หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

มนต์รักลูกทุ่ง ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

แว่นใจหายถึงกับร่ำไห้เมื่อคล้าวมาส่งข่าวว่าก้อนและทับทิมพาลูกหลานไปกรุงเทพฯแล้วเมื่อเช้านี้

"บุปผาไม่ได้ฝากบอกอะไรมาถึงข้าเลยจริงๆเหรอคล้าว"

"ไม่เห็นบอกอะไร"

"เอ็งอย่าไปแกล้งทำร้ายจิตใจไอ้แว่นมันสิวะคล้าว สงสารมัน"

"ใช่...บอกมันไปตามตรงเหอะว่าบุปผาฝากมาบอกมันว่าชาตินี้ไม่ต้องเจอกันอีก ได้ไปกรุงเทพฯทั้งทีไปหาผัวเป็นคนกรุงเทพฯดีกว่า"

ฟังคำของตี๋กับไข่แล้ว แว่นยิ่งปล่อยโฮหนักขึ้นไปอีก จนหมู่น้อยต้องออกโรงปรามทั้งคู่

"พวกเอ็งจะพูดให้แว่นมันใจเสียทำไมวะ แทนที่จะให้กำลังใจมัน แว่นเอ๊ย ใดๆในโลกล้วนเป็นอนิจจัง เอ็งทำใจซะเถอะ ยอมรับความจริงให้ได้นะเพื่อนนะ"

"ไอ้บ้า...นึกว่าจะให้กำลังใจกัน" แว่นโวยวายไล่เตะหมู่น้อย ตี๋ และไข่กระเจิงไปคนละทาง

"เอ็งอย่าคิดมากไปเลยวะแว่น แทนที่เอ็งจะมัวมาตีอกชกหัวอยู่อย่างนี้ ทำไมเอ็งไม่เอาเวลาไปตั้งอกตั้งใจทำงานหาเงินเก็บเงินเข้าล่ะ บุปผากลับมาเอ็งจะได้มีเงินพอเป็นค่าสินสอด" คล้าวเตือนสติ

"น้องบุปผาของข้าสวยระดับนางงาม ถ้าเกิดมันมีไอ้หนุ่มกรุงเทพฯมาจีบจริงๆ น้องบุปผาของข้ามิลืมข้าเหรอวะ ไอ้คล้าว"

"เอ็งต้องเชื่อมั่นในความรักที่เอ็งมีสิแว่น เหมือนอย่างที่ข้ามีต่อทองกวาวไง ขืนเอ็งคิดเล็กคิดน้อยอย่างนี้ต่อให้เทวดาก็ช่วยเอ็งไม่ได้หรอก"

"ขอบใจโว้ยคล้าวที่ช่วยเตือนสติข้า ข้าจะเป็นไอ้แว่นคนใหม่ จะขยันทำงานเก็บเงินเพื่อน้องบุปผา...เอ้าเฮ้ย พวกเอ็งยืนเฉยกันอยู่นั่นแหละ กวาดเช็ดถูทำความสะอาดร้านกันเข้าสิวะ ผ้าคลุมตัดผมไม่ได้ซักมาสองเดือนแล้วโว้ย ไอ้ตี๋เอ็งเอามีดโกนนี่ไปลับให้มันคมหน่อย ไอ้ไข่เอ็งกวาดหยากไย่บนเพดานด้วยโว้ย ไอ้น้อยเอ็งยืนเฉยทำไมวะ"

ทุกคนที่ถูกเอ่ยชื่อต่างกระตือรือร้นช่วยแว่นทำมาหากินกันยกใหญ่

ooooooo

เสร็จธุระจากร้านตัดผมของแว่นแล้ว คล้าวนำปลาไปขายที่ตลาด วันนี้ตลาดคึกคักไปด้วยผู้คน ปลาของคล้าวจึงขายดีเป็นพิเศษ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสาวๆทั้งนั้นที่มารุมซื้อ สายใจที่นั่งอยู่แผงติดกันจึงไม่ค่อยสบอารมณ์ มองพวกหล่อนตาขวาง ก่อนจะประชดประชันคล้าวขณะนับเงินหลังจากหมดลูกค้าแล้ว

"หมั่นไส้ ขายของหมดวันนี้คงจะซื้อทองได้ซักสิบบาทละมั้ง"

"สมพรปากเถอะสายใจ พี่จะได้มีทองไปหมั้นทองกวาวเยอะๆ"

"พี่คล้าว...เขาประชดประชันเอายังไม่รู้ตัวอีก ถ้าตาก้อนยายทับทิมเขาอยากจะยกลูกสาวให้จริงๆ ทำไมเขาต้องพามันไปกรุงเทพฯด้วยล่ะ"

"ถ้าสายใจจะคุยเรื่องนี้ พี่ไม่คุยด้วยหรอกนะ"

"คอยดูเถอะ อีกหน่อยพอมันเห็นแสงสีกรุงเทพฯ นังทองกวาวมันก็ใจแตกจนลืมกลิ่นโคลนสาปควาย แล้ววันนั้นพี่คล้าวก็จะรู้เองว่า ไอ้คำสัญญาสาบานกับผู้หญิงอย่างมัน มันก็เป็นแค่ลมปากพล่อยๆเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย"

"ถ้าสายใจยังไม่หยุดพูด พี่จะไปขายที่อื่นละนะ"

"พี่คล้าวไม่รู้จักอยู่กับความจริงก็เหมือนคนตาบอดน่ะแหละ คนที่เขารักแล้วก็จริงใจกับตัวเองนั่งทนโท่อยู่ตรงนี้ทั้งคนกลับมองไม่เห็น ก็เชิญฝันลมๆแล้งๆต่อไปก็แล้วกัน"

