าผมแน่...คนอย่างคุณใหญ่ ถ้าอยากฆ่าใครก็ต้องฆ่าให้ได้...ทุกคน"

ooooooo

คืนวันเดียวกัน ขณะเปากำลังนอนหลับ ยุทธกับสมุนนักโทษลอบเข้าไปให้ห้องขังเปา เอาถุงดำคลุมหัวแล้วรุมอัดเขาจนน่วมก่อนจะลากออกไปยังมุมเปลี่ยวของเรือนจำ ยุทธกระชากถุงดำออก

เปาจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว "ฉันไปทำอะไรให้แก"

"ไม่ต้องทำอะไรให้ ข้าก็ฆ่าเอ็งได้...ตามใบสั่ง"

เปาต้องการรู้ว่าใครสั่ง ยุทธไม่ตอบ หันไปพยักพเยิดให้สมุนเข้าไปล็อกเปาจากด้านหลัง แล้วควักแปรงสีฟันที่ตรงด้ามถูกฝนจนแหลมราวกับมีด

"เจ็บนิดเดียวไอ้ตี๋ ข้าน่ะมือโปร ฉึกเดียวเข้าเส้นเลือดใหญ่ ลงนรกรวดเร็วทันใจ...โอเค?"

ยุทธดันหน้าเปาให้เงยขึ้นจนเห็นคอหอย เงื้อมือที่ถือแปรงสีฟันขึ้นสุดแขน ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนให้หยุดดังขึ้นจากมุมมืดด้านหลัง ยุทธหันขวับไปมอง เห็นลุงพงศ์นักโทษขาใหญ่เดินเข้ามาหา หน้าตาดุดัน เปาเห็นชายคนนั้นยังไม่ชัดนัก

"เอาอีกแล้วนะไอ้ยุทธ ทำแต่ความชั่วแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่เอ็งจะได้ไปผุดไปเกิดสักทีวะ" ลุงพงศ์เข้ามายืนตรงหน้า คราวนี้เปาเห็นเขาเต็มตา ร้องเรียก "ลุงพงศ์" ลั่นด้วยความดีใจ ลุงพงศ์นิ่วหน้า สงสัย

"ผม...เปา...เปาไงครับ"

"คุณหนู" ลุงพงศ์ร้องเรียกด้วยความดีใจ โผกอดเปาท่ามกลางความงุนงงของยุทธและสมุน ลุงพงศ์สั่งให้ทั้งคู่กราบขอโทษคุณหนูของเขาเดี๋ยวนี้ สองคนรีบทำตาม เปาไม่อยากให้มากราบตนเอง แต่ลุงพงศ์ไม่ยอม ยุทธโอดครวญว่าเขาแค่ทำตามใบสั่งฆ่า อย่าถือโทษโกรธกันเลย

"ใครสั่งเอ็งมาวะไอ้ยุทธ"

"ไม่รู้...ลูกพี่ข้างนอกสั่งมาอีกที รู้แต่ว่าไอ้คนสั่งมันรวยมากจ่ายไม่อั้น งานนี้ฉันซวยแน่ ป๋าต้องช่วยเคลียร์นะ" ยุทธมีท่าทีหวั่นๆ ลุงพงศ์ถามเปาว่าไปทำอะไรไว้ถึงมีคนอยากฆ่า

"ลุงบอกผมก่อนดีกว่าว่า...มันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ผม"

ลุงพงศ์หน้าเศร้าขึ้นมาทันที จากนั้นลุงพงศ์พาเปามาคุยกันลำพังสองต่อสอง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเปาให้ฟังว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ มันถูกจงใจจัดฉากขึ้น คุณท่านทั้งสองคนรู้ตัวตลอดเวลาว่ามีคนปองร้าย ไอ้คนที่คิดจะทำร้ายคุณท่าน เป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจกับเพื่อนของพ่อแม่เปา

"มันโกงเพื่อนของคุณท่านจนสิ้นเนื้อประดาตัวต้องมาพึ่งบารมีของคุณท่านทั้งสอง คุณท่านมีเมตตาก็ให้ความช่วยเหลือและหาทนายมือดีจะสู้คดีกัน แต่น่าสงสาร กำลังจะชนะคดี เพื่อนคุณท่านก็ล้มป่วยด้วยโรคลูคีเมียตายไปเสียก่อน ส่วนสามีก็ถูกมันสั่งเก็บ"

