หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

เงากามเทพ ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

โรมไปปรึกษากับหมอเผ่าเรื่องจะให้หมอเผ่าช่วยตรวจดีเอ็นเอของกมลทัตและของเทียนโดยไม่ให้สองคนนั้นรู้ตัว โรมบอกเพื่อนว่าวิธีนี้แหละที่จะพิสูจน์ความจริง ทั้งหมดได้ เพราะตอนแรกเขากะจะเอาไว้ใช้เป็นขั้นตอน สุดท้าย แต่ตอนนี้หลักฐานสำคัญของเทียนคือแหวนได้หายไปแล้ว  แถมพี่ชายของเทียนก็หายตัวไปด้วย

โรม  ปารวดี  และหมอเผ่าปรึกษากันครู่หนึ่ง  หมอเผ่าก็บอกว่า "ก็ไม่ยากอะไร พรรคพวกฉันมีแล็บดีๆเยอะแยะ ส่วนของเทียนคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ส่วนของกมลทัตน่ะสิ เราจะเอาชิ้นส่วนของมันมาได้ยังไง"

"เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอาไว้หมดแล้ว" โรมบอกหมอเผ่า และวิธีที่โรมบอกคือไปจ้างช่างตัดผมเจ้าประจำของกมลทัตให้เก็บเศษผมเศษเล็บของกมลทัตเวลาไปตัดผมเอาไว้ให้ โรมสมนาคุณช่างตัดผมอย่างงามเมื่อได้ของพวกนี้มา ส่วนของเทียน ปารวดีก็เข้าไปในห้องเทียนตอนที่เทียนไม่อยู่บ้านโดยไปเก็บเส้นผมที่ติดอยู่ที่หวีของเทียนเอามาให้หมอเผ่าเอาไปให้ห้องแล็บของเพื่อนตรวจให้

หลังจากนั้นไม่กี่วันหมอเผ่าก็เอาผลตรวจมาให้โรมแล้วบอกว่า "ผลตรวจออกมาแล้ว เทียนเป็นลูกสาวของกมลทัตจริงๆ"

โรมนัยน์ตากร้าวขึ้นทันที  ร้องออกมาว่า  "มันชั่วจริงๆ  ลูกมันแท้ๆยังยกให้คนอื่น  ปล่อยให้ไปตกระกำลำบาก คราวนี้แหละฉันจะทำให้มันกระอักเลือดเชียวคอยดู"

ปารวดีกับหมอเผ่าถอนหายใจเพราะต่างคนต่างก็ไม่อยากให้ผลตรวจออกมายังงี้ โรมจะได้หยุดทำอะไรที่มันไม่ถูกต้องเสียที หมอเผ่าถามออกมาว่า "แกแน่ใจเหรอโรม ว่าทั้งหมดที่ทำสุดท้ายกรรมไม่ได้มาตกอยู่กับเทียน   แกทำให้เทียนเกลียดพ่อตัวเอง  แล้วถ้าเทียนรู้ความจริงเทียนจะไม่สับสนแย่เหรอ"

"ถ้าเทียนรู้ว่าพ่อทำยังไงกับตัวเอง เทียนจะไม่มีทางยอมรับมันเป็นพ่อ กมลทัตจะต้องสูญเสียทุกสิ่งอย่าง" โรมพูดอย่างมั่นใจ

คืนเดียวกันนี้ที่วัด เป็นวันพระที่มีพวกอุบาสกอุบาสิกามาสวดมนต์เย็นกันที่วัดมากมาย กุลชาติถูกหลวงพ่อเรียกให้ไปเข้าร่วมสวดด้วย เขาไปนั่งอยู่ด้านหลังของคนอื่นๆ  หรี่ตามองดูรอบๆตัวเองหาคนที่มีมือถือเอาวางไว้ข้างๆตัว เห็นเมียมัคนายกวางตะกร้าที่มีมือถือเอาไว้ กุลชาติรอจนคนอื่นๆสวดมนต์เพลินคลานเข้าไปหยิบเอามากดเอาแบตเตอรี่ใส่ไว้ในกางเกงตัวเอง พอหมดเวลาสวดมนต์ก็รีบกลับไปที่ห้องเอาแบตใส่โทรศัพท์ติดต่อไปหาเฮียปอขอร้องว่าให้มาหาเขาเร็วๆเพราะตอนนี้ยาหมดแล้วกำลังจะลงแดงตาย

วันรุ่งขึ้น ปอพาสมุนสองคนไปที่วัดแต่งเนื้อแต่งตัวแบบอาเสี่ยไปพูดคุยกับสมภารว่าจะมาขอจองกฐิน แต่บอกว่าจะขอเดินดูสภาพของวัดก่อนจะได้รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ วัดมีอะไรที่ให้บูรณะบ้าง หลวงพ่ออนุญาต กุลชาติรีบรับอาสาพาไปเดินดูเอง พากันเดินมาถึงรถเฮียปอแล้วก็โดดขึ้นไปพากันกลับไป ตอนออกจากประตูวัดรถปอกับรถพิศเพลินเฉียดกัน

กุลชาติเห็นแม่รีบมุดลงกับเบาะ ปอกับลูกน้องรีบขับพาหนี

กุลชาติไปถึงบ่อนเฮียปอเป็นจังหวะเดียวกับที่ชาญเล่นไพ่เสียไม่มีเงินจ่ายเลยถูกซ้อม เฮียปอบอกสมุนว่าให้จับใส่กระสอบโยนลงจากดาดฟ้าให้ตาย สมุนกำลังลากชาญออกไป ชาญเหลือบไปเห็นกุลชาติก็จำได้ว่าเป“นเจ้าบ่าวที่แต่งงานกับเทียนวันก่อนโน้น เขาดิ้นจนหลุดจากสมุนเฮียปอ โผมาเกาะขากุลชาติร้องเรียกให้ช่วย ทีแรกกุลชาติปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนจะมาเรียกให้ช่วยยังไง ชาญรีบบอกว่า

"คุณแต่งงานกับน้องผม เทียนไง เทียนเป็นน้องสาวผมเอง ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย" พอเอ่ยถึงเรื่องนี้กุลชาติตาโตทันทียิ้มอย่างมองเห็นทาง

ขณะที่กุลชาติคิดแผนจะก่อกรรมใหม่ พิศเพลินที่เข้าไปในวัดก็ได้รับการบอกเล่าจากหลวงพ่อว่ากุลชาติก่อเรื่องอะไรไว้บ้าง  และตอนนี้ก็หนีออกจากวัดไปแล้ว  แถมยังขโมยโทรศัพท์ของเมียมัคนายกไปด้วย พิศเพลินฟังแล้วขาอ่อนลงนั่งแทบเป็นลม หลวงพ่อปลอบว่า

"โยมพิศ บางเหตุบางปัจจัย ก็ไม่ใช่ว่าธรรมะซึ่งเป็นยาวิเศษของพระพุทธองค์จะแก้ได้นะ เฉพาะเรื่องเฉพาะทางควรเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการบำบัด วัดไม่ได้ แก้ปัญหาได้ทุกอย่างหรอกโยม"

"แล้วดิฉันควรจะทำยังไงกับลูกดีคะ ดิฉันมืดแปดด้านจริงๆ" พิศเพลินยกมือเสยผมอย่างอ่อนล้า

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม โยมกุลชาติคงทำกรรมเอาไว้มาก โมหะ โทสะ ถึงได้สูง รับเมตตาคำเตือนคำสอนไม่ได้ ง่ายๆ เหมือนเราปลูกพืชผัก ถ้าเมล็ดพันธุ์ไม่ดีถึงให้ปุ๋ยให้น้ำยังไง เมล็ดพันธุ์อาจจะถูกแมลงถูกเชื้อรากิน ไม่สามารถเจริญงอกงามได้เช่นกัน"