สายใจค้อนขวับเมินหน้าหนี แต่พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าคล้าวหอบกะละมังออกไปไกลแล้ว สายใจถึงกับกรี๊ดกระจายจนผู้คนแตกตื่น

ooooooo

กว่าคณะของก้อนจะเดินทางถึงบ้านคุณนายทองคำที่กรุงเทพฯก็เย็นโข ทองคำดีใจมากที่ได้เจอครอบครัวของหลานชาย ต่างคนต่างทักทายแนะนำตัวกันวุ่นวายไปหมดด้วยความตื่นเต้น เสร็จแล้วทองคำก็ถามก้อนว่าจะมาอยู่กันซักกี่วัน

"ฉันน่ะคงมาเปิดหูเปิดตาดูกรุงเทพฯแค่สองสามวันเท่านั้นแหละจ้ะป้าทองคำ อยู่นานก็เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ"

"เอ็งมันก็ขี้เหนียวเหมือนเดิมนะไอ้ก้อน เงินทองน่ะมันมีเอาไว้ใช้ ไม่ใช่มีไว้ให้มันใช้เรา แล้วก็มีไว้ไม่ใช่อวดใคร แต่ต้องรู้จักใช้ให้มันเป็น"

"จ้ะๆ แต่ทองกวาวกับบุปผาน่ะ ฉันตั้งใจพามันมาอยู่กับป้าทองคำซักพัก เพราะอยากให้มันสองคนมาเรียนตัดเสื้อจ้ะ"

"ดีๆ เหมาะเลย ถึงเกิดมาเป็นลูกผู้หญิง ยังไงมันก็ต้องขวนขวายหาวิชาความรู้ใส่ตัว จะได้พึ่งพาตัวเองได้นะลูกนะ"

"จ้ะย่า" สองสาวขานรับพร้อมกัน

"ย่ารู้จักกับเจ้าของโรงเรียนสอนตัดเสื้อเขาดี ตัดเสื้อผ้ากันเป็นประจำ แล้วย่าจะพาไปฝากให้ ไม่มีปัญหา"

"แล้วฉันจะเรียนอะไรดีล่ะพ่อ ฉันอยากอยู่เป็นคนกรุงเทพฯอย่างพี่ทองกวาว พี่บุปผาน่ะ"

"เอ็งน่ะเหรอไอ้เพชร เอ็งกลับไปตั้งใจเรียนให้จบประถมสี่ซะก่อนแล้วค่อยว่ากัน"

เพชรคอตกเซ็งสุดๆ จากนั้นทองคำก็ให้บุปผากับทองกวาวเอาสัมภาระไปเก็บในห้องพัก บุปผาถูกใจมากๆกับเตียงนอนนุ่มๆ ถึงกับลงไปเกลือกกลิ้ง แต่ทองกวาวกลับยืนเฉย มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย

"มาเร็วเข้าทองกวาว เตียงนี่นุ้มนุ่ม...เอ้า มัวทำอะไรอยู่น่ะทองกวาว"

"คิดถึงบ้านเราเหมือนกันนะบุปผา ป่านนี้พี่คล้าวจะทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้"

"จะทำอะไร้ ก็คงอยู่ที่นา หรือไม่งั้นก็ขายปลาที่ตลาด สวนพี่แว่นของบุปผาถ้าไม่ตัดผมให้ลูกค้าอยู่ ก็คงซ้อมดนตรี"

"อีกตั้งนานกว่าเราจะเรียนตัดเสื้อจบ"

"ทองกวาว...ความจริงกรุงเทพฯก็มีอะไรดีๆตั้งเยอะ เราคงไม่เบื่อง่ายๆหรอก ไหนๆก็ได้เข้ามาแล้ว เราน่าจะสนุกให้เต็มที่ไม่ใช่เหรอ"

"แล้วบุปผาไม่คิดถึงพี่แว่นรึไง"

"ก็คิดถึงนิดหน่อย"

"แล้วถ้าพี่แว่นเกิดมีแฟนใหม่ขึ้นมาล่ะ"

"ไม่ยากหรอกทองกวาว มันก็แค่แหลกกันไปข้างนึงเท่านั้นแหละ อุ๊ยๆ หลังบ้านมีคลองด้วย มาดูเร็วทองกวาว" บุปผาลุกขึ้นไปชะเง้อมอง

"ตื่นเต้นไปได้ ทำยังกะไม่เคยเห็นคลอง"

"ทำไมจะไม่ให้ตื่นเต้นล่ะ ทองกวาวคิดดู ไม่แน่นะวันดีคืนดีพี่คล้าวพี่แว่นอาจจะพายเรือมาโผล่หลังบ้านนี่ก็ได้"

"พูดเป็นยี่เกไปได้บุปผา หนองทรายขาวกับกรุงเทพฯ มันไกลกันมากนะ"

"ต่อให้ไกลแค่ไหนก็ต้องพ่ายหัวใจรักนะทองกวาว อยากรู้จริงๆว่าถ้าเกิดพี่คล้าวพายเรือมาโผล่ที่นี่จริงๆ คนบางคนจะดีใจจนร้องไห้ขี้มูกโป่งรึเปล่า"

ทองกวาวยิ้มเขินๆ ตีแขนบุปผาที่ชอบแซวอยู่เรื่อย

ooooooo

ก้อนกับทับทิมยังนั่งเอี้ยมเฟี้ยมอยู่ต่อหน้าทองคำ ทำอึกๆอักๆกระมิดกระเมี้ยนเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดให้ชัดเจนซักที จนทองคำชักจะรำคาญ

"มัวแต่คือๆอยู่นั่นละ จะว่าอะไรก็ว่าไปสิยะ"

"ป้าทองคำรู้จักคนเยอะใช่ไหมจ๊ะ ฉันหมายถึง...คือ...คือหมายถึง"

"เอาไว้ปีหน้านึกได้ค่อยมาคุยกันต่อดีกว่ามั้งแม่ทับทิม"

ทับทิมหน้าเจื่อนรีบสะกิดก้อนให้ช่วยพูด

"แม่ทับทิมเขาหมายถึงผู้ชายดีๆ ฐานะมั่นคง เป็นหลักเป็นฐานน่ะจ้ะป้าทองคำ"

"อ้อ ที่ถามนี่เตรียมหาผัวให้ลูกให้หลานงั้นสิ"

