หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

มนต์รักลูกทุ่ง ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

หายไปทั้งวัน กลับมาอีกทีในสภาพป้อแป้กว่าเก่า แถมเนื้อตัวยังมอมแมมเลอะเทอะไปด้วยโคลน ก้อนเลยโดนทับทิมบ่นจนหูชา

"หายไปจนเย็น ไหนบอกว่าจะไปลากลูกกลับบ้าน แล้วทำไมถึงไปช่วยเขาทำนาได้"

"ก็ไอ้บ้าคล้าวน่ะสิ มันบังคับฉัน"

"แล้วพ่อไปยอมมันทำไม" เพชรสอดขึ้นมา

"ก็พวกมันเยอะนี่หว่า ใครจะไปกล้า"

"ลุงพูดยังกะใครเขาเอาปืนมาจี้ลุงเอาไว้งั้นแหละ"

"ก็ถ้าเกิดมันรุมกระทืบข้าขึ้นมาจะทำยังไงวะนังบุปผา"

"ไม่มีใครเขาคิดจะทำยังงั้นหรอกจ้ะพ่อ พ่อน่ะคิดมาก"

"แล้วไอ้คล้าวมันเอาเงินไปจ้างใครต่อใครเขามาทำงานให้มันรึไงพี่"

"จนอย่างมันจะมีปัญญาที่ไหนล่ะแม่ ฉันว่ามันต้องใช้

ความเป็นนักเลงของมันน่ะแหละ บังคับใครต่อใครมา" เพชรอวดรู้ แต่ทับทิมยังเออออตาม "แม่ก็ว่ายังงั้นแหละ"

"แม่...ทุกคนเขามาช่วยพี่คล้าวด้วยความเต็มใจจ้ะ และพี่คล้าวเป็นคนดีมีน้ำใจต่อคนอื่น เวลาลำบากใครๆเขาก็อยากช่วยกันทั้งนั้น"

"หุบปากซะทีโว้ย ข้าเบื่อจะฟัง ไอ้หมึก...มึงเป็นอะไรของมึง สันนิบาตลูกนกรึไง"

"เพลงมันยังก้องอยู่ในหูฉันอยู่เลยจ้ะลุง สนุ้กสนุก ทำนาครั้งไหนไม่เคยสนุกเท่าวันนี้เลย"

"ไอ้บ้า...ข้าบอกให้หุบปาก แล้วก็หยุดเต้นด้วย"

หมึกจำใจยืนตัวแข็ง ทองกวาวกับบุปผาเห็นแล้วขำคิกคัก

"เอ็งสองคนไม่ต้องมาทำหน้าระรื่น วันนี้มันลูกฟลุกหรอกโว้ย ใครต่อใครเขาถึงได้แห่มาช่วยมัน ความดีมันกินเข้าไปได้ที่ไหน จนอย่างมันซักวันก็อดตาย...ไอ้หมึก มึงยังไม่มาช่วยกูอีก"

ก้อนปั้นทิฐิสะบัดหน้าเดินโผเผแทบคลานขึ้นบันได หมึกรีบเข้ามาประคองพาไป

"ทำอย่างนี้แม่ไม่ชอบเลยนะทองกวาว"

"โธ่แม่จ๋า แม่ก็เลิกมีทิฐิตามพ่อซะทีเถอะจ้ะ"

"พรุ่งนี้เราไปช่วยเขาทำนากันอีกวันนะจ๊ะป้า"

"ไม่ไป"

"แม่ก็...พ่อน่ะ เขารู้ซึ้งถึงคุณค่าของการร่วมแรงร่วมใจกันแล้วนะจ๊ะ ต่อให้เราร่ำรวยล้นฟ้าขนาดไหน เราก็อยู่ตามลำพังของเราไม่ได้หรอกนะจ๊ะแม่ ยังไงเราก็ต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ดี บางทีเงินทองมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก แม่เชื่อทองกวาวสิ"

"ทำไมจะไม่มีประโยชน์ เงินทองน่ะมันซื้อทุกอย่างในโลกนี้ได้ทั้งนั้นแหละ" ทับทิมตัดบทแล้วเดินหน้าตึงขึ้นบ้านไปทันที

"วันนี้ป้าแกยังไม่ซึ้ง แต่ซักวันแกก็คงจะซึ้งของแกเองแหละทองกวาว"