เปาฟังแล้วคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ลุงพงศ์เล่าอีกว่าคุณท่านทั้งสองเห็นลูกสาวของเพื่อนต้องกำพร้าพ่อแม่ และยังโดนฮุบสมบัติ เลยทนไม่ได้อาสาจะให้การในศาลต่อสู้กับฝ่ายโน้น แต่ในที่สุดท่านทั้งสองก็ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย พอเล่าถึงตรงนี้ ลุงพงศ์ตาวาวด้วยความแค้น

"พวกมันจงใจทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ คุณผู้หญิงเสียชีวิตในรถ คุณผู้ชายอยู่ไอซียูเป็นเดือน ตอนแรกเหมือนอาการจะดีขึ้น มีสติสั่งให้ผมเขียนจดหมายและส่งคุณหนูไปอยู่กับอาซิ่ม แม่บ้านเก่าแก่ที่ย้ายกลับไปอยู่เซี่ยงไฮ้"

"แล้วทำไมลุงถึงมาอยู่ที่นี่"

"ก็ข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มันโยนความผิดให้ผม สิ้นคุณท่านทั้งสองแล้ว ผมก็หมดสิ้นทุกอย่าง...เฮ่อ...อยู่คุกยังมีข้าวกินก็เลยทำตัวดีช่วยงานในคุกจนกลายเป็นป๋าอย่างที่คุณหนูเห็น" ลุงพงศ์ยิ้มเยาะให้กับชะตาชีวิตตัวเอง "แต่คุณหนู...จะมาอยู่อย่างผมไม่ได้นะครับ คุณหนูต้องออกไป"

"ฉันจะออกไปได้อย่างไร...เอ่อ...ลุงพอจะจำได้ไหมว่าเพื่อนของพ่อแม่ผมเขาเป็นใคร"

"จำชื่อไม่ได้ครับ...แต่จำนามสกุลได้ เพราะตระกูลนี้เป็นพวกเศรษฐีรวยมาก...นามสกุล วรรัตน์"

เปาจำได้ว่านี่คือนามสกุลของแป้งร่ำ ถามอีกว่าคนที่ทำร้ายพ่อกับแม่ของเขาเป็นใคร ลุงพงศ์พอจะจำได้ไหม ลุงพงศ์ จำได้ขึ้นใจว่าพวกนั้นชื่อยิ่งยศกับรุ่งรัตน์ รัตตภาคย์ ได้ยินนามสกุลนี้เปายิ่งแค้นหนัก

ooooooo

คุณใหญ่เห็นน้องสาวนอนเหม่อลอย น้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียงคนไข้ ทนไม่ไหวฮึดฮัดจะตามไปเอาเรื่องธณพอีก คุณหญิงขอร้องให้หยุดจองเวรกันได้แล้ว

"มันทำถึงขนาดนี้...มันกล้าทำกับพี่ ทำกับใหญ่ รัตตภาคย์ ขนาดนี้ มันไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่"

"เขาทำกับหญิงค่ะ...ไม่ใช่พี่ใหญ่"

"ทำกับน้องพี่ก็เท่ากับหยามหน้าพี่"

คุณหญิงกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว ปล่อยโฮ "เลิกห่วงหน้าตัวเองเสียทีเถอะค่ะพี่ใหญ่ เผื่ออะไรๆมันอาจจะดีขึ้นบ้าง...ที่รัตตภาคย์ของเรามันวุ่นวายแบบนี้ ไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ห่วงแต่หน้าตัวเองหรอกหรือคะ...หรือจะให้โทษว่าเป็นเพราะบ้านเราไปทำเวรทำกรรมอะไรกับใครเขาไว้คะ"

"ไม่จริง ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะคนอื่นมันเลว มันชั่ว มันทรยศ มันหักหลัง" คุณใหญ่โวยลั่นด้วยความโกรธ คุณหญิงเหนื่อยใจกับพี่ชายเหลือเกิน ได้แต่เบือนหน้าร้องไห้...