พิศเพลินก้มลงกราบน้ำตาไหล "คงเป็นเพราะกรรมเวรที่ดิฉันกับสามีได้ก่อขึ้นมาในอดีต มันกำลังส่งผลแล้วก็ได้เจ้าค่ะ"

ooooooo

ที่บ้านโรมตอนนี้สภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ หมอเผ่ากับปารวดีไม่ชอบใจวิธีการที่โรมทำบอกว่าไม่สบายใจขอตัวกลับบ้านต่างจังหวัด ส่วนมนทิรากลับเห็นเป“นโอกาสดีมาสิงสู่อยู่บ้านโรมเลย คอยปรนนิบัติโรมตัดหน้าเทียนไปเสียเกือบจะทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องทำอาหารให้กิน เสนอตัวเป็นเลขาฯคอยติดตามโรมไปนั่นไปนี่อยู่เรื่อย แม้โรมจะอึดอัดแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งมนทิราเข้าใกล้ชิดโรม เทียนก็ยิ่งถอยห่างออกไปทุกที

วันนี้เทียนลงไปเดินเล่นที่สนามหน้าบ้าน ได้รับโทรศัพท์จากชาญ ทำให้เทียนตกใจมาก เทียนไม่รู้ว่าตอนนี้ชาญไปเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกับกุลชาติแล้ว และวางแผนจะจัดการกับเทียน พอได้ยินเสียงเทียนตอบมาชาญก็รีบพูดว่า

"ไอ้เทียน ตอนนี้สร้อยกับแหวนของเอ็งอยู่ที่ข้า ถ้าอยากได้ก็รีบมาเอา"

"ฉันไม่เชื่อ พี่อย่ามาโกหก สร้อยถูกโจรวิ่งราวเอาไปแล้ว"

ชาญเกือบเสียท่าเพราะไม่รู้ว่ามนทิราสร้างเรื่องเอาไว้ ยังไง เลยปุโลปุเลทำเป็นโมโห "ก็...ข้าอุตส่าห์ไปไถ่จากพวกโจรมาให้เอ็งไง ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปจริงๆเอ็งนี่... ถ้างั้นเอ็งดูให้เห็นกับตาทางโทรศัพท์นี่เลย" กุลชาติเป็นคนส่งภาพมาให้เทียนดู โดยเทียนไม่รู้ พอเทียนเห็นก็จำได้ว่าเป“นของจริงที่แม่ให้  ชาญเลยสำทับมาอีก  "เอ็งไม่รีบมาเอาข้าขายทิ้งนะโว้ย จะได้เอาค่ารถไปชุมพร เฮ้ย...ห้ามบอกไอ้นายหัว ของเอ็งเด็ดขาด ขี้เกียจโดนสอบสวนโว้ย...แล้วมาเจอข้าที่..." เทียนนิ่งฟังที่นัดหมายอย่างตั้งใจ

เทียนแอบหลบออกจากบ้านไปโดยบอกกับป้าทิพย์ว่าจะไปหาลักษมนที่โรงเรียน เพราะไม่อยากเข้าไปบอกโรมที่ห้องทำงานกลัวจะไปเจอภาพที่มนทิราประจ๋อประแจ๋กับโรม พอโรมรู้จากป้าทิพย์ก็หัวเสียทันที

เทียนไปหาชาญที่บ้านของเสี่ยปอโดยไม่รู้ว่าที่นั่นเป็นสถานที่อะไร ชาญออกมารับพาเข้าไปในบ้าน เทียนขอของที่ชาญบอกว่าอยู่ที่เขา ชาญบ่ายเบี่ยงบอกว่าให้คุยกันก่อน เขาหัวเราะเมื่อเห็นหน้าเทียนชักเผือดลงบอกน้องว่า "เอ็งนี่มันโคตรซื่อเลยว่ะไอ้เทียน ซื่อหรือโง่กันแน่วะ เอ็งรู้หรือเปล่าว่าสร้อยแหวนอะไรของเอ็งมันมาอยู่ที่ข้าได้ยังไง ก็นังมนเมีย นายหัวนั่นแหละเอามาให้ข้ากับมือ เขาอยากจะแกล้งเอ็ง คงหึงกลัวผัวมันจะมารักเอ็งน่ะสิ..."

"พี่มน..." เทียนร้องออกมา ชาญหัวเราะ

"เออ...ตาสว่างแล้วซิ แล้วเอ็งยังจะดักดานไปอยู่กับไอ้นายหัวมันอีกทำไม มันมีเมียมีเจ้าของแล้ว สู้มาอยู่กับคนที่เขารักเอ็งไม่ดีกว่าเหรอ"

กุลชาติก้าวออกมาแบบพระเอกตอนเปิดตัว นัยน์ตาเยิ้มเพราะฤทธิ์ยา เดินกางแขนเข้ามาเลย เทียนเรียกชื่อเขาออกมา กุลชาติก้มหัว "ครับ...พี่ชาติเอง"

ชาญรีบบรรยายทันที "นี่แหละคุณกุลชาติ สุภาพบุรุษลูกผู้ชายพระเอกตัวจริงของเอ็ง"

เทียนลุกพรวดขึ้นถลาไปทางประตู ที่นั่นสมุนของเสี่ยปอ ย่างเข้ามา และแยกย้ายไปสกัดหนทางเทียนไว้ ส่วนชาญก็ร้องตะโกนให้เทียนยอมเป็นเมียกุลชาติซะดีๆ เทียนไม่ฟังกลับร้องบอกชาญให้ช่วยเพราะยังไงก็เป“นพี่น้องกัน ชาญยกมือชี้หน้าเทียนทันที "เอ็งไม่ใช่น้องข้า ตั้งแต่พ่อกับแม่เอาเอ็งมาเลี้ยง ข้าก็กลายเป็นหมาหัวเน่าถูกทิ้งถูกขว้าง พ่อกับแม่รักแต่เอ็ง ข้าซวยตลอด"

เฮียปอกับกุลชาติชะงัก มองหน้าชาญ กุลชาติต่อว่า "ไหนว่าเป็นพี่น้องกัน นี่แกโกหกเหรอ?"
"แล้วมันแปลกตรงไหน ผมก็เอามันมาให้คุณได้แล้วนี่ พ่อแม่เก็บมันมาจากไหนก็ไม่รู้ ไหนล่ะค่าจ้าง ค่าสร้อยค่าแหวน" ชาญแบมือ แต่ปอกลับบอกว่าหายกันแล้วที่ชาญเป็นหนี้เขาอยู่ ชาญหมดหวังทางปอเลยหันไปทวงกุลชาติที่บอกว่าจะให้เงิน แต่กุลชาติก็โบ้ยไปทางปออีก ปอเลยตัดปัญหาพยักหน้ากับลูกน้อง ทั้งหมดเลยให้รางวัลกับงานนี้ของชาญ คนละตุ้บคนละตั้บจนชาญหมอบ กุลชาติไม่สนใจเดินเข้าไปหาเทียนในห้อง เห็น
เทียนถูกมัดมือมัดขาอยู่บนเตียงก็ชักจะสงสาร เทียนเห็นกุลชาติท่าทางอ่อนลงจึงพูดเกลี้ยกล่อมให้เขารู้สึกผิดชอบชั่วดีว่าไม่ควรทำอย่างนี้ เพราะถ้ารังแกเธอก็จะได้แต่ตัวไปเท่านั้นเอง ไม่ได้ความรักภักดีจากเธอไปเด็ดขาดแถมยังขู่ว่าแตะต้องตัวเธอเมื่อไหร่เธอจะฆ่าตัวตายทันที กุลชาติเลยหงอย

ลักษมนที่วันนี้ไม่ได้ไปสอนที่โรงเรียนแต่พาพวกฝรั่งไปเที่ยวตลาดน้ำทั้งวัน กลับมาถึงบ้านก็โดนโรมต่อยหาว่าพาเทียนไปเที่ยวโดยไม่บอก ลักษมนบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง ที่ยึดโทรศัพท์ก็เพราะไม่ได้ใช้ ทุเรศจริงๆเลยพี่โรมนี่ โรมรู้ว่าอะไรเป็นอะไรยิ่งร้อนใจ พาลักษมนออกไปตามหาเทียนด้วยกัน โดยไปที่บ้านของกมลทัต พอเจอหน้ากมลทัตโรมก็ตะคอกถามว่าเอาเทียนไปไว้ที่ไหน