ทองกวาวนิ่งไปเพราะรู้ว่าคงยาก ด้านคล้าวจูงอีแฉะกลับมาเข้าคอก คอนทำกับข้าวเสร็จพอดีเดินออกมาถามลูกชายว่าเหนื่อยไหม คล้าวบอกไม่เหนื่อย สนุกดีด้วย...สายใจที่เดินตามหลังคอนมาถึงกับเบะปากด้วยความหมั่นไส้

"ไปอาบน้ำอาบท่าซะไปลูก เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน"

"โอ๊ย...พี่คล้าวเขาคงกินไม่ลงหรอกจ้ะป้า เขาคงอิ่มมาแล้ว ทั้งของคาวของหวาน เพราะข้าวกลางวันที่โคกนา

นั้นน่ะมันแสนจะพิเศษ คงอิ่มไปหลายมื้อละจ้ะ"

"จะพูดอะไรก็หัดคิดหัดให้เกียรติคนอื่นเขาบ้างเถอะสายใจ" คล้าวตำหนิอย่างเอือมๆ

"กับอีคนนี้ เรื่องอะไรสายใจจะต้องให้เกียรติมันด้วย"

"เอาละๆ แล้วนี่อีกกี่วันถึงจะแล้วล่ะลูก"

"โอ๊ย พี่คล้าวเขาคงไม่อยากให้เสร็จหรอกจ้ะป้า เพราะเสร็จเขาก็คงหมดโอกาสได้ไปพลอดรักกับอีทองกวาว"

คล้าวพยายามไม่ใส่ใจคำพูดสายใจ ตอบคำถามแม่ว่า พรุ่งนี้ก็น่าจะเสร็จ แต่สายใจกรีดเสียงว่าไม่จริง ไม่เชื่อ คล้าว จึงบอกให้สายใจไปดูเอาเองแล้วกัน

"นาเป็นร้อยไร่สองวันไถเสร็จ พูดเป็นยี่เกไปได้พี่คล้าว อ๋อ รู้แล้ว ของหวานอีทองกวาวมันคงจะทำให้พี่คึกซะจนไม่รู้เอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหนละซิ"

"สายใจ พี่จะพยายามคิดซะว่าสายใจไปขายของที่ตลาดจนเคยตัวนะ"

"นี่พี่คล้าวด่าสายใจว่าเป็นแม่ค้าปากตลาดงั้นเหรอ"

"ก็รู้นี่...แล้วทำทำไม"

"ดีละ เห็นมันดีกว่าสายใจ ก็คอยดูฤทธิ์สายใจบ้างละกัน พี่คล้าวอย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะได้สมหวังกับมัน"  พูดจบสายใจกระทืบเท้าปังๆออกไป คอนมองตามพลางเปรยกับคล้าวว่า สายใจมันรักเอ็งมากเกินไป แต่คล้าวบอกแม่ว่าอย่างนี้เขาไม่ได้เรียกว่ารักหรอก คนรักกันเขาไม่ทำกันอย่างนี้...

ooooooo

เพราะตัวเองยังไม่แข็งแรงดี จอมจึงให้สมุนไปเก็บดอกเบี้ยเงินกู้แทน ปรากฏว่าสมุนเก็บมาได้แค่สามราย ทั้งที่ลูกหนี้มีร่วมร้อย แถมยอดจองควายเหล็กที่เมื่อวานพุ่งไปถึงสิบห้าคัน แต่วันนี้ถูกยกเลิกหมดแล้ว ทำเอาจอมหัวเสียสุดๆ เอะอะเอ็ดตะโรลั่นบ้าน

"อะไรวะ ยกเลิกได้ยังไง"

"ไอ้พวกจองๆเอาไว้ มันว่ายังไงควายจริงก็ดีกว่าควายเหล็กจ้ะ"

"ไอ้พวกโง่ มันจะดีกว่าได้ยังไงวะ"

"มันว่าควายจริงกินหญ้าไม่ต้องกินน้ำมัน ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำมันจ้ะ มันว่าถึงจะไถนาได้ช้ากว่าควายเหล็ก แต่พวกมันก็ช่วยกันลงแขกอย่างไปช่วยไอ้คล้าวก็ได้ ทำให้พวกมันรักกันกว่าเดิมอีกด้วยจ้ะ"