"แหม จะให้พูดตรงๆก็ใช่จ้ะ ทองกวาวกับบุปผาปีนี้มันก็เป็นสาวสะพรั่งกันแล้ว ฉันเป็นพ่อก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้ พวกยุงเหลือบไรมันจะมาตอมให้หมองศรีซะเปล่าๆ ถ้ามันได้กับคนดีๆสมหน้าสมตา ถึงจะตายฉันก็คงตายตาหลับจ้ะ"

"เอ็งสองคนไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนั้นน่ะข้าจะช่วยดูให้เอง ขอให้มันตั้งอกตั้งใจเรียนให้ดี ทำตัวให้งามพร้อมทั้งนอก ทั้งใน คนดีๆอย่างที่เอ็งว่าก็ไม่หนีไปไหนหรอก"

"ป้าทองคำรับปากยังงี้ฉันก็วางใจ ฝากดูๆมันให้ด้วยนะจ๊ะ"

"ข้าอยากรู้อย่างเดียว ทองกวาวกับบุปผามันมีคนรักของมันอยู่แล้วรึยัง"

สองผัวเมียสะดุ้งเฮือก แล้วช่วยกันปฏิเสธพัลวัน ยืนยันและสาบานว่าไม่มีจริงๆ

"แน่เหรอ ข้าไม่อยากได้ชื่อว่าไปพรากของรักมาจากใครนะโว้ย มันเป็นบาป"

"แน่จ้ะ ป้าทองคำ"

"ไม่บาปหรอกจ้ะ ได้บุญต่างหาก"

"แล้วค่อยว่ากัน เรื่องพรรค์นี้มันก็ต้องแล้วแต่เด็กๆมันด้วย จะไปขู่เข็ญจิตใจมันได้ยังไง จะปลูกเรือนมันต้องตามใจผู้อยู่ จะปลูกอู่มันก็ต้องตามใจผู้นอน"

ฟังคำของป้าแล้ว สองผัวเมียหันมายิ้มให้กันอย่างปลอดโปร่งโล่งใจ

ooooooo

สายใจซึ่งรักคล้าวเต็มหัวใจคิดจะฉวยโอกาสตอนทองกวาวไม่อยู่รวบหัวรวบหางคล้าวให้จงได้ ตกเย็นวันนี้เองสายใจย่องเข้ามาหาคล้าวขณะอาบน้ำ ทำนัวเนียจะถูสบู่ที่แผ่นหลังให้ แต่คล้าวผลักไสไม่ยอม กลัวใครมาเห็นเข้าสายใจจะเสียหาย

"เสียก็เสียสิ สายใจไม่เห็นกลัวเลย ในเมื่อสายใจเต็มใจจะเสียอยู่แล้ว"

คล้าวสีหน้าเอือมเต็มที ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของสายใจ

"อย่าทำอย่างนี้ พี่ไม่ชอบ"

"พี่คล้าวรังเกียจสายใจขนาดนี้เลยเหรอ"

"เกิดเป็นลูกผู้หญิงยังไงก็ต้องรักศักดิ์ศรีตัวเองให้มากๆนะสายใจ"

"นังทองกวาวมันก็ไม่อยู่แล้ว พี่อย่ามาทำเป็นคนดีหน่อยเลย"

"ไม่ว่าทองกวาวจะอยู่หรือไม่อยู่พี่ก็ทรยศหักหลังคนที่พี่รักไม่ได้หรอก"


"ทำเป็นบูชาความรัก อยากจะหัวร่อให้ฟันร่วง แล้วพี่คิดเหรอว่าลับหลังพี่คนอย่างนังทองกวาวมันจะซื่อสัตย์ต่อพี่ อีกหน่อยนะมันหลงแสงสีเมืองกรุงมันก็ใจแตก เผลอๆก็ยอมให้ ผู้ชายเป็นสิบเป็นร้อยกอดมัน จูบมันง่ายๆอยู่ดี"

"หยุดพูดถึงทองกวาวอย่างนี้ซะทีสายใจ ทองกวาวไม่ใช่คนจิตใจสกปรกอย่างที่เอ็งคิด"

พูดจบคล้าวก็คว้าผ้าขาวม้าและขันน้ำกลับออกไปทันที ทิ้งสายใจยืนฮึดฮัดฮึ่มฮั่มด่าอย่างขัดใจ เจ็บใจ

"พี่คล้าวโง่ เกิดมาไม่เคยเห็นใครโง่อย่างนี้เลย"

ooooooo

เวลาเดียวกันนั้น จอมกับเจิดแวะมาที่บ้านก้อนโดยไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านหอบลูกหลานไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว พอสองพ่อลูกรู้รายละเอียดจากหมึกที่อยู่เฝ้าบ้านคนเดียวก็ขุ่นเคืองใจอย่างมาก   ผลไม้

อย่างดีที่ตั้งใจเอามาฝากก็ไม่ทิ้งเอาไว้ หมึกที่คาดหวังว่าจะมีบุญได้กินของดีๆแพงๆกับเขาบ้างก็เลยอด

กลับถึงบ้าน จอมยังอารมณ์เสียไม่หาย แต่เจิดเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ยังมีหน้าพูดเรื่อยเจื้อยอย่างไม่มีความคิด

"วันหลังเราค่อยเอาแอปเปิ้ลเหี่ยวๆนี่ไปให้ก็ได้นะพ่อนะ คงยังไม่ทันเน่าหรอก ไอ้คนพวกนี้เห็นของแพงๆ ขี้คร้านจะเอาไว้บูชาด้วยซ้ำ มันไม่กล้ากินหรอก"

จอมระงับอารมณ์ไม่อยู่ เตะลูกชายด้วยความหมั่นไส้

"โอ๊ย...พ่อมาเตะฉันทำไม" เจิดร้องลั่น

"เอ็งนี่มันตัวโตซะเปล่า แต่ไม่มีสมอง เอ็งดูไม่ออกเหรอว่าไอ้ก้อนนังทับทิมมันหอบเอาลูกสาวมันไปกรุงเทพฯทำไม"