กมลทัตตกใจ "อะไรของแกไอ้โรม...เฮ้อ...ไอ้บ้านี่มันบุกรุกกันชัดๆ แล้วแกว่าอะไรของแก หา...เทียนหายไปไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน"

"ไม่ตัวแกก็พวกแก กุลชาติอยู่ไหน" โรมตวาด

พิศเพลินที่ไปเที่ยวหาลูกไม่เจอก็กลับบ้าน มาเจอเหตุการณ์นี้พอดีจึงร้องบอกว่า "กุลชาติก็หายไปจากวัดเหมือนกัน...นี่ฉันไปแจ้งตำรวจแล้ว"

"บ้ารึเปล่า แจ้งทำไม เกิดมันไปทำเรื่องชั่วเรื่องเลวที่ไหนหายนะกันหมดเท่านั้น" กมลทัตด่าเมีย

เสียงมือถือของโรมดังขึ้น โรมรีบหยิบขึ้นมารับ เสียงเสี่ยปอโทร.มาบอกว่าเขาจับตัวเทียนเอาไว้ได้โดยโรมจะต้องเอาเงินไปไถ่หนึ่งล้านบาท และถ้ามีตำรวจไปด้วยจะฆ่าเทียนทันที นัดสถานที่มาให้ด้วยแถมส่งสัญญาณภาพเทียนถูกมัดไว้มาให้ดูด้วย โรมดูภาพแล้วใจฝ่อเมื่อเห็นว่าเป็นหน้าเทียนชัดๆ รีบพาลักษมนกลับไป แต่ยังไม่ทันออกจากห้องเสียงโทรศัพท์ของพิศเพลินก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เป็นภาพของกุลชาติที่ถูกมัดเหมือนกัน
ส่งมาให้ดูพร้อมกับการเรียกให้ไปไถ่ตัวด้วย พิศเพลินส่งโทรศัพท์ของตัวเองให้กมลทัตดู กมลทัตดูแล้วร้องออกมาว่า

"บ้าแล้ว ใครเล่นตลกกันวะ" รีบเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาโทร.เรียกตัวภาสกรให้มาพบที่บ้านด่วน

ขณะที่พวกที่ถูกบอกให้เอาเงินไปไถ่ตัวคนในครอบครัวกำลังจัดหาเงินกันวุ่นวาย เฮียปอก็เดินไปแก้มัดเทียนกับกุลชาติ แล้วบอกว่า "ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ"

กุลชาติร้องเอะอะ "เฮ้ย เฮีย ทำแบบนี้ไม่ตลกนะ"

"ก็ไม่ตลกน่ะซิ ให้มันสมจริงสมจังหน่อยเท่านั้น เป็นไงแผนฉัน พวกเราก็ได้เงินมาเสวยสุขไงล่ะ"

"แล้วถ้าได้เงินมาแล้วก็ปล่อยพวกเราเหรอ?" กุลชาติถาม

"โธ่...ไอ้โง่ เงินก็แบ่งกันใช้ แกกับน้องเทียนก็ครองรักกันอยู่ที่นี่ไม่ดีเหรอ" ปอพูดไปหัวเราะไป

"แต่ พ่อผมไม่ธรรมดานะเฮีย ถ้าไม่สำเร็จละก็ตายแน่" ปอไม่สน ร้องสั่งให้ลูกน้องเอาเสื้อผ้ามาให้เทียนเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเมียคนงาน ส่วนเสื้อผ้าของเทียนก็เอาไปให้เมียคนงานใส่ เสร็จแล้วก็ออกไปจากห้อง ทิ้งให้เทียนกับกุลชาตินั่งมองหน้ากัน เทียนต่อว่ากุลชาติว่า

"เธอไม่น่ามาคบกับคนพวกนี้เลยกุลชาติ รู้มั้ยชีวิตเธอจะตกต่ำลงไปกว่านี้อีกแค่ไหน คิดเหรอว่าพวกมันจริงใจกับเธอ ดูซิที่หน้าห้องมันให้สมุนมันพกปืนเฝ้าเราเอาไว้ เสร็จงานได้เงินมา เราสองคนไม่รอดแน่"

กุลชาติคิดตามคำพูดของเทียน เขาล้วงมือหยิบห่อแหวนกับสร้อยของเทียนเอามาส่งให้เธอ บอกว่ายึดเอามาจากชาญ เทียนรับเอามาอย่างดีใจ ถามถึงชาญ กุลชาติตอบว่าไม่รู้เหมือนกันเพราะที่นี่มีหลายห้อง เทียนชวนกุลชาติให้หนี ทีแรกกุลชาติกลัวว่าจะไปไม่รอด เทียนเลยพูดปลุกใจว่า

"ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถ้าเธอกลับเนื้อกลับตัว เรื่องวันนี้ฉันจะไม่บอกใครว่าเธอมีส่วนร่วมด้วย ฉันสัญญา จริงๆนะกุลชาติ" กุลชาตินิ่งคิดพักหนึ่งก็เห็นคล้อยตามเทียน เทียนจึงวางแผนกับกุลชาติทำเป็นร้องให้พวกสมุนมันสนใจว่ากุลชาติกำลังปล้ำเทียน สมุนหื่นรีบไปแอบเปิดประตูดู กุลชาติกับเทียนช่วยกันเอาไม้ฟาดจนสลบแล้วพากันหนีออกไปจากบ้านเสี่ยปอ

โรมกับลักษมนรีบพากันออกจากบ้านหลังจากเอาเงินออกจากเซฟครบหนึ่งล้าน มนทิราเข้ามาขัดขวางบอกว่าเรื่องนี้แปลกที่เทียนออกจากบ้านไปเอง แถมยังโกหกว่าไปหาคุณ

ลักษมนแล้วจะถูกจับได้ยังไง พอเห็นทั้งโรมและลักษมนจ้องหน้าก็รีบอธิบายว่า

"แหม...มนก็แค่สงสัย ตอนนี้คนภายนอกเขาเข้าใจว่าโรมมีปัญหาด้านการเงินแล้วจะมาเรียกเงินโรมทำไม" พูดไม่ทันจบ โรมหันรถเข้าจอดข้างทางทันที "มน...คุณกลับบ้านไปก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน" ไล่ลงจากรถซะเลย แต่มนทิราไม่ยอมอ้อนวอนขอไปด้วยจะได้ช่วยกัน โรมพูดเสียงหนักๆว่า

"อย่าเลย มันอันตราย ผมไม่อยากห่วงหน้าห่วงหลัง ลงไปซิ บอกให้กลับบ้าน ลงจากรถเดี๋ยวนี้"

มนทิราลงไปกระทืบเท้ายิกๆอยู่กับถนน แล้วโบกเรียกแท็กซี่ไปโรงพักเมื่อคิดได้

ooooooo

โรมไปถึงสถานที่นัดหมาย เจอพวกเฮียปอยืนคอยอยู่ เฮียปอให้สมุนลากผู้หญิงที่อยู่ในเครื่องแต่งตัวของเทียนออกมายืนข้างหน้า ร้องบอกให้โรมโยนถุงเงินให้แต่โรมบอกให้ปล่อยผู้หญิงก่อน กำลังต่อรองกันอยู่ เสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว เป็นเทียนที่นั่งซ้อนท้ายกุลชาติเข้ามา เธอตะโกนบอกว่า

"นายหัว อย่าให้มัน เทียนอยู่นี่ค่ะ"