"ไอ้พวกบ้า...ทั้งบ้าทั้งโง่ เอ็งไปบอกพวกมันใครจองควายเหล็กวันนี้ ข้าจะลดราคาให้เป็นพิเศษ ผ่อนได้ระยะยาวตลอดชีวิต แล้วก็จะแถมน้ำมันให้ด้วยคนละสองลิตร"

"จ้ะพ่อจอม"

"จ้ะแล้วก็รีบไปสิโว้ย" จอมสะบัดแข้งขาใส่สมุนจนกระเจิงออกไป

"ไอ้คล้าวนี่มันตัวซวยขัดลาภพวกเราหนักข้อขึ้นทุกที มันทำอะไรเกินหน้าเกินตาพระเอกอย่างฉันใหญ่แล้วนะพ่อ"

"มันจงใจประกาศความเป็นศัตรูกับเราไงวะ" จอมพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ooooooo

ดวงใจจัดสำรับมื้อเช้าไว้ให้เชน แต่เชนไม่ทันจะหยิบออกไป มิ่งที่เพิ่งลุกจากที่นอนก็เดินมานั่งตักกินตุ้ยๆ เชนยืนอึ้งพูดไม่ออก พอดวงใจออกมาเห็น เธอบอกพ่อดีๆว่าสำรับนั่นของเชน มิ่งกลับมีท่าทีโมโห ตวาดดุดวงใจว่าทำไมไม่บอกแต่แรก

"ก็หนูไม่คิดว่าพ่อตื่นมายังไม่ทันล้างหน้าสีฟัน พ่อจะกินเลยนี่จ๊ะ"

"ถุยๆๆ ปล่อยให้กูกินเดน กินขี้ปากมันอยู่ได้"

"โธ่พ่อ ถุยใส่ไปยังงั้น แล้วใครเขาจะไปกินต่อพ่อได้"

"กินไม่ได้ก็อย่ากินสิโว้ย มึงเป็นแค่ลูกจ้างมีให้กินกันตายก็หรูแล้วโว้ย"

"พ่อ...ทำไมพ่อพูดยังงี้ล่ะ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณดวงใจ"

"เดี๋ยวฉันไปตักให้ใหม่ก็แล้วกัน"

"มึงนี่พอกันเลยกับพี่มึง เห็นผู้ชายอื่นดีกว่าพ่อตัวเอง"

เชนเห็นท่าไม่ดีหอบฟืนหลบไปทางหนึ่ง ขณะที่มิ่งก็ยังไม่หยุดพล่าม

"ระวังให้ดีเถอะมึง ซักวันลูกจ้างมันก็คงขึ้นมาขี้บนหัวกู เอาอกเอาใจมันซะยังกะเป็นผัว"

"พ่อคิดอะไรของพ่ออยู่ หนูไม่เคยคิดอะไรกับนายเชนเขาอย่างนั้น แล้วก็ไม่เข้าใจด้วยว่านายเชนเขาไปทำอะไรให้พ่อไม่พอใจ"

"ก็กูไม่ชอบขี้หน้ามันโว้ย มีอะไรรึเปล่า"

เชนได้ยินทุกคำ เดินหน้าจ๋อยออกไปอย่างไม่สบายใจ สักพักดวงใจเดินตามหาเชน แล้วไปเจอเขาอยู่แถวหนองน้ำ กำลังช้อนกุ้งช้อนปลาอย่างขะมักเขม้น

"นายเชน มาอยู่นี่เอง"

"คุณดวงใจจะใช้ผมทำอะไรครับ"

"เปล่า...ฉันแค่มีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย นายเชนอย่าถือสาคำพูดพ่อฉันเลยนะ เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ พูดอะไรไม่ทันได้คิดให้ดีซะก่อน เมื่อก่อนเมาแล้วถึงจะพูดจาเลอะเทอะ แต่เดี๋ยวนี้จะเมาหรือไม่เมาก็เหมือนกัน"

"ผมไม่ถือหรอกครับคุณดวงใจ เพราะยังไงคุณอาแกก็เหมือนพ่อผมคนนึง"

"ขอบใจนายเชนมาก...แล้วนั่นได้ปลาอะไรบ้าง"

"ปลาไม่ค่อยได้หรอกครับ ได้แต่กุ้ง"