"ก็ไปเรียนตัดเสื้อไงจ๊ะ"

"ไอ้บ้า...มันหนีเอ็งต่างหาก มันคงเอือมระอาเอ็งเต็มทน"

"พ่อก็พูดเกินไป มันอาจจะพาหนีไอ้คล้าวก็ได้"

"ถ้ามันเต็มใจจะยกลูกสาวมันให้เอ็ง ทำไมมันถึงไปกรุงเทพฯ ไม่บอกไม่กล่าวกันซักคำ"

"เออ จริงๆด้วยนะพ่อ ทำยังงี้มันหยามกันชัดๆ" เจิดเพิ่งเข้าใจ โกรธขึงขังขึ้นมาทันที

ooooooo

ค่ำแล้ว คล้าวนั่งกอดเข่าอยู่นอกชาน  สีหน้าบ่งบอกว่าไม่สบายใจ หลังเล่าให้แม่ฟังว่าเมื่อเย็นสายใจพูดถึงทองกวาวในทางไม่ดี  แม้ปากคล้าวจะเชื่อมั่นทองกวาว  แต่ลึกๆในใจก็อดคิดมากไม่ได้เหมือนกัน

"สายใจมันเป็นคนปากไว อารมณ์ร้อน เอ็งอย่าไปถือสาคำพูดมันเลยคล้าวเอ๊ย" คอนปลอบลูก

"หนูก็พยายามคิดอย่างนั้นเหมือนกันจ้ะแม่"

"แต่หน้าตาเอ็งมันไม่สบายเอาซะเลยนะคล้าว"

"ก็ทองกวาวไม่ได้ไปแค่วันสองวันนี่จ๊ะแม่"

"เอ็งสัญญาสาบานกันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วไม่ใช่เหรอลูก แล้วจะต้องไปกลัวอะไรอีก คำคนมันก็ไม่สำคัญเท่าใจของเราเองนะลูก"

"จ้ะแม่ ต่อให้ใครจะพูดยังไง หนูก็จะไม่ใส่ใจหนูจะมั่นคงอดทนรอทองกวาวคนเดียวจ้ะ"

ในขณะเดียวกัน ทองกวาวที่คิดถึงคล้าวทุกลมหายใจ เธอกำลังสวดมนต์อธิษฐานถึงคล้าว ขอให้พี่คล้าวของเธอมีกำลังใจที่จะรอเธอกลับไป บุปผาเห็นเข้าก็เอาอย่าง กุลีกุจอลุกขึ้นนั่งสวดมนต์ส่งกำลังใจไปให้พี่แว่นของเธอบ้าง

ooooooo

หลังจากนอนพักรักษาตัวมาสองวันแล้ว เช้าวันนี้ เชนตั้งใจออกไปทำงานตามปกติ พอเชนเข้ามากินข้าวเช้าก่อนจะออกไปทำงาน ก็เจอมิ่งพูดจาแดกดันรังเกียจอีกเหมือนเคย ไม่ว่าเชนจะเจียมตัวแค่ไหน มิ่งก็ไม่เคยพูดดีกับเชนแม้แต่ครั้งเดียว

ดวงใจเบื่อหน่ายพ่อแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะพอเธอปรามหรือเตือนเมื่อไหร่ พ่อเป็นได้โวยวายด่าทอหาว่าเธอเห็นคนอื่นดีกว่าพ่อตัวเองทุกที

เช้าวันเดียวกัน ทองคำกำลังจะพาครอบครัวก้อนไปเดินเล่นซื้อข้าวของในห้างสรรพสินค้า  ก้อนกับเพชรเห่อสุดๆ  แต่งองค์ทรงเครื่องกันชุดใหญ่เพื่อให้กลืนไปกับชาวกรุงเทพฯ ส่วนทับทิมก็ประโคมทองหยองเต็มตัวราวกับตู้ทองเคลื่อนที่

พอไปถึงห้าง ทองกวาวกับบุปผาเห็นข้าวของก็นึกถึงคนรักของตน ทั้งคู่ตรงรี่เข้าไปยังแผนกของใช้สำหรับผู้ชาย ทองกวาวเลือกมีดโกนหนวด ขณะที่บุปผาเอาน้ำหอม ก้อนนึกว่าลูกกับหลานจะซื้อของพวกนี้ให้ตัวเองก็ยิ้มเป็นปลื้มชื่นชม แต่พอสองสาวจาระไนชัดแจ๋ว ก้อนถึงชะงักแล้วโกรธปรี๊ด

"มันจะมากไปแล้ว..."

"พี่ก้อนใจเย็นๆ คนเขามองกันใหญ่แล้ว แค่ฝากของไปให้พ่อคล้าวพ่อแว่น มันจะมีปัญหาอะไร ไม่มีปัญหาหรอก"

ทับทิมไม่พูดเปล่า แอบขยิบตาส่งสัญญาณให้ก้อนด้วย ก้อนเลยจำใจต้องเออออเพราะกลัวเสียแผนที่สู้อุตส่าห์ หลอกสองสาวมาอยู่กรุงเทพฯจนได้

คล้าวอยากรู้ข่าวคราวของทองกวาวจึงแวะเข้ามาที่บ้านหมายจะเจอก้อนและทับทิม แต่ต้องผิดหวังเมื่อหมึกบอกว่าลุงกับป้ายังไม่กลับมาเลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับวันไหน...