เสี่ยปอพอเห็นว่ากุลชาติเป็นคนขับมาก็ร้องด่าว่าไอ้ชาติ ไอ้ทรยศ ควักปืนออกมาจะยิง กุลชาติพาเทียนหลบอย่างรวดเร็ว พวกโรมยิงใส่ทางพวกปอยิงสู้ คนขับรถของเฮียปอขับรถเข้ามาขวางเพื่อให้ปอกับสมุนซิ่งหนีได้ พวกมันพากันไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว เทียนวิ่งเข้าไปกระโดดกอดโรมอย่างดีใจ ลักษมนหน้าเศร้า  ส่วนกุลชาติไม่รู้จะปฏิบัติตัวยังไงเลยมองคนนั้นทีคนนี้ที

โรมพากุลชาติไปส่งที่โกดังเก็บสินค้าของกมลทัต ซึ่งเขากำลังจะออกไปไถ่ตัวลูกชายแต่ช้าไปเพราะมัวแต่เอาแบงก์ปลอมยัดไส้ไว้ในเงินจริง กว่าจะเสร็จก็กินเวลาไม่ใช่น้อย แต่พอเห็นรถของโรมแล่นเข้ามาจอดและพวกโรมลงจากรถ กมลทัตก็ร้องออกมา "เฮ้ย ยังไงกันวะ เล่นตลกอะไรไอ้โรม"

"ฉันเอาลูกแกมาคืน" โรมบอก ลักษมนเลยพูดต่อให้ว่า

"กุลชาติกับเทียนถูกจับไปด้วยกัน แต่หนีออกมาได้"

"ตลกไปหน่อยรึเปล่าวะ แกกุเรื่องทั้งหมดเองใช่มั้ย" กมลทัตยัวะ กุลชาติรีบลงจากรถตรงเข้ามาหาพ่อ

"จริงๆนะป๋า ชาติ...ชาติถูกจับตัวมาจากวัดครับป๋า...แล้ว แล้วก็มาเจอเทียนถูกจับอยู่แล้ว เลยชวนกันหนีพวกโจรมาได้ครับป๋า" กุลชาติกระอึกกระอักเพราะพูดโกหก ภาสกรเห็นท่าน่าสงสัยเลยบอกกมลทัตว่าเรื่องมันน่าแปลก เทียนรีบบอกว่า

"กุลชาติพูดเรื่องจริง พวกนั้นมันเป็นเจ้าของบ่อน คิดหาเงินทางลัด แต่ตอนนี้ถูกนายหัวกับคุณลักไล่ยิงหนีไปหมดแล้ว..." พูดไม่ทันจบเสียงรถตำรวจสองคันแล่นเข้ามาจอด มนทิราหน้าเริ่ดลงมาก่อนเพื่อนชี้โบ๊ชี้เบ๊บอกตำรวจว่า "นั่นๆ อยู่ทางนั้นค่ะคุณตำรวจ...โรมขา เป็นไงบ้างคะ มนพาตำรวจมาช่วยแล้ว"

โรมขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ พวกตำรวจต่างก็ทำหน้างงๆ "ใครบอกให้คุณแจ้งความ?" โรมถาม มนทิราพยายามบอกว่าเธอเป็นห่วงโรม แต่โรมไม่ฟัง หันกลับไปพูดกับตำรวจแทน ทั้งหมดเลยถูกเชิญตัวไปโรงพัก กว่าจะไปแก้ข้อสงสัยของตำรวจได้แต่ละคนก็เครียดเพราะตำรวจพุ่งความสงสัยไปที่เทียนกับกุลชาติ บอกเทียนว่าให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังใหม่ให้ละเอียดตั้งแต่ต้น

เทียนอ้ำอึ้งมองหน้าโรมเห็นเขาวางหน้าเฉยเลยตัดสินใจพูดออกมา "คนร้ายโทร.มาบอกฉันให้ไปดูสร้อยที่ถูกขโมยมาค่ะ"

"สร้อยอะไร ขอรายละเอียดด้วย" ตำรวจซัก

เทียนล้วงสร้อยออกมาจากกระเป๋ากางเกงวางลงบนโต๊ะ โรมตกใจเมื่อมองเห็นเพราะกลัวกมลทัตจะเห็นแหวนแล้วจำได้ แต่กมลทัตก็มองเห็นซะแล้ว เขาตาโตชะโงกหน้าเข้ามาจะมองให้ชัดๆ แต่ตำรวจหยิบสร้อยที่คล้องแหวนไว้ขึ้นไปดูก่อนจะ วางลงบนโต๊ะ

"แล้วสร้อยนี่สำคัญยังไง ทำไมถึงต้องเสี่ยงไปพบคนร้าย คนเดียว"

"เป็นสร้อยที่แม่ฉันให้เอาไว้ ท่านบอกว่าเป็นสร้อยกับแหวนที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิด" เทียนบอกตำรวจ

"เธอว่ายังไงนะ ติดตัวมาตั้งแต่เกิดเหรอ แล้วแม่เธอชื่ออะไร" กมลทัตซักอย่างร้อนรน

โรมรีบลุกขึ้น หยิบสร้อยมากำไว้ในมือ บอกตำรวจว่า "ขอโทษครับ ผมมีธุระสำคัญ ถ้าต้องการสอบอะไรเพิ่มกรุณานัดผ่านทางทนายก็แล้วกัน" ทนายของโรมลุกตามหยิบนามบัตรส่งให้ โรมรีบพาเทียนออกไป

กมลทัตลุกลนลุกตาม บอกตำรวจว่า "ผมก็ต้องรีบไปเหมือนกัน ทนายภาสกรให้เบอร์ติดต่อคุณตำรวจด้วย..." ทุกคน พากันกลับหมด ตำรวจได้แต่เกาหัวเพราะยังสอบไม่เสร็จ

กมลทัตกลับถึงบ้านเดินไปเดินมาด้วยความเครียด  คิดถึงสายสร้อยเส้นนั้น โดยเฉพาะแหวนที่เขาคุ้นตาอย่างมาก ส่วนภาสกรนั่งลงหยิบเงินที่จะเอาไปให้คนร้ายเพื่อไถ่ตัวกุลชาติออกมาแยกแบงก์จริงแบงก์เก๊ พิศเพลินกับกุลชาติตาเหลือกเมื่อเห็น

"เงิน...คุณเอาเงินปลอมไปไถ่ตัวลูก" พิศเพลินร้องออกมา กุลชาติหยิบไปดูแล้วร้องมั่ง

"เงินปลอมจริงๆด้วย ป๋า...ป๋าทำยังงี้ได้ยังไง ชีวิตชาติมีค่าแค่แบงก์ปลอมพวกนี้เท่านั้นเหรอ ถ้าพวกโจรมันรู้เข้ามันต้องฆ่าชาติทิ้งแน่ๆเลย"

"เออซิวะ..." กมลทัตจ้องหน้าลูกชาย "นี่แกยังไม่รู้อีกเหรอ ใครเขาจะเอาเงินล้านไปแลกกับคนอย่างแกกุลชาติ แปดบาทก็ยังแพงไปด้วยซ้ำ" เขาตะคอกใส่ พิศเพลินเถียงแทนว่ากุลชาติไม่ได้ทำอะไรผิด กมลทัตเลยหันมาตวาดพิศเพลินแทน "มันผิดตั้งแต่เกิดนั่นแหละ ถามจริงๆ ตั้งแต่เลี้ยงมันมามันเคยทำอะไรที่เป็นศักดิ์เป็นศรีให้กับวงตระกูลเราบ้าง มีแต่เรื่องชั่วช้าสามานย์ทั้งนั้น..."