ดวงใจชะโงกหน้ามองในถังแล้วร้องโอ้โฮ เห็นกุ้งฝอยตั้งครึ่งค่อนถัง ถามเชนว่าจะทำอะไรกินดี

"ก็แล้วแต่คุณดวงใจเถอะครับ แต่ผมว่าเอาไปทอดขายที่ตลาดก็ดีนะครับ"

"นายเชนนี่ขยันทำมาหากินนะ"

"งานอะไรที่ทำแล้วได้เงิน ผมทำทั้งนั้นละครับ ความลำบากมันสอนให้ต้องสู้ ในเมื่อยังมีแรง เราจะมัวงอมืองอเท้าไม่ได้หรอกครับคุณดวงใจ"

ดวงใจยิ้มชื่นชมในความคิดของเชน แล้วจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็พากันไปทอดกุ้งขายที่ตลาด ปรากฏว่าขายดีมาก ทอดไม่ทันจนลูกค้าแย่งกันแทบจะวางมวย ส่วนคล้าวกับเพื่อนๆเอาปลาที่หาได้มากมายมาขาย ก็ขายดิบขายดีเพราะพวกแว่นเรียกลูกค้าด้วยการเล่นดนตรีกันครึกครื้น แต่เจิด ที่มาพร้อมสมุนไม่สนุกด้วย เดินเข้า
มาป่วนด้วยความหมั่นไส้

"เฮ้ย...หนวกหูจริงโว้ย ใครมันมาเคาะกะละมังถังแตกแถวนี้วะ"

"จะมีใครซะอีกล่ะจ๊ะพี่เจิด"

"ถุย...กูก็นึกว่าไอ้พวกขอทานที่ไหน ตลาดเขามีไว้ซื้อของขายของโว้ย ไม่ใช่มีไว้ให้พวกเอ็งมาขอทาน"

เท่านั้นเอง นักดนตรีก็กลายเป็นนักมวยทันที พวกแว่นตะลุมบอนกับพวกเจิด คล้าวตอนแรกก็จะห้าม แต่พอเจิดกร่างหนักเตะกะละมังใส่ปลากระจุย คล้าวเลยร่วมวงกับพวกแว่น ชาวบ้านหลายคนซึ่งหมั่นไส้เจิดอยู่แล้วก็ผสมโรงฟาดข้าวของใส่พวกเจิดด้วย ในที่สุดเจิดก็อยู่ไม่ได้ โกยแน่บนำหน้าสมุนออกไปนอกตลาด
ทันใดนั้นเอง สายใจโผล่เข้ามาหัวเราะร่าสะใจกับสภาพพวกเจิดที่ดูไม่จืด

"มึงหัวเราะอะไรอีสายใจ...อีบ้า" เจิดตวาดด่าหน้าตาถมึงทึง

"ถามได้ว่าหัวเราะอะไร ก็หัวเราะไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวอย่างพวกเอ็งน่ะสิวะ กระจอกชิบเป๋งเลย วิ่งกันหางจุกตูด"

"เดี๋ยวเถอะมึง อีสายใจ"

"พวกเอ็งน่ะมันกระจอก ทำอะไรพี่คล้าวเขาไม่ได้หรอกโว้ย เพราะเขามีของดี"

"นั่นไง...ฉันว่าแล้วไหมล่ะพี่เจิด ไอ้คล้าวมันแคล้วคลาดทุกที เพราะมันมีของดีนี่เอง"

"ของดีอะไรวะอีสายใจ กุมารทองหรือยันต์หลวงพ่อวัดไหน"

"ไม่ใช่ของดียังงั้นโว้ย ที่พี่คล้าวเขาแคล้วคลาด พวกคนชั่วๆอย่างพวกเอ็งทำอะไรเขาไม่ได้เนี่ย เพราะพี่คล้าวเขามีกำลังใจดี ที่เอ็งเห็นเขาขยันทำมาหากินเนี่ย เพราะเขากำลังเก็บเงินจะแต่งเมีย"

"แต่งเมีย ฮ่าๆ ผู้หญิงหน้าโง่ที่ไหนวะจะมาเป็นเมียไอ้คนจนอย่างมัน"

"ผู้หญิงหน้าโง่ที่ไหนล่ะ ก็อีทองกวาวของเอ็งน่ะแหละ"

"ขำโว้ย   หมาวัดอย่างไอ้คล้าวจะเด็ดดอกฟ้าอย่าง อีทองกวาว"