ขณะเดียวกัน แป้งร่ำเห็นว่าวันนี้ที่บ้านปลอดคน คุณใหญ่ กับชานนท์ไม่อยู่ไปเยี่ยมคุณหญิง เลยขอให้อามุ่ยพาไปเยี่ยมเปา ระหว่างที่แป้งร่ำวิ่งกลับไปเอากระเป๋าถือที่ห้องนอน เกิดเวียนหัว หน้ามืดเป็นลมล้มลงกับพื้น คุณระเบียบเข้ามาเห็น ตกใจ รีบพาไปส่งโรงพยาบาลทันที

ในเวลาต่อมา หมอสั่งเจาะเลือดตรวจหาสาเหตุที่แป้งร่ำดูซีดเซียวและหน้ามืดบ่อยๆอย่างละเอียด ผลเลือดต้องรออีกสองถึงสามวันถึงจะรู้ จากนั้นจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แป้งร่ำเห็นว่าไหนๆก็มาโรงพยาบาลแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ชวนคุณระเบียบแวะเยี่ยมคุณหญิง...

อีกด้านหนึ่งภายในห้องพักฟื้น คุณหญิงเอามือลูบท้องร้องไห้คิดถึงลูก พึมพำขอโทษลูกที่ดูแลไม่ดี จังหวะนั้นมีเสียงประตูห้องเปิด คุณหญิงเบือนหน้าหนีอย่างรำคาญ ออกตัวว่าต้องการพักผ่อนไม่อยากให้ใครรบกวน เสียงธณพเรียกคุณหญิงดังขึ้นจากด้านหลัง คุณหญิงหันขวับไปมองอย่างเอาเรื่อง แต่พอเห็นสภาพสะบักสะบอมของธณพแล้ว ที่กะจะโวยใส่เลยเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย็นชาแทน

"ยังจะกล้ามาอีกหรือ? รีบหนีไปซะก่อนจะไม่มีชีวิตอยู่"

"ตอนนี้ผมก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว...ตายทั้งเป็น" ธณพพูดอย่างปลงๆ

"ทุกอย่างมันจบแล้ว...จบสิ้นแล้ว ต่อไปนี้ คุณอย่ามายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก...ไปซะ"

"ผมคงจะไปไม่ได้ถ้าไม่ได้พูดกับคุณ...คุณจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่ แต่ผมอยากจะบอกว่าผมไม่เคยแม้แต่คิดจะทำให้คุณโกรธผม เกลียดผม ผมหวังแต่จะทำให้คุณมีความสุข...ในทุกๆเรื่องเท่าที่คนอย่างผมจะทำให้คุณได้...ที่สำคัญ...ผมไม่เคยคิดจะ...ทำร้ายคุณเลยแม้แต่นิดเดียว"

"เหรอ?...แม้แต่นิดเดียวหรือ?" น้ำเสียงคุณหญิงเหมือนแดกดันอยู่ในที

"ครับ...ผมรู้ดีว่าพูดไปคุณก็คงไม่เชื่อ ผมเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เชื่อผมนะครับ...ว่า คุณคือผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ" ธณพพูดจบ เดินคอตกจากไป คุณหญิงนั่งนิ่ง น้ำตาไหลพราก

สักพัก คุณระเบียบพาแป้งร่ำซึ่งนั่งรถเข็นเปิดประตูห้องเข้ามา คุณหญิงรีบปาดน้ำตา ตกใจว่าแป้งร่ำเป็นอะไรไปทำไมต้องนั่งรถเข็น แป้งร่ำว่าไม่มีอะไร แค่มาเจาะเลือดตรวจ

"เฮ่อ...ดูสิ...คนป่วยมาเยี่ยมคนป่วย" คุณระเบียบถอนใจเฮือก

ooooooo

คุณใหญ่หงุดหงิดเหลือเกินกับเรื่องวุ่นๆในบ้าน กำชับชานนท์ว่าอย่าให้ข่าวพวกนี้รั่วออกไปถึงหูฝ่ายตรงข้ามให้เอาไปโจมตีเราได้ แล้วนึกขึ้นได้ ถามชานนท์ ว่าเรื่องเปาไปถึงไหนแล้ว ชานนท์ไม่รู้อะไรเลย ธณพเป็นคนจัดการทั้งหมด คุณใหญ่ตวาดลั่น ว่าอย่าพูดชื่อธณพให้เขาได้ยินอีกเด็ดขาด

"เอ่อ...ครับ...ผมจะรีบเช็กดูครับ"

"ชั่วจริงๆ...ทำไมรอบตัวพี่มันถึงมีแต่คนชั่วๆ" คุณใหญ่ บ่นอย่างเจ็บแค้นใจ ขณะที่ชานนท์รีบโทร.ติดต่อกับคนของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องเปาให้เรียบร้อย...