จอมพาสมุนไปทวงหนี้มิ่งถึงบ้าน แต่บ้านเงียบเชียบเหมือนไม่มีใครอยู่ จึงเดินไปถึงตีนบันได แล้วจอมก็เห็นดวงใจอาบน้ำอยู่หลังบ้าน จอมยิ้มกริ่มเดินตรงดิ่งไปหา ตั้งใจจะหาเศษหาเลยกับดวงใจ แต่ถูกเชนเข้ามาขัดขวาง จอมเลยไม่กล้า ได้แต่หงุดหงิดกลับไป

ทางด้านก้อนและทับทิมที่กรุงเทพฯ หลังจากเมื่อวานไปเที่ยวห้างสรรพสินค้ากันมาจนหนำใจ เช้าวันนี้ทั้งคู่ก็เตรียมตัวกลับหนองทรายขาวพร้อมลูกชายคนเล็ก ทองคำเรียกแท็กซี่มารอรับถึงหน้าบ้าน และปล่อยให้พ่อแม่ลูกได้ร่ำลากันตามสะดวก

"แม่ไปก่อนนะทองกวาว ตั้งอกตั้งใจเรียนนะลูก ย่าเขาสั่งสอนอะไรก็ต้องเชื่อฟัง เขาจะได้เมตตา"

"จ้ะแม่"

"ย่าเขาสมบัติเยอะเอ็งก็เห็น ทำตัวดีๆเผื่อเขาจะยกอะไรให้มั่ง อย่างน้อยก็จะได้ช่วยหาผู้ชายดีๆมาเป็นเขยซักคน" ก้อนพูดไปอย่างลืมตัว ทับทิมตกใจรีบถลึงตาใส่ ก้อนจึงกลับคำทันทีว่า "พ่อล้อเล่น พ่อรู้ว่ายังไงเอ็งก็มีใจให้คล้าวมัน คนเดียว คล้าวมันเป็นคนดีจะตาย พ่อน่ะรักมันยังกะเป็นลูกชายคนนึงเหมือนกัน"

"กลับไปถึงบ้าน พ่ออย่าลืมเอาของฝากให้พี่คล้าว ด้วยนะจ๊ะ"

"เออน่า ไม่ลืมหรอก ตั้งอกตั้งใจเรียนนะลูก จะได้กลับไปแต่งงานกับคล้าวมัน"

"จ้ะพ่อ" ทองกวาวแย้มยิ้มมีความสุข หารู้ไม่ว่าถูกพ่อแม่หลอกเข้าเต็มเปา

ooooooo

สายใจยังไม่ละความพยายามที่จะเอาชนะใจคล้าวให้ได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน คล้าวก็ไม่เล่นด้วยทั้งนั้น ซ้ำยังแสดงท่าทีรังเกียจเมื่อสายใจหลอกล่อถึงเนื้อถึงตัว ช่างไม่รักศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงบ้างเลย

ฝ่ายจอมที่เมื่อวานหงุดหงิดผิดหวังไม่ได้แอ้มดวงใจ พอวันนี้มาเจอมิ่งในบ่อน และมิ่งต้องการยืมเงินไปต่อทุนสามร้อยบาท จอมใจปํ้าจะให้ตั้งห้าร้อย แต่มีข้อแม้ว่าต้องแลกกับลูกสาวคนเล็กของมิ่งที่สวยสะพรั่งบาดใจจอมเสียจริง

ก้อน ทับทิม และเพชรกลับถึงบ้านในตอนเย็น หมึกเห็นเพชรใส่ชุดใหม่หล่อมากก็อยากได้บ้าง ถามหาของฝากจากก้อนและทับทิม สองผัวเมียขี้งกมีหรือจะซื้อมาฝาก บอกให้หมึกรอรับช่วงต่อจากเพชรตอนมันเบื่อก็แล้วกัน

จากนั้นสองผัวเมียก็ซักไซ้หมึกว่าระหว่างที่พวกตนไม่อยู่มีใครมาหาบ้าง หมึกจาระไนว่าเมื่อวานซืนพ่อจอมกับพี่เจิดมา ส่วนเมื่อวานไอ้คล้าวก็มา มันมาถามว่าลุงกับป้าจะกลับวันไหน เพชรจึงเดาเรื่อยเปื่อยว่าคล้าวคงจะมาทวงของฝาก

"ฝันไปเหอะ ถึงมีข้าก็ไม่ให้โว้ย ของนังทองกวาวฝากมาให้มัน ข้าก็จะเก็บไว้ใช้เอง ไอ้บ้านนอกอย่างมันได้ของดีๆจากกรุงเทพฯ มันก็เหมือนคางคกได้ขึ้นวอน่ะแหละ จริงไหมแม่ทับทิม"

ทับทิมพยักพเยิด แล้วก็หัวเราะไปด้วยกันกับผัวอย่างครื้นเครง ส่วนทองกวาวกับบุปผาที่กรุงเทพฯ สองสาวฝันหวานว่าป่านนี้คล้าวกับแว่นคงได้รับของฝากเรียบร้อยแล้ว และคงจะกำลังปลื้มแสนปลื้มอยู่แน่ๆ

พอจะเข้านอน สองสาวได้ยินเสียงกุกกักดังข้างล่าง แน่ใจว่าต้องเป็นขโมย เพราะเคยได้ยินว่ากรุงเทพฯขโมยชุมยิ่งกว่ายุง สองสาวตัดสินใจคว้าไม้เหมาะมือลงมาที่ครัว แล้วก็พบชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เย็น

เสียงสองสาวทุบตีขโมยดังลั่นบ้านจนทองคำตกใจรีบลงมาดู ปรากฏว่าชายหนุ่มไม่ใช่ขโมย แต่เป็นหลานชายของทองคำนั่นเอง แต่กว่าจะรู้สองสาวก็เล่นงานเขาซะจนหัวโน ทองคำเลยต้องไปหายามาทาให้หลานชาย

"โอ้ย...คุณป้า เบาๆสิครับ ผมเจ็บ"

"สมน้ำหน้า กลางค่ำกลางคืนใครใช้ให้เข้ามาเงียบๆ นี่ยังดีนะแค่หัวโน"

"ผมก็เข้าออกบ้านคุณป้าเป็นประจำนี่ครับ ใครจะไปรู้ว่าคุณป้าให้เด็กรับใช้มานอนเรือนหลังนี้ด้วย"

"เด็กรับใช้ที่ไหนกัน นี่ทองกวาวกับบุปผาหลานแท้ๆของฉัน มาจากต่างจังหวัดได้หลายวันแล้ว"