พิศเพลินกลัวกมลทัตจะพูดไปมากกว่านี้เลยขอยุติเรื่องโดยกล่าวว่า "พอเถอะค่ะ ไหนๆลูกก็ปลอดภัยกลับมาก็ดีถมไปแล้ว"

"ลูกเหรอ ไอ้ไพร่สถุลอย่างนี้น่ะเหรอลูกของเรา พูดออกมาได้"

พิศเพลินยกมือชี้หน้ากมลทัต "อย่ามาพูดกับลูกของเราอย่างนี้ คุณกมลทัต"

ภาสกรเห็นเรื่องจะเปิดมากขึ้นเลยเข้ามาห้าม "ท่านครับ ไหนๆเรื่องก็แล้วไปแล้ว อย่าใส่ใจเลยครับ" กมลทัตชักรู้สึกตัว แต่จะหยุดไปเฉยๆก็กลัวเสียฟอร์มเลยตวาดไล่ทั้งสองคนแม่ลูกให้ไปพ้นๆ ภาสกรยังบอกให้กมลทัตใจเย็นๆ กมลทัตบอกว่า

"ใจเย็นได้ยังไงวะ แกไม่เห็นสร้อยนั่นเหรอ สร้อยกับแหวนที่เทียนเอาออกมาให้ตำรวจดูนั่นแหละ มันคือแหวนประจำตระกูลที่พ่อให้กับลูกสาวของฉันตอนเกิด แล้วมันไปอยู่กับเทียนได้ยังไงแกเข้าใจไหม?" ภาสกรตาโต สีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาทันที

ส่วนพวกโรม พอกลับถึงบ้านโรมก็เฉ่งเทียนเป็นการใหญ่เรื่องทำอะไรไม่บอกเขาก่อน และคาดโทษว่าถ้ามีเรื่องอย่างนี้อีกทีเขาจะขังเธอเอาไว้เลย เทียนรับฟังอย่างสงบ แต่ ลักษมนไม่พอใจเถียงแทนว่าเทียนไม่ผิด ของหายเธอก็อยากได้คืน และว่าโรมว่า "เพราะพี่โรมใช้วิธีเผด็จการอย่างนี้น่ะซิ เทียนถึงทำอะไรโดยไม่บอกก่อน"

"แกไม่เกี่ยวเจ้าลัก แกไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉันกับเทียน" โรมดุลักษมน

ลักษมนเถียงทันที "ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์ ผมก็เป็นห่วงเทียนเหมือนกัน เทียนไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยที่พี่จะขู่เข็ญอะไรยังไงก็ได้ ต่อไปนี้ผมจะดูแลรับผิดชอบชีวิตของเทียนเอง"

"แกหมายความว่ายังไง" โรมถามอย่างสงสัยคำพูดของลักษมน

"เพราะผมรักเทียน" ลักษมนตอบเต็มปากเต็มคำ โรมสะดุ้ง ลักษมนชี้ไปที่มนทิราพลางพูดต่อไปว่า

"พี่ก็มีคุณมนอยู่แล้ว จะเก็บเทียนเอาไว้ทำไม มาพูดกันอย่างลูกผู้ชายเลยดีกว่า พี่คิดอะไรกับเทียน"

"พอแล้ว แกเลิกพูดได้แล้วเจ้าลัก แล้วเลิกคิดเพ้อเจ้อกับเทียนซะด้วย" โรมทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่คำพูด

ต่อมาของลักษมนทำให้โรมต้องหยุดอยู่กับที่

"ห้ามใครก็ห้ามได้ แต่อย่ามาห้ามผม เพราะห้ามไม่ได้หรอก อย่างน้อยผมก็กล้าพูดว่ารักเทียน ไม่ต้องทำอ้ำๆอึ้งๆแอบอ้างโน่นแอบอ้างนี่แบบพี่หรอก"

โรมถลันเข้าใส่ลักษมนทันที สองคนกอดปล้ำฟัดเหวี่ยงกัน ป้าทิพย์กับมนทิรารีบเข้ามาจับแยก โรมชี้หน้าลักษมน "ไปให้พ้นหน้าฉัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนแกนายลัก เสียแรงที่ฉันเลี้ยงดูแกมาจริงๆ"

"ไปแน่ ไม่ต้องมาลำเลิกบุญคุณ ต่อไปนี้ผมจะไม่พึ่งพาอะไรพี่อีกต่อไป ผมจะไปสร้างชีวิตของตัวเอง แข็งแรงมั่นคงเมื่อไหร่ผมจะกลับมารับเทียน" ลักษมนผลุนผลันออกไป เทียนวิ่งตามไปขอร้องยังไงก็ไม่ฟัง บอกแต่ให้เทียนรอเขา เขาจะกลับมารับเธอทันที เมื่อมีฐานะมั่นคงแล้ว

มนทิรากับป้าทิพย์ที่ยังอยู่ในห้องกับโรมต่างคนต่างบอกว่าสงสารลักษมน ไปแล้วจะมีที่อยู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ โรมหน้าบึ้งบอกว่า "ปล่อยเขาไป โตๆกันแล้วไม่ใช่เด็กๆ มันไม่ไปตายหรอก ป้าทิพย์ไม่ต้องฟูมฟาย ส่วนคุณก็กลับบ้านกลับช่องได้แล้ว ขอบคุณที่ห่วง ผมอยากอยู่คนเดียว"

ป้าทิพย์กับมนทิราจ๋อยพากันเดินออกไป แทนที่จะกลับไปบ้านตัวเอง มนทิรากลับชวนป้าทิพย์ไปเอาเรื่องกับเทียน พอเจอหน้าป้าทิพย์ก็ใส่เลย "ฉันเลี้ยงฉันดูแลพี่น้องบ้านนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยเห็นพวกเขาจะวิวาทบาดถลุงกันได้ขนาดนี้ เธอนี่มันเหลือเกินจริงๆ เทียน"

"อย่าไปตำหนิเทียนเขาเลยค่ะป้าทิพย์ คนมันเสน่ห์แรงก็อย่างงี้แหละค่ะ คนโน้นก็รัก คนนี้ก็หลง" มนทิราเสริม เทียนมองหน้ามนทิราแล้วพูดออกมาว่า

"เทียนไม่ได้ตั้งใจให้นายหัวกับคุณลักทะเลาะกันนะคะ เทียนเสียใจจริงๆที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทั้งๆที่มันเป็นความผิดของพี่มน" ทั้งป้าทิพย์และมนทิราสะดุ้งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เทียนพูดต่อไปว่า "พี่มนเอาสร้อยกับแหวนของเทียนไปให้พี่ชาญทำไมคะ ต่อหน้าทำเป็นดีกับเทียน ลับหลังก็ทำร้ายกันอย่างนี้ คนดีๆเขาไม่ทำกันหรอกค่ะ แบบนี้เขาเรียกว่าหน้าไหว้หลังหลอก"

"อ๋อ ที่แท้โจรที่จับเธอไปก็คือพี่ชายของเธอเอง ป้าคะ ได้ยินแล้วใช่มั้ย เรื่องนี้โรมไม่รู้คงไม่ได้" มนทิรากระเหี้ยน กระหือรือทันที ป้าทิพย์ทำท่าจะวิ่งไปหาโรม แต่เสียงเทียนพูดต่ออีกว่า

"งั้นนายหัวก็ต้องรู้ด้วยว่า คุณจงใจแอบเอาสร้อยไปให้พี่ชาญ แล้วมาโกหกพวกเราว่าถูกวิ่งราว..." มนรีบดึงมือป้าทิพย์เอาไว้ เทียนยิ้มเยาะ "ทั้งคุณกับฉันต่างก็มีความจำเป็นที่ต้องโกหก เพราะฉะนั้นเรามาตกลงกันดีไหมคะ..." เทียนเดินนำไป ป้าทิพย์ถามมนทิราว่าที่เทียนพูดน่ะจริงหรือ มนทิรา กลับบอกว่าที่เธอทำทุกอย่างก็เพื่อให้โรมรอดพ้นจากเด็กเจ้ามารยาคนนี้ มนจัดการมันได้ค่ะ