"เอ็งขำไม่ออกแน่ ถ้าถึงวันที่พี่คล้าวเขายกขันหมากไปขอนังทองกวาวมันจริงๆ แล้วไอ้คนที่จะกลายเป็นหมาได้แต่แหงนมองเครื่องบินก็เอ็งน่ะแหละไอ้เจิด"

เจิดหยุดกึกขำไม่ออก ได้แต่มองสายใจที่หัวเราะทิ้งท้ายก่อนส่ายบั้นท้ายจากไป

ooooooo

คอนมีน้ำใจนำปลาสดๆมาให้ทับทิมถึงบ้าน แต่ต้องมาเจอถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามของทับทิมที่มองไม่เห็นหัวคนจน เอะอะอะไรก็หาว่าเอามาให้เพื่อหวังผล ก้อนตามออกมาอีกคน เห็นปลาช่อนตัวโตๆ นึกอยากกินห่อหมกขึ้นมาทันที แต่พอได้ยินทับทิมบอกว่าปลาไอ้คล้าว เดี๋ยวมันมาทวงบุญคุณเอาหรอก ก้อนจึงเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน

"เออจริงด้วย...อะไรยายคอน ของพื้นๆบ้านนี้เขาไม่กินหรอกโว้ย ก้างมันติดคอ เขากินกันแต่หูฉลาม หมูหัน เป็ดปักกิ่ง รู้จักไหมหูฉลามน่ะ เกิดมาเคยได้เห็นกะเขาไหม"

"จนซะขนาดนี้มันจะไปเคยได้เห็นยังไงล่ะพี่ ไปๆๆ จะไปไหนก็ไป"

"ดูมันสิ เขาไล่แล้วยังจะมายืนหน้าตาหดหู่อยู่อีก กลัวใครเขาจะไม่รู้รึไงว่าจนจะตายอยู่แล้วน่ะหือ"

คอนกำลังจะไป ทองกวาวออกมาเห็นพอดี รีบเข้ามาทักทายคอนก่อนจะชวนขึ้นเรือนไปกินน้ำกินท่า แต่พ่อแม่ของเธอทักท้วง กลัวเสนียดคนจนติดบ้าน มีหวังต้องไปขอน้ำมนต์

หลวงพ่อมารดล้างซวยทั้งบ้าน

"แม่...พูดอะไรอย่างนั้น"

"ไม่เป็นไรทองกวาว...ป้าจะกลับละ" คอนตัดบท ส่งปลาให้ทองกวาวไว้ ทองกวาวไหว้ขอบคุณคอน พอคอนคล้อยหลังทับทิมก็พูดโพล่ง

"ไอ้คล้าวนี่มันร้ายกาจนะพี่ หน็อย ตัวมันขี้ขลาดตาขาวไม่กล้ามา มันก็ยังส่งแม่มันมาสอดแนม มันคงคิดว่าเราไม่กล้าไล่ละมั้ง"

"คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ แม่ก็ยังมองไม่เห็น"

"น้ำจงน้ำใจอะไรกับไอ้พวกคนจน มันมาทำดีก็เพราะหวังจะได้อะไรตอบแทนทั้งนั้นแหละโว้ย ไอ้คนพวกนี้"

"ใครไปหลงกลมันก็โง่เต็มทีแล้วนะพี่นะ"

"ทองกวาวไม่อยากคุยกับพ่อกับแม่แล้ว เอ...ปลาช่อนนี่ทำอะไรกินดีน้า ต้มยำหรือผัดใบขึ้นฉ่ายดี แต่พ่อกับแม่คงไม่กินละมั้ง เพราะเป็นปลาของพี่คล้าว" ทองกวาวเดินยิ้มยั่วกลับขึ้นเรือน ก้อนกลืนน้ำลายเอื๊อกก่อนตะโกนสั่งการ

"ทำต้มยำโว้ย แล้วก็เก็บหัวปลากับพุงปลาไว้ให้ข้าด้วย"

"พี่ก้อน...ปลาไอ้คล้าวนะ จะกินของมันได้ยังไง" ทับทิมทักท้วง แต่ก้อนก็แถกไปอย่างหน้าด้านๆว่า