"หลานคุณป้า"

"ย่ะ ทองกวาว บุปผา ไหว้พี่เขาซะ นี่พ่อธรรมรักษ์"

สองสาวยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มแหยๆ ธรรมรักษ์ รับไหว้ ตะลึงมองทองกวาวอย่างพอใจในความสวย

"พ่อธรรมรักษ์เขาเป็นหลานชายสามีย่า ไปมาหาสู่กันประจำ แต่พักหลังนี่หายหัวไปนาน จนนึกว่าล้มหายตายจากไปแล้ว"

"แหม คุณป้าครับ ผมก็มีงานทำของผมนะครับ แค่ไม่ได้มาเยี่ยมคุณป้าสองอาทิตย์ คุณป้าก็น้อยใจไปได้"

"ย่ะ แค่สองอาทิตย์ อีกหน่อยธุรกิจแกยุ่งมาก ก็ไม่ต้องมาก็ได้ ฉันมีหลานฉันอีกตั้งสองคน ไม่เหงาแล้วละย่ะ เตรียมตกกระป๋องไปได้เลย"

"โธ่ คุณป้าก็..." ธรรมรักษ์โอดครวญ แต่ถูกทองคำค้อนใส่ แล้วบอกให้สองสาวขึ้นไปนอนกันได้แล้ว แต่ก่อนจะไปสองสาวก็ไม่ลืมขอโทษธรรมรักษ์ที่พวกเธอมือหนักไปหน่อย ธรรมรักษ์ยิ้มหวานบอกไม่เป็นไร พลางก็ชะเง้อมองตามสาวๆไปอย่างสนใจ ทองคำเหล่มองรู้แกว ดักคอหลานชายให้ท่องไว้ว่านั่นนะน้องสาว อย่ามาทำก้อร่อก้อติกเชียว

ooooooo

ดึกดื่นค่อนคืนมิ่งเพิ่งจะกลับเข้าบ้าน มิ่งทั้งทุบประตูบ้านทั้งแหกปากตะโกนเรียกลูกสาวสองคน สายใจทั้งเบื่อทั้งรำคาญสั่งดวงใจไม่ให้เปิด แต่ดวงใจกลัวพ่อจะโวยวายทั้งคืน จึงลุกไปเปิดรับ ปรากฏว่ามิ่ง หัวทิ่มหัวตำเข้ามาเพราะเมาแอ๋ สายใจเห็นแล้วอดไม่ได้ อีกตามเคย ตำหนิพ่อแรงๆไปหลายคำ

มิ่งโกรธมากจะตบสายใจ แต่สายใจหลบวืด มิ่งเลยเซหัวทิ่มลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้น ดวงใจรีบตามเข้าไปประคองพ่อ

"มันน่าปล่อยให้นอนตากยุงข้างนอกซะให้เข็ด" สายใจพูดโพล่ง

"อีสายใจมันเป็นอีผีบ้ามาเกิด มันไม่ใช่ลูกพ่อ พ่อมีลูกคนเดียว ดวงใจเอ๊ย เอ็งนี่กตัญญูรู้คุณบิดรมารดา เอ็งเป็นนางฟ้ามาเกิดแท้ๆ เอ็งต้องตอบแทนพระคุณพ่อนะลูก"

มิ่งพูดพล่ามไม่ยอมหยุด ดวงใจได้แต่อือออไปตามเรื่อง...

เช้าวันรุ่งขึ้น คล้าวและเพื่อนๆเห็นเพชรใส่ชุดใหม่สุดเท่มาเดินตลาดอวดใครต่อใคร แต่คล้าวไม่ได้สนใจอื่นใด นอกจากอยากรู้ข่าวคราวของทองกวาว คล้าวถือปลาหมอติดมือไปพวงใหญ่ เอาไปฝากพ่อแม่ทองกวาวถึงบ้าน แต่ทั้งคู่ กลับทำหูหนวกตาบอดมองไม่เห็นคล้าว แถมยังพูดจาถากถางดูถูกจนคล้าวแปลกใจว่าทำไมไม่เหมือนก่อนไปกรุงเทพฯ

ส่วนที่บ้านทองคำ ธรรมรักษ์เริ่มตีสนิทกับทองกวาว โดยอาสาขับรถไปส่งทองกวาวกับบุปผาที่ต้องออกไปเรียนตัดเสื้อ ทองคำไม่ขัดข้องแต่ดักคอธรรมรักษ์ตอนที่สองสาวขึ้นไปแต่งตัวว่า

"มองอะไรนักหนายะ เดี๋ยวก็คอเคล็ดกันพอดี"

"ก็หลานสาวคุณป้าน่ารักจริงๆนี่ครับ เมื่อคืนว่าน่ารักแล้ว ตอนเช้ายิ่งน่ารักกว่าอีก"

"แกอย่ามาทำรุ่มร่ามแถวนี้นะ"

"โธ่ คุณป้าครับ หลานชายทั้งคน คุณป้าจะไม่สนับสนุนเชียวเหรอครับ"

"แกไปทำตัวแกให้มันดีๆ เป็นหลักเป็นฐานซะก่อน ไม่ใช่ลอยไปลอยมาไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างนี้ คนเขามีพ่อมีแม่ จะมาทำอะไรฉาบฉวยไม่ได้"

"หมายความว่าผมยังมีโอกาสใช่ไหมครับคุณป้า"

"ย่ะ"

ธรรมรักษ์ดี๊ด๊าหน้าบาน บีบนวดทองคำอย่างประจบ ประแจง

ooooooo

แม้เมื่อวานจะถูกพ่อแม่ของทองกวาวปั้นปึ่งหมางเมินใส่ แต่เช้าวันใหม่คล้าวก็ยังเดินหน้าจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับทองกวาวก่อนไปกรุงเทพฯ ซึ่งวันนั้นก้อนและทับทิมก็ไม่ได้ว่าอะไรซักคำ ซ้ำยังยินดีให้คล้าวไปสู่ขอทองกวาวไว้ก่อน คล้าวจึงชวนแม่ คอนไปซื้อทองมาหนึ่งสลึง เสร็จแล้วมากระจายข่าวกับเพื่อนๆว่าพรุ่งนี้ตนจะยกขันหมากไปสู่ขอทองกวาว