สองคนไปตกลงกันในห้องเทียน เถียงกันอีกเป็นครู่ก่อนเทียนจะสรุปว่า "ละครที่คุณว่ามันเป็นน้ำเน่าเรื่องนี้ ถ้าอยากให้มันจบต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน" มนทิราท้าว่า ขอให้มันจริงเถอะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน แล้วต่างก็แยกกันไป เทียนเดินไปที่ห้องทำงานของโรมพอดีโรมเปิดประตูออกมา เทียนยังไม่ทันจะพูดอะไรโรมก็สั่งว่า "ไปเก็บข้าวเก็บของจัดกระเป๋าซะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า" เทียนรู้ว่าโรมหมายถึงไปชุมพรนั่นเอง

ooooooo

กมลทัตยิ่งกลุ้มก็ยิ่งมีเรื่องเพิ่มให้กลุ้มอีก นอนกลางคืนก็ฝันว่าพ่อตัวเองมาบีบคอด่าว่าเขาเรื่องที่ฆ่าคนตายไปหลายคนแล้วก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาฝันว่าพ่อด่าเขาว่า "ไอ้ลูกเนรคุณ อกตัญญู ฉันจะไม่ยอมให้แกก่อกรรมทำเข็ญกับใครเขาอีกแล้ว" พ่อขึ้นนั่งคร่อมตบตีและบีบคอเขา กมลทัตดิ้นรนร้องโวยวายจนพิศเพลินต้องปลุก เขาจึงรู้ว่าที่แท้แล้วเขาบีบคอตัวเองอยู่ ร้องอย่างโล่งใจว่าเป็นความฝันเหรอเนี่ย แต่ก็ยังรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี

พอไปทำงานก็ไปเจอเลขาฯคนใหม่กำลังอี๋อ๋อกับชายชู้ อยู่ในห้องทำงานของเขา กมลทัตยิ่งโกรธ คว้าปืนออกมาจะ ยิงทิ้งเสียทั้งคู่ ดีแต่ภาสกรเปิดประตูเข้ามาเห็นจึงโดดเข้าแย่งปืนร้องห้ามว่า

"อย่าครับท่าน ใจเย็นๆ ไม่คุ้มค่าหรอกครับ...ไปสิ รีบไสหัวออกไปทั้งคู่" ประโยคหลังไล่เลขาฯกับชู้ออกไป สองคนแทบจะวิ่งออกไปเลย กมลทัตยังไม่หายแค้นร้องสั่งภาสกรให้ไปจัดการเก็บสองคนนั่น แบบเอาให้ตายอย่างหมาข้างถนนเลย ภาสกรบอกว่า "ไอ้พวกมดปลวกปล่อยไปก่อนเถอะครับ เอาเรื่องใหญ่ๆก่อนดีกว่า ตอนนี้ไอ้โรมมันอพยพออกจากบ้านตั้งแต่ เช้ามืดแล้วครับ ไม่รู้ว่าไปไหน สายของเราที่ผมให้เฝ้าไว้ขับรถตามมันไปไม่ทันครับ"

"มันจงใจเอาตัวเด็กเทียนหนีไป มันต้องกำลังวางแผนเล่นงานฉันแน่ๆ" กมลทัตโวย ภาสกรเลยแนะนำว่ายังมีคนอีกคนหนึ่งที่จะช่วยเราได้ และคนที่เขาแนะนำก็คือมนทิรานั่นเอง

มนทิรากำลังหัวเสียที่โทร.หาป้าทิพย์เท่าไหร่ก็ไม่มี เสียงตอบรับ เลยด่าป้าทิพย์ไปสองสามคำ พอเปิดประตูลิฟต์จะก้าวออกไปก็เจอกมลทัตกับภาสกรยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย มนทิราเลยต้องพากลับขึ้นไปที่ห้องตัวเองใหม่ พอหย่อนก้นลงนั่งกมลทัตเอ่ยปากทันที

"ฉันอยากรู้เรื่องสร้อยกับแหวนของเทียน เพราะเรื่องนี้มันสำคัญกับฉันมาก"

"เห็นว่าแม่ให้มา บังเอิญไอ้ชาญพี่ชายของเทียนมันร้อนเงิน ฉันก็อยากจะแกล้งเทียนอยู่แล้วเลยให้ไอ้ชาญไป..."

"แล้วมันบอกหรือเปล่าว่าพ่อแม่มันชื่ออะไร ชื่อใช้กับถมยาหรือเปล่า?" กมลทัตซักแบบหายใจหายคอไม่ทันเลย มนทิราส่ายหน้าตอบว่า

"มันไม่ได้บอกชื่อพ่อกับแม่ บอกแต่ว่าอยู่ที่ประจวบฯ แล้วเทียนก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของมันด้วย พ่อแม่เก็บเด็กเทียนจากไหนไม่รู้มาเลี้ยงเอาไว้"

กมลทัตตาโต "แล้วเธอรู้ที่อยู่ของไอ้ชาญมั้ยว่า ตอนนี้ มันอยู่ที่ไหน?" มนทิราพยักหน้าแล้วรีบจดที่อยู่ของชาญให้กมลทัตเดี๋ยวนั้นเลย สองคนพากันกลับไป ระหว่างที่เดินอยู่ในลานจอดรถของคอนโดฯ กมลทัตส่งกระดาษที่มนทิราจดที่อยู่ของชาญให้ภาสกร ภาสกรรับไปดูแล้วบอกว่าเบอร์โทร.กับห้องเช่าหาไม่ยากหรอกครับท่าน มนทิราที่ลงมาด้วยพูดว่า

"ฉันข้องใจมานานแล้ว ไอ้ประวัติภูมิหลังของเทียนนี่มันสำคัญอะไรหนักหนา ทำไมทุกคนต้องปิดบังไม่ยอมบอกความจริงกับฉันด้วย โรมก็อีกคน..."

"มันไม่สำคัญอะไรกับเธอหรอก เอาเป็นว่าขอบใจมากที่ให้ข้อมูลไอ้ชาญกับฉัน"  กมลทัตเดินนำไปขึ้นรถแต่ภาสกรยังรีรอจะพูดกับมนทิรา พอเห็นกมลทัตเดินไปแล้วเขาจึงส่งนามบัตรของตัวเองให้เธอ บอกว่า

"ถ้าอยากกำจัดเทียนให้พ้นทางไปจากโรม ไปสืบดูว่าตอนนี้โรมพาเทียนไปอยู่ที่ไหน แล้วโทร.บอกผมโดยตรงก็แล้วกัน" พูดเสร็จก็รีบวิ่งตามกมลทัตไปเพื่อเปิดประตูรถให้ทัน

ส่วนโรม พอขับรถไปถึงบ้านที่สวนปาล์มก่อนลงจากรถก็สั่งป้าทิพย์กับเทียนว่าอย่าติดต่อหรือโทร.บอกใครว่าพวกเรากลับมาอยู่ที่นี่ ปิดเครื่องซะให้หมด

ป้าทิพย์ทำหน้าจ๋อยๆเพราะอยากโทร.คุยกับมนทิรา เลยถามออกมาว่า "มีเรื่องอะไรเหรอคะนายหัว"

"เปล่า ฉันต้องการมาพักผ่อน เฉพาะพวกเราเงียบๆไม่อยากให้ใครมารบกวน คงไม่มีใครขัดคำสั่งฉันนะ"

พอเหลือกันอยู่สองคนป้าทิพย์ก็พูดกระแหนะกระแหนเทียนตลอดเวลาเรื่องที่โรมกับลักษมนทะเลาะกัน พูดยังงั้นยังงี้จนเทียนเบื่อที่จะฟัง "หล่อนทำพวกพี่น้องเขาบ้านแตกสาแหลกขาด พี่ไปทาง น้องไปทาง คงหวังจะให้เหลือแค่หล่อนกับคุณโรมเท่านั้นละซิ" พอเทียนอ้าปากจะอธิบายป้าทิพย์ก็ชิงพูดอีก "ไม่ต้องมาแก้ตัว อย่านึกนะว่าหล่อนจะชนะหนูมนได้ รู้จักสำนึกถึงหัวนอนปลายตีนของตัวเองบ้าง" เทียนเลยหนีออกไปจากห้องนั้น