"ก็มันอยากโง่เอามาให้เราเองนี่หว่า"

ooooooo

ได้เงินไม่น้อยจากการขายกุ้งทอด ดวงใจแบ่งให้เชนไปส่วนหนึ่งทั้งที่เชนไม่อยากรับ มิ่งเดินมาเห็นคาตาว่าลูกสาวยัดเงินใส่มือลูกจ้าง พอเชนคล้อยหลังไปแล้ว มิ่งจึงเข้ามาเล่นงานดวงใจ หาว่าเธออกตัญญู เห็นลูกจ้างดีกว่าพ่อตัวเอง ทีกับพ่อไม่เคยให้ซักบาท

"ไปกันใหญ่แล้ว พ่อฟังหนูก่อนได้ไหม กุ้งนั่นน่ะนายเชนเขาเป็นคนลงแรงไปช้อนมา ถึงเวลาไปขายเขาก็ไปช่วย แล้วถ้าหนูไม่แบ่งเงินให้เขาบ้าง หนูจะไม่ใจดำไปหน่อยเหรอ"

"โถ...อีแม่พระ ใจกว้างยังกะแม่น้ำ แต่ทีกะกูใจดำยังกะอีกา"

"ใครทำงานก็ต้องได้ค่าเหนื่อย หนูพูดไม่ถูกรึไงจ๊ะพ่อ"

"มึงด่ากูว่าวันๆดีแต่กินกะนอน งานการไม่ทำเหรออีดวงใจ"

"หนูยังไม่ได้พูดซักคำ พ่อพูดของพ่อเอง ก็แล้วแต่พ่อจะคิดก็แล้วกัน" ดวงใจเดินหนีออกไปอย่างเหลืออด มิ่งขัดใจด่าซ้ำไปอีกว่า

"อีลูกอกตัญญู เห็นคนอื่นดีกว่าพ่อตัวเอง"

ooooooo

ทองกวาวกับบุปผายังหุงหาอาหารเย็นไม่ทันเสร็จ ก้อนกับทับทิมก็ให้หมึกไปตามออกมาพบ ด้วยมีเรื่องของคล้าวกับพรรคพวกนักดนตรีกิ๊กก๊อกจะเล่าให้ฟัง   ซึ่งเพชรไปได้ยินมากับหูว่าคล้าวยกพวกรุมเจิดซะหน้าตาแตก ก็หวังว่าสองสาวฟังแล้วจะเลิกคบกับพวกคล้าวซะที

แต่ที่ไหนได้ สองสาวกลับสมน้ำหน้าพวกเจิด และทองกวาวก็ไม่เชื่อด้วยว่าคนอย่างคล้าวจะเป็นฝ่ายหาเรื่องใครก่อน

"พ่อจะตัดสินใจว่าใครดีใครเลวเพียงเพราะฟังใครเขาพูดมา ทองกวาวว่ามันไม่ถูก แล้วมันก็ไม่ยุติธรรมด้วย" พูดจบทองกวาวลุกหนีกลับเข้าไปในครัว บุปผาตามติดไปด้วยความสะใจ

"ดูมันๆ ลูกคนนี้ ทำไมมันถึงได้หูหนวกตาบอดยังงี้นะ"

"คนในตลาดเขายังเล่าอีกนะพ่อว่าไอ้คล้าวมันกำลังหาเงินจะมาขอพี่ทองกวาว" เพชรเสนอหน้ารายงานอีก พ่อกับแม่ถึงกับร้องยี้อย่างรังเกียจ หาว่าคล้าวฝันหวานเกินไปแล้ว

ค่ำนั้นเอง ขณะที่คล้าวกับเพื่อนๆพายเรือกลับบ้านหลังจากขายผักปลาที่ตลาดหมดแล้ว เจิดกับสมุนมาซุ่มหลอกผีพวกคล้าวทำให้เรือล่มกระป๋องใส่เงินของคล้าวจมน้ำหายไป เท่านี้ยังไม่พอ เจิดกับสมุนยังแอบไปทำลายต้นข้าวในนาของคล้าวที่กำลังงอกงามจนยับเยิน

เช้าขึ้นน้อยวิ่งมาส่งข่าวคล้าวที่บ้าน แต่ไม่รู้ไม่เห็นว่าเป็นฝีมือใคร คล้าวกับคอนออกมาดูแปลงนาถึงกับเข่าอ่อนด้วยความเสียใจ เจ็บใจ โดยเฉพาะคอนนั้นร้องไห้จนเป็นลม