แว่น ตี๋ ไข่ และหมู่น้อยพากันดีใจไปกับคล้าว แล้วยังนำเงินส่วนตัวที่มีอยู่น้อยนิดสมทบให้คล้าวด้วย แต่ก็ยังน้อยเกินไปอยู่ดี เพื่อนทุกคนจึงแยกย้ายกันออกเรี่ยไรทั้งในตลาดและโรงพัก ปรากฏว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้คนที่รักและเอ็นดูคนดีๆอย่างคล้าว แม้จะคนละนิดละหน่อยแต่คล้าวก็ซึ้งน้ำใจทุกคนจนพูดไม่ออก

แต่เมื่อนำเงินมารวบรวมแล้วยกขบวนขันหมากไปสู่ขอทองกวาวในวันรุ่งขึ้น เงินจำนวนนั้นก็ยังไม่เป็นที่พอใจของก้อนและทับทิม ก้อนประกาศลั่นว่าต้องสิบหมื่นเท่านั้นตนถึงจะยกลูกสาวให้ คล้าวเสียใจมาก เพิ่งจะรู้แจ้งเห็นจริงเดี๋ยวนี้เองว่าทั้งตัวเองและทองกวาวถูกก้อนกับทับทิมหลอกลวงให้ตายใจ

ครั้นคล้าวยังดื้อดึงไม่ยอมถอย ก้อนจึงคว้าปืนไล่ยิงขบวนขันหมากซะกระเจิงไป ในที่สุดคล้าวก็ต้องไปนั่งกอดเข่าคอตกอยู่ริมหนองน้ำ พลันชายหนุ่มก็สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงหัวเราะเยาะหยันของสายใจที่แผดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

"ฮ่ะๆๆ สิบหมื่น"

คล้าวมองสายใจแวบเดียวก็ทำท่าจะลุกเดินหนีออกไปด้วยความรำคาญ

"ยอมรับความจริงซะเถอะพี่คล้าว เพราะพี่ไม่มีปัญญาหาเงินสิบหมื่นมาได้หรอก"

"ก็คอยดูเอาเหอะสายใจ"

"แต่ละวันพี่ขายผักขายปลาได้ซักกี่บาทกัน แล้วเงินตั้งสิบหมื่นพี่จะเอาปัญญาที่ไหน นอกจากไปปล้นเขาเท่านั้นแหละ"

"สายใจ เอ็งรู้เอาไว้เถอะ ความรักที่พี่มีต่อทองกวาวมันบริสุทธิ์มากกว่าที่เอ็งคิด เพราะฉะนั้นสินสอดที่พี่จะต้องหามามันก็ต้องเป็นเงินที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์เหมือนกัน เอ็งอย่าหมิ่นน้ำใจกันให้มากนักเลย"

"โธ่เอ๊ย...กว่าพี่จะหามาได้สิบหมื่น อีทองกวาวมันก็เป็นของคนอื่นไปแล้วละ อีสายใจเอาหัวเป็นประกันก็ได้ ตาก้อนยายทับทิมน่ะตั้งใจจะเก็บอีทองกวาวไว้ให้คนอื่น ไม่ใช่พี่"

"แล้วเราจะได้เห็นกัน" คล้าวตัดบท เดินจากไปทั้งที่เจ็บปวด

ด้านเจิดพอรู้ข่าวก็รีบบึ่งมาที่บ้านก้อน แล้วก็นั่งหัวเราะขำขันกับสินสอดทองหมั้นของคล้าวที่สู้อุตส่าห์หามาสู่ขอทองกวาว

"ขำมากเหรอจ๊ะพ่อเจิด มันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับอานะ" ทับทิมเอ่ยปากอย่างไม่ชอบใจนัก

"ฉันขอโทษจ้ะ ฉันจะไม่ขำแล้ว พออาก้อนเรียกมันไปสิบหมื่น มันก็หงายเก๋งเลยเหรอจ๊ะ"

"ก็เรียกมันไปยังงั้นแหละ ให้มันรู้ตัวกลับไปตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองว่าชาตินี้มันก็ไม่มีปัญญาหรอก"

"แปลว่า...เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ต้องถึงสิบหมื่นก็ได้ใช่ไหมจ๊ะ"

"ก็งั้นสิ"

"แล้วถ้าเป็นฉันมาขอ อาก้อนจะลดเหลือเท่าไหร่ล่ะจ๊ะ"

"อุ๊ย เรื่องนั้นเรื่องเล็ก เอาไว้คุยกันทีหลังก็ได้พ่อเจิด" พูดแล้วทับทิมพยายามขยิบตาให้ก้อนหาทางบ่ายเบี่ยงไปก่อน

"นั่นสิ สำหรับพ่อเจิดนี่คนกันเองอยู่แล้ว"

"พ่อ...ยังงี้ก็แปลว่าพี่เจิดจะได้เป็นผัวพี่ทองกวาวแล้วสิ ไชโย ดีใจจังเลย พี่เจิดจะได้เป็นพี่เขยฉันจริงๆแล้ว" เพชรกระโดดโลดเต้นเข้ากอดเจิดอย่างชื่นชมบูชา แต่ก้อนปรามขึ้นทันทีว่า

"เฮ้ย...ยังโว้ยไอ้เพชร ยังๆๆ"

ooooooo

ทองกวาวไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ของเธอทำให้คล้าว ทุกข์ใจและอัดอั้นตันใจมากมายขนาดไหน เธอยังวาดฝันว่าจะได้กลับไปแต่งงานกับคล้าวอย่างที่สัญญากันไว้ และเฝ้าบ่นคิดถึงเขาไม่เว้นแต่ละวัน จนวันนี้บุปผาต้องแนะนำให้เขียนจดหมายไปหา ซึ่งเธอเองก็จะเขียนถึงพี่แว่นเหมือนกัน