ส่วนภาสกรก็ออกตามหาชาญตามที่อยู่ที่มนทิราให้มา ชาญกำลังนอนป่วยอยู่เพราะถูกซ้อมมาจากบ้านเฮียปอ  เขาเห็นภาสกรเข้ามาหาก็จำได้ว่าเคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งที่ประจวบฯ แต่เพราะลุกหนีไม่ไหวเลยแกล้งทำเป็นถามว่าภาสกรเป็นใครมาหาเขาทำไม ภาสกรตอบเสียงเข้มๆว่า

"ฉันเป็นได้ทั้งมัจจุราชหรือเทวดา ที่ชุบชีวิตแกก็ได้ ไอ้ชาญ" เท่านั้นเองชาญก็คายความลับของเทียนจนหมด ภาสกรรีบโทร.ไปบอกกมลทัตทันที กมลทัตมือไม้สั่นถามทวนว่า

"ใช่มันจริงๆเหรอ มันเป็นลูกของไอ้ใช้กับนังถมยาแน่นะ"

ภาสกรตอบมาว่า "พี่ชายมันยืนยันชัดเจนครับ แต่คราวนี้ผมขอจัดการตามวิธีของผมเองนะครับท่าน" กมลทัตฟังภาสกรว่ายังงี้ก็สะดุ้ง พยายามจะพูดต่อแต่ทางภาสกรปิดโทรศัพท์ไปแล้ว กมลทัตหน้าเครียดเหลียวหากุญแจรถ พอเจอก็รีบหยิบเดินจะออกประตู ลูกน้องอีกคนโผล่เข้ามาบอกว่าโทรทัศน์ช่องที่นัดสัมภาษณ์มารออยู่ในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว กมลทัต จะขอเลื่อนก็ไม่ได้ ผู้จัดการที่ตามเข้ามาอีกคนบอกว่า

"บริษัทเช่าเวลาเอาไว้เป็นช่วงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจของเราเลื่อนไม่ได้หรอกครับ" กมลทัตหน้าบูดแต่ก็ต้องเดินไปให้สัมภาษณ์

ส่วนภาสกรกำลังให้ลูกน้องลากตัวชาญไปขึ้นรถ เพราะกลัวว่ากมลทัตจะมาขัดขวาง ชาญไม่ยอมไป ถามภาสกรว่าจะเอาเขาไปไหน ภาสกรตอบเสียงเหี้ยม "ก็เอาไปรักษาพยาบาลหาข้าวหาปลาให้กิน ถ้าทำตัวดีๆก็จะให้เงินเอ็งใช้ด้วย" พยักหน้าให้ลูกน้องซึ่งรีบจับตัวชาญยัดเข้าไปในรถทันที เสร็จแล้วหันมาถามภาสกรว่าจะเอายังไงต่อไป ภาสกรตอบว่า

"ไปถอนรากถอนโคนนังตัวการที่ฉันตามล่าตัวมาตลอดสิบกว่าปีไง!"

นังตัวการที่ภาสกรเอ่ยถึงก็คือเทียนเพราะตอนที่กมลทัตใช้ให้ภาสกรไปฆ่าใช้กับถมยาโดยวิธีขับรถชนนั้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิเอาศพใช้กับถมยาไปโรงพยาบาลโดยมีเทียนที่บาดเจ็บเล็กน้อยติดรถไปด้วย ภาสกรขับรถตามไปนั่งคอยอยู่หน้าโรงพยาบาล ให้ลูกน้องเข้าไปตามข่าว ลูกน้องกลับมาบอกเขาว่าเด็กที่นั่งมาในรถเป็นลูกชายไม่ใช่ลูกสาวและตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ภาสกรสั่งว่างั้นก็ไปลากตัวลูกชายมันมาเค้นถาม ลูกน้องชักลังเลบอกว่าเราทำเกินคำสั่งแบบนี้เจ้านายไม่เล่นงานแย่หรือครับ ภาสกรตอบกลับไปว่า "ถ้าไม่ฆ่ามันทิ้ง วันหน้าเกิดมันออกมาแฉก็เน่ากันหมด อั๊วไม่ยอมให้ที่ลงทุนมาสูญเปล่าหรอกโว้ย" ลูกน้องเลยต้องวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้ง ตอนนั้นภาสกรมองไม่เห็นเทียนเพราะยังเด็กมากเดินสวนออกไปจากโรงพยาบาล เรื่องเลยยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้

ooooooo

เทียนเหงาเลยออกมาขี่รถเล่นแต่ออกไปนอกสวนปาล์มไม่ได้เพราะโรมสั่งคนงานไว้ไม่ให้ใครเข้าใครออก แม้กระทั่งปารวดีกับหมอเผ่าที่มาสวนปาล์มเพราะคำสั่งเรียกจากโรม กว่าจะเข้าได้ก็ต้องเรียกป้าทิพย์ให้ออกไปยืนยันกับพวกคนงาน ปารวดีทรุดตัวลงนั่งกระพือลมพัดไล่ความร้อนบ่นออกมาว่า

"นึกว่าค่ายทหารซะอีก กว่าจะเข้ามาได้"

"มีอะไรเหรอครับป้าทิพย์ ทำไมต้องเข้มงวดเรื่องเวรยามกันขนาดนี้" หมอเผ่าข้องใจ

ป้าทิพย์ที่คันปากมาหลายวันแล้วเพราะไม่รู้จะด่าเทียนกับใครรีบบรรยายทันที "ก็แม่นางเอกของเราไงคะถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คุณโรมเลยต้องพาหลบมาที่นี่...ยังไม่จบแค่นั้นนะคะ พี่น้องทะเลาะกันใหญ่โต คุณโรมกับคุณลักประกาศตัดพี่ตัดน้องกันไปแล้วเพราะเด็กเทียนนี่คนเดียวแท้ๆ เห็นมั้ยป้าเตือนแล้วว่าซักวันต้องเกิดเรื่องอย่างนี้แน่ๆ แล้วเป็น..."

"ฮะแอ้ม..." เสียงโรมกระแอม ป้าทิพย์สะดุ้งเหมือนโดนติดเบรก รีบลุกขึ้นเดินหนีออกไปทันที โรมเข้ามานั่งแทนที่ ปารวดีรีบถาม

"เกิดเรื่องวุ่นวายร้ายแรงอย่างที่ป้าทิพย์พูดจริงๆเหรอคะพี่โรม"

"ฮื่อ..." โรมพยักหน้าแล้วพูดต่อ "ฉันถึงได้โทร.ตาม พวกเธอมานี่ไงล่ะ" สามคนนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียด ส่วนป้าทิพย์หนีโรมออกมานอกห้องยังรู้สึกว่าด่าเทียนยังไม่สะใจ ไปพบพวกเด็กที่ทำงานบ้านกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่กับเพื่อนเลยดุว่าเอาเวลาทำงานมานั่งคุยเล่น ต้องลงโทษ ว่าแล้วก็สั่งเด็กให้ส่งข้อความไปหามนทิราให้หน่อย เด็กกลัวเลยจัดการให้ มนทิรากำลังนั่งคุยอยู่กับเจนเพื่อนสนิทเห็นมีข้อความเข้าจึงเปิดดู บอกกับเพื่อนว่า ป้าทิพย์บอกมาว่าโรมพานังเทียนไปอยู่สวนปาล์มที่ชุมพร และห้ามทุกคนติดต่อหรือบอกเรื่องนี้กับใคร   แต่ทั้งที่รู้อย่างนี้มนทิราก็รีบโทร.ไปบอกภาสกรถึงที่อยู่ ของเทียนทันที ภาสกรสั่งมนทิรามาว่า

"เอาอย่างนี้ คุณไปที่สวนปาล์มไอ้โรมมัน แล้วเข้าถึงตัวเทียนให้ได้ เฝ้าเอาไว้ดีๆก่อนแล้วเรื่องอื่นเราค่อยคุยกันทีหลัง" คำพูดของภาสกรทำให้ชาญที่อยู่ในรถด้วยถามว่า ในเมื่อรู้ว่าเทียนอยู่ที่ไหนแล้วทำไมไม่ไปหา ภาสกรตอบว่า "เราจะไปหาครูพรกัน"