ยุทธได้รับการติดต่อจากลูกพี่นอกเรือนจำอีกครั้ง เร่งให้เขากำจัดเปาให้เร็วที่สุด ยุทธรีบมาปรึกษาลุงพงศ์ว่าจะทำอย่างไรดี ไหนบอกเขาว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ให้ ลุงพงศ์อยากรู้จริงๆว่าใครสั่งฆ่าเปา

"ไม่ต้องรู้แล้ว รู้อย่างเดียวว่าตอนนี้ถ้าคุณหนูของป๋าไม่ตาย ฉันก็ตาย...เพราะฉะนั้น..." ยุทธหน้าเหี้ยมขึ้นมาทันที ส่วนลุงพงศ์สีหน้าเป็นกังวลแทนคุณหนูของตนเอง

ooooooo

แป้งร่ำนอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน ฝันร้ายว่าเปาโดนฆ่าตาย คาดไม่ถึงเลยว่าพอตื่นเช้าขึ้นมาฝันร้ายเมื่อคืนจะกลายเป็นความจริง ทางเรือนจำโทร.มาแจ้งข่าวร้ายว่าเปาตายแล้ว แป้งร่ำช็อก กรีดร้องลั่นบ้านว่าไม่จริง ปล่อยโทรศัพท์หลุดจากมือร้องไห้โฮ คุณระเบียบตกใจ ปราดเข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไร

"เปายังไม่ตาย...เปาต้องไม่ตาย"

แป้งร่ำพูดได้แค่นั้น ก็ทรุดฮวบเป็นลม ชานนท์รีบเข้ามารับเธอไว้ได้ทัน มองหน้าผู้หญิงที่เขาหลงรักแล้วรู้สึกผิด แต่เพื่อให้ได้ครอบครองตัวเธอ เขายอมทำทุกอย่างแม้แต่เรื่องเลวๆ...

ข่าวการตายของเปารู้กันทั่วทั้งบ้านรัตตภาคย์ อามุ่ยแทบคลั่งจะตามไปเล่นงานคุณใหญ่ ระบบกับระบือต้องช่วยกันล็อกตัวไว้ เอื้อยกับอ้ายกอดคอกันร้องไห้ระงม เสียใจไม่แพ้อามุ่ย คุณระเบียบก็ไม่ต่างจากพวกสาวๆ เสียน้ำตาให้กับการตายของเปาเช่นกัน...ส่วนคุณหญิงยังนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล พอทราบข่าวจากคุณเล็กว่าเปาตายแล้ว สองพี่น้องโผกอดกันร้องไห้...

ด้านแป้งร่ำร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ชานนท์จะเช็ดน้ำตาให้แต่เธอเบือนหน้าหนี ตัดสินใจลุกพรวดพราดตรงไปยังห้องทำงานคุณใหญ่ เปิดประตูผลัวะเข้าไปหน้าเครียด

คุณใหญ่เหลือบมองแล้วก้มหน้าทำงานต่อ  ตำหนิเธอว่าจะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน แป้งร่ำเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ต่อว่าเขาว่าทำไมต้องส่งเปาไปตาย เปาต้องตายเพราะถูกส่งไปเข้าคุก คุณใหญ่ไม่พอใจ ลุกขึ้นจ้องหน้าแป้งร่ำเขม็ง

"ใครกันแน่...ที่ทำให้มันต้องตาย"

"คุณใหญ่หมายความว่าอย่างไรคะ"

"ก็หมายความอย่างที่ฉันพูด...ไปคิดดูดีๆว่าใครกันแน่...

ที่เป็นต้นเหตุให้มันต้องตาย...ออกไปได้แล้ว"

แป้งร่ำกลับออกไปอย่างงงๆชานนท์ซึ่งแอบฟังอยู่หน้าประตูห้องทำงานรีบหลบ แป้งร่ำวิ่งผ่านเขาไปโดยไม่ทันเห็น ตรงขึ้นห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงหยิบผ้าพันคอที่เปาถักให้มากอด

"เปา...ไหนเธอสัญญาว่าเราจะไปด้วยกัน...เธอทิ้งฉันทำไม...เธอทิ้งฉันไปอีกแล้วหรือเปา" แป้งร่ำร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร

ooooooo