ขณะที่บุปผาจัดแจงลงมาหยิบกระดาษกับปากกาในห้องข้างล่าง เธอเห็นธรรมรักษ์นั่งคุยอยู่กับย่าทองคำ บุปผารีบหลบกลับขึ้นไปอย่างไม่ชอบใจ บ่นกับทองกวาวว่าเบื่อขี้หน้าคน ไม่รู้จะมาทำไมบ่อยๆ มาได้ทุกวี่ทุกวัน

"ใคร...นี่พูดถึงใครเนี่ย"

"จะใครซะอีกล่ะ ก็อีตาธรรมรักษ์น่ะสิ บุปผาไม่ชอบขี้หน้าอีตานี่เล้ย"

"มันเรื่องอะไรถึงพานไม่ชอบหน้าเขา"

"ก็อีตานี่ชอบมาทำตาเล็กตาน้อยใส่ทองกวาวน่ะสิ"

"คิดมากไปได้ เขาอาจจะเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรก็ได้"

"แล้วทำไมต้องขยันมาที่นี่ด้วย"

"เขาก็หลานย่าทองคำคนนึงนะบุปผา เขามาเยี่ยมย่าบ่อยๆน่ะดีออก"

"มาเยี่ยมย่าก็ว่าไปอย่าง บุปผากลัวว่าอีตานี่จะมาจีบทองกวาวน่ะสิ"

"บ้าจริง คิดมากไปได้ ไป...ออกไปช่วยหาน้ำหาท่าให้เขาหน่อย"

บุปผาปฏิเสธเสียงแข็ง แต่พอทองกวาวจะออกไปเองเพราะกลัวย่าเอ็ดตะโรที่พวกเราไม่มีมารยาท บุปผาก็รีบฉุดดึงทองกวาวเอาไว้

"ทองกวาวอยู่นี่แหละ บุปผาไปเองก็ได้ ขืนทองกวาวออกไปก็ต้องโดนอีตานี่ก็แทะโลมเอาทางสายตาเปล่าๆ"

"คิดมากไม่เข้าเรื่อง ยังไงเขาก็หลานย่าคนนึง จะว่าไปก็พี่น้องกับเรานะบุปผา"

"เป็นพี่น้องกับอีตานี่ ให้บุปผาเป็นญาติกับลิงซะยังจะดีกว่า" ว่าแล้วบุปผาก็สะบัดหน้าออกไป

ธรรมรักษ์ซึ่งพึงพอใจรูปร่างหน้าตาทองกวาวอยู่แล้ว พอรู้จากทองคำว่าพ่อแม่ของทองกวาวร่ำรวยมีที่นาและทรัพย์สมบัติมากมาย ชายหนุ่มก็ยิ่งอยากได้เป็นแฟน แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีบุปผาคอยเป็นก้างขวางคออยู่ และท่าทางบุปผาก็แสบไม่เบา ขนาดนำน้ำออกมาให้ธรรมรักษ์ บุปผาก็ยังกลั่นแกล้งเขาจนได้  ทำเอาทองคำถึงกับแอบหัวเราะขำๆ  ก่อนเปรยกับธรรมรักษ์ลับหลังบุปผาที่เดินกลับเข้าไปข้างในว่า

"เป็นยังไงล่ะ เห็นฤทธิ์รึยัง"

"แสบเหมือนกันนะครับคุณป้า"

"ก็เขารู้ทันว่าแกจะมาจีบเขาน่ะสิ"

"รู้อย่างนี้แล้วคุณป้าจะไม่สนับสนุนหลานชายคนนี้เหรอครับ"

"ฉันยังต้องดูความประพฤติของแกอีกนาน"

"โธ่...คุณป้า" ธรรมรักษ์ตีหน้าเศร้าขอความเห็นใจ

ooooooo

ที่บ้านคล้าว แว่นตั้งใจมาชวนคล้าวไปเล่นดนตรีงานบวช แต่ยามนี้คล้าวทุกข์ใจจนไม่มีกะจิตกะใจจะร้องรำทำเพลงอย่างคนมีความสุขได้เลย จึงปฏิเสธแว่นไปว่า

"ขอบใจนะแว่นที่เอ็งอุตส่าห์มาชวนข้า แต่พวกเอ็งไปกันเหอะ ข้าไม่ได้ซ้อมเลย จะพาพวกเอ็งเสียเปล่าๆ"

"มันจะเสียได้ยังไงวะ ดนตรีน่ะมันอยู่ในเลือดพวกเราอยู่แล้ว อีกอย่างงานนี้ก็งานบวชเล็กๆ คนกันเองทั้งนั้น เล่นเอามันเฉยๆ"

"อย่าเลยวะแว่น ข้าไปก็เท่ากับทำให้ตัวหารพวกเอ็งเพิ่มขึ้นมาเปล่าๆ แทนที่พวกเอ็งจะได้ค่าจ้างเป็นกอบเป็นกำ"

"เอ็งคิดอะไรมากวะเนี่ย"

"ไปเหอะคล้าวเอ๊ย ไปช่วยแว่นมัน คิดซะว่าไปช่วยงานบุญเขาด้วย" แม่คอนช่วยคะยั้นคะยอแต่คล้าวก็ยังลังเลอยู่ดี

"เอ้า...ข้าบอกเอ็งตามตรงก็ได้ ที่ข้ามาชวนเอ็งเนี่ย เอ็งจะได้มีเงินเก็บเร็วๆ สิบหมื่นมันไม่ใช่น้อยๆก็จริง แต่มันก็ไม่เกินกำลังคนมุ่งมั่นอย่างเอ็งหรอก จริงไหมวะคล้าว พวกข้ายังเป็นกำลังใจให้เอ็งอยู่ เอ็งต้องไม่ท้อนะโว้ยเพื่อน"

คล้าวยิ้มออก ตบไหล่แว่นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนที่ไม่เคยเหือดแห้ง

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น