"ครูพร...ไปหาครูพรทำไมต้องเอาผมไปด้วย ก็ผมเล่ารายละเอียดเรื่องครูพรกับไอ้เทียนให้ฟังหมดแล้วนี่ คุณให้เงินแล้วก็ปล่อยผมไปสิ"

"ยัง งานแกยังไม่เสร็จ อย่าพูดมาก อยู่เฉยๆเดี๋ยวดีเอง" ชาญจ๋อย

ภาสกรให้สมุนขับรถมาจนถึงบ้านครูพร ยื่นปืนให้ชาญ ชาญสะดุ้งถามว่าเอาปืนมาให้ทำไม ภาสกรสั่ง "เอาไปยิงครูพร ยิงกบาลให้ตายคาที่เลย"

"เฮ้ย...ไม่เอา ผมไม่ฆ่าครูพรหรอก จะบ้าเหรอ" แต่ถูกภาสกรตบหัวเข้าไปทีหนึ่งชาญก็ต้องถือปืนลงจากรถเดินไปที่บ้านครูพร  ไปเจอพวกเด็กสามสี่คนกำลังนั่งเล่นกันอยู่  พอถามถึงครูพร เด็กบอกว่า

"มีคนมารับไปไหนไม่รู้ ให้พวกหนูเฝ้าบ้าน" ภาสกรกับสมุนมองตากัน ชาญค่อยๆผ่อนลมหายใจ

ที่แท้คนที่มารับตัวครูพรไปก็คือโรมนั่นเอง เขามากับหมอเผ่า พอรถเริ่มแล่นโรมก็แนะนำครูพรให้รู้จักกับหมอเผ่า โรมบอกครูพรว่า เขารีบมารับครูพรให้ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ครูพรถามว่าเป็นพวกที่ตามหาเทียนหรือ  หมอเผ่าตอบว่าใช่ มันขู่เอาไว้จะไล่ล่าพวกเรา โรมพูดเสริมว่ามันไม่ต้องการให้เทียนเปิดเผยฐานะที่แท้จริงให้ใครรู้

"แล้วตกลงว่า ฐานะที่แท้จริงของเทียนเป็นอะไรแน่?" ครูพรถาม

โรมตัดบทว่า "ถึงบ้านผมแล้วค่อยคุยกันดีกว่าครับครู"

มนทิรามาสวนปาล์มโรมตามคำสั่งของภาสกรแต่ว่าพวกคนงานไม่ให้เข้า มนเลยแกล้งทำเป็นลม คนงานไปบอกป้าทิพย์ให้มาดู พอมาถึงเห็นว่าเป็นมนทิราป้าทิพย์รีบกุลีกุจอให้คนงานหามเข้าไปในบ้าน มนทิราทำเป็นเพิ่งฟื้นจำเรื่องไม่ค่อยได้ ป้าทิพย์เลยแจงให้ฟังทั้งๆที่รู้กับมนทิราอยู่แล้ว มนทิราพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง

"อ๋อ...มนจำได้แล้วค่ะ มนคิดถึงโรม ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอเลยสุ่มขับรถมาที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจนเป็นลมไป...อ้าวปา...เทียน ขอโทษนะที่มารบกวน"

"รบเกินรบกวนอะไรกัน ไปๆป้าจะพาไปนอนพักที่ห้องรับรอง" ป้าทิพย์ว่า แต่โดนปารวดีเบรก

"ป้าทิพย์คะ พี่โรมสั่งไม่ให้คนนอกมาที่นี่นะคะ"

"พูดอย่างนี้ได้ยังไงหนูปา หนูมนไม่ใช่คนนอกสักหน่อย คู่หมั้นเก่าคุณโรมแท้ๆทำเป็นคนอื่นคนไกลกันไปได้ จะไม่ใจร้ายไส้ระกำไปหน่อยเหรอคะ"

ปารวดีอึ้ง เทียนแตะแขนบอกว่า "ให้พี่มนนอนพักที่นี่ก่อนเถอะค่ะพี่ปา ได้พักผ่อนอาการจะได้ดีขึ้น นายหัวคงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ" ป้าทิพย์รีบประคองมนทิราไป พอลับหลังสองคนนั่นทั้งป้าทิพย์และมนทิราตีมือกันอย่างดีใจ แต่ก็ยังหนักใจด่านโรมอีกคนว่าจะเต็มใจต้อนรับมนทิราหรือเปล่า สองคนนั่งคอยการกลับมาของโรมอย่างกังวล

โรมพาครูพรไปพักที่บ้านในป่าหลังหนึ่ง และเล่าประวัติของเทียนให้ครูพรฟัง ครูพรแทบไม่เชื่อพูดออกมาว่า "เป็นไปได้ยังไงที่พ่อจะคิดอาฆาตมาดร้ายกับลูกตัวเองถึงขนาดนี้" หมายถึงกมลทัต

"คนอย่างกมลทัตมันทำได้ทุกอย่างแหละครับ สลับลูก ฆ่าหมอตำแย แม้แต่น้องชายคลานตามกันมามันก็ไม่เว้น" ครูพรยิ่งวิตกหนักขึ้นไปอีก ถามว่าเทียนรู้ความจริงเรื่องนี้หรือยัง โรมบอกว่ายัง ครูพรเลยติงว่า

"อ้าว...ทำไมคุณโรมไม่บอกความจริงให้เทียนรู้ซะล่ะ เรื่องอย่างนี้ต้องให้เทียนรู้ตัวสิ จะได้ระวังป้องกันตัวเอาไว้ก่อน"

"เทียนเขาซื่อเกินไป คนอ่อนต่อโลกอย่างเทียนคงไม่ยอมเข้าใจ ผมพยายามให้กมลทัตจำนนต่อหลักฐานทั้งหมดแล้วจึงจะเปิดเผยความชั่วของมันเลยทีเดียว"

"เรื่องอย่างนี้ควรจะให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการจะดีกว่านะคะ" ครูพรออกความเห็น หมอเผ่ารีบสนับสนุนทันที

"ถูกต้องครับ เป็นเหตุเป็นผลที่สุด ครูช่วยพูดให้โรมมันเชื่อสักครั้งเถอะครับ ผมพูดกับมันจนเหนื่อยแล้ว"

โรมส่ายหน้าบอกว่า "มันมีเงิน มีทนายโจรเป็นเครื่องมือ กฎหมายเล่นงานมันยาก ถึงขั้นนี้เราต้องมีแต่จับให้มั่นคั้นให้ตายให้มันดิ้นไม่หลุดถึงจะหยุดมันได้ ครูพรเชื่อผมเถอะครับ อีกไม่นานหรอก และขอให้ครูวางใจได้ ผมไม่เคยคิดร้ายกับเทียน และที่ผมพาครูมาอยู่ที่นี่ก่อนก็เพื่อความปลอดภัยของครู"

คุยกันจนครูพรเข้าใจดีแล้วโรมก็ลากลับไป ขับรถกลับเข้าสวนปาล์มพอถึงบ้านมองไปเห็นรถของมนทิราจอดอยู่ โรมลงจากรถมายืนดูพร้อมกับหมอเผ่า ปารวดีที่นั่งคอยอยู่รีบเดินมาหาหน้างอ "นี่เขามาได้ยังไง ใครให้เข้ามา" โรมถามเสียงเครียด

"ไม่มีใครให้เข้ามาหรอกค่ะ พยายามกันแล้วแต่ไม่สำเร็จ ป้าทิพย์ต้อนรับขับสู้ตัวเป็นเกลียว ตอนนี้ก็เปิดห้องรับรองให้เข้าไปพัก  คงนอนอยู่ที่ห้องนั้นแหละ"  โรมเดินแทบจะเป็นวิ่งไปที่นั่นทันที เปิดประตูพรวดเข้าไปโดยไม่เคาะ ป้าทิพย์ที่เสนอหน้าอยู่ในห้องนั้นทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมรีบบอกว่า

"หนูมนขับรถมาจากกรุงเทพฯ