แต่ไอ้ตัวบงการเวลานี้กำลังสำราญอยู่ที่บ้านของก้อน จอมคุยโอ้อวดว่าตนได้จัดการสั่งสอนไอ้คล้าวให้ก้อนแล้ว โทษฐานที่มันไม่เจียมตัวจะมาสู่ขอทองกวาวด้วยเงินอันน้อยนิด บุปผาซึ่งป้วนเปี้ยนแอบฟังอยู่แถวนี้ได้ยินเข้าถึงกับหูผึ่ง

"พี่จอมจัดการสั่งสอนมันยังไง ไหนเล่าให้น้องฟังหน่อยสิ"

"ไอ้เจิดมันเดือดแทนน้องก้อนมันก็เลยไปตัดแขนตัดขาไอ้คล้าวเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว"

"หา! ตัดแขนตัดขา แล้วมันตายไหมจ๊ะ"

"ไม่ได้ตัดแขนตัดขายังงั้นแม่ทับทิม แค่ทำให้มันหมดทางทำมาหากินเท่านั้นแหละ"

"โล่งอกไปที"

"จะโล่งได้ยังไงแม่ทับทิม ตราบใดที่ไอ้บ้านี่มันยังวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ ฉันก็ไม่วางใจหรอกนะ"

"แต่พี่จอมก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ ยังไงลูกสาวฉันก็เตรียมยกให้พ่อเจิดคนเดียวละจ้ะ"

บุปผาสีหน้าไม่สู้ดี ค่อยๆถอยออกมา แล้วรีบไปบอกทองกวาว ทำให้ทองกวาวเป็นห่วงคล้าวขึ้นมาทันที อยากจะออกไปหาเขา แต่บุปผาบอกไม่ได้ ขืนลุงกับป้ารู้เข้ามีหวังบ้านแตกแน่ๆ แล้วบุปผาก็ตัดสินใจหนีออกไปหาพวกแว่นที่ร้านตัดผมเพื่อจะให้ไปดูคล้าวทีว่าถูกเจิดทำอะไรกันแน่ เป็นเวลาที่น้อยวิ่งหน้าเริ่ดมาถึงพอดี ทั้งหมดจึงเฮละโลกันไปหาคล้าวที่กลางทุ่ง

สภาพนาล่มเสียหายยับเยินทำให้ทุกคนรู้สึกสงสารคล้าวกับแม่อย่างที่สุด พอรู้จากบุปผาว่าเป็นฝีมือของเจิด เพราะได้ยินพ่อมันไปคุยโวให้ลุงกับป้าเธอฟัง ทุกคนเดือดพล่าน โดยเฉพาะคล้าวอยากรู้ว่าเจิดทำแบบนี้เพื่ออะไร คล้าวกับเพื่อนๆจึงมุ่งหน้าไปบ้านจอม

ขณะนั้นสองพ่อลูกกำลังเตรียมตั้งวงเหล้ากลางวันแสกๆที่หน้าบ้าน พอเห็นคล้าวกับเพื่อนเดินเข้ามา เจิดลุกพรวดพราดขึ้นทันที สั่งสมุนให้ไปเอามีดกับปืนมา

"ไอ้เจิด  เอ็งนี่หยาบคายกับแขกได้ยังไงวะ  ว่าไงไอ้คล้าววันนี้นึกยังไงมาถึงบ้านข้าได้"

"ฉันมานี่ก็เพราะฉันอยากรู้ว่าอาจอมโกรธแค้นอะไรฉันนักหนาถึงได้ล่มนาฉัน"

"เอ็งพูดอะไรวะ ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่อง ข้าก็อยู่ของข้าเฉยๆ ดีๆ ห่าลงนาเอ็งแล้วจะโทษข้าได้ยังไง"

"แปลว่าอาจอมไม่ยอมรับ"

"ข้าไม่ได้ทำอะไร แล้วเอ็งจะมายัดเยียดให้ข้ายอมรับ มันไม่ปัญญาอ่อนไปหน่อยเหรอวะไอ้คล้าว บ้านนี้เมืองนี้เขาก็เป็นประเทศที่อารยะแล้วนะโว้ย เอ็งจะกล่าวหาอะไรใคร เอ็งก็น่าจะมีหลักฐานซะหน่อย ไม่ใช่มากล่าวหากันลอยๆอย่างนี้"

"ไปเหอะว่ะคล้าว ข้าบอกแล้วว่ามันเปล่าประโยชน์ ไม่มีหลักฐาน กฎหมายก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก" หมู่น้อยเข้ามารั้งเพื่อน

"อาจอมฟังฉันให้ดี ฉันจะถือว่าคราวนี้เป็นคราวเคราะห์ของฉันเอง แต่หวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย"

จอมยิ้มกวนโทสะ คล้าวถอยออกมาจะกลับ แต่ต้องชะงักกับวาจาเยาะหยันดูถูกกลั้วเสียงหัวเราะของเจิด

"ไอ้กระจอกเอ๊ย แค่นาล่มก็ร้องไห้ขี้มูกโป่ง"

คล้าวพยายามระงับความโกรธสุดๆ แต่ก็ระงับไม่อยู่ หันกลับมาตะบันหน้าเจิดเต็มๆ แล้วสองฝ่ายก็ตะลุมบอนกันอีนุงตุงนังไม่รู้ใครเป็นใคร น้อยพยายามห้ามแต่ไม่มีใครสน แถมโดนลูกหลงไปด้วย บังเอิญผู้หมวดขี่จักรยานผ่านมาเห็นเหตุการณ์ เขาทิ้งจักรยานวิ่งเข้ามาเป่านกหวีดระงับเหตุชุลมุน แต่ก็ไม่มีใครเลิกรา จนกระทั่งจอมชักปืนออกจากเอวยิงขึ้นฟ้า ทุกคนถึงหยุดชะงัก

"นี่มันเกิดเหตุอะไรกัน นายจอม"

"ผู้หมวดก็ดูเอาแล้วกัน นี่มันบ้านผมชัดๆ ไอ้พวกนิยมกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายมันเข้ามาหาเรื่องพวกผมถึงนี่เลย"

"นายคล้าว นายแว่น นายตี๋ นายไข่ นี่ครบทีมกันเลยนี่นา แล้วนั่นใครล่ะ อ้าวหมู่น้อย นี่ร่วมวงไพบูลย์กับเขาด้วยเหรอ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับก่อเรื่องวิวาทซะเอง รู้ใช่ไหมว่าต้องโทษสถานใด"

"ทราบ...ครับผม" น้อยตอบแล้วอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ

ooooooo

คล้าวกลับมายังท้องนา นั่งกอดเข่ามองต้นข้าวที่เสียหายยับเยินอย่างท้อแท้สิ้นหวัง เสียงทองกวาวเรียกพี่คล้าวดังมาแต่ไกล คล้าวมองไปหน้าเศร้า บอกทองกวาวที่วิ่งมานั่งลงข้างๆว่า

"พี่ไม่มีอะไรเหลือแล้วทองกวาว ความหวังความฝันของพี่มันพังทลายไปหมดแล้ว"

"ไอ้คนชั่วพวกนี้มันเหยียบย่ำได้แม้กระทั่งแม่โพสพ ชาตินี้มันไม่มีวันหาความเจริญได้หรอกพี่คล้าว"

"พี่ต้องผจญเวรผจญกรรมกับพวกมันไปอีกนานแค่ไหนกัน"

"ใครทำกรรมอะไรไว้ซักวันมันก็ต้องได้รับกรรมนั้นเหมือนกัน พี่คล้าวอย่าเพิ่งท้อนะ คิดซะว่ามันเป็นแค่บททดสอบบทนึงเท่านั้นเอง นาพี่ก็ยังอยู่ ตัวพี่ก็ยังอยู่ จะต้องไปกลัวอะไร"

คล้าวถอดใจส่ายหน้า ทองกวาวลุกขึ้นเดินลุยลงไปในนาเก็บกอข้าวที่ลอยน้ำขึ้นมาหอบใหญ่

"ปลูกมันใหม่สิพี่คล้าว ปลูกมันใหม่...แม่โพสพไม่ได้หนีเราไปไหนหรอก ท่านยังอยู่เป็นมิ่งขวัญของเราที่นี่ ทองกวาวจะช่วยพี่เอง พี่คล้าวต้องไม่ท้อนะ"

คำพูดของทองกวาวทำให้คล้าวได้สติ เดินลุยลงไปเก็บต้นข้าว สองแรงแข็งขันช่วยกันกู้นาที่ยับเยิน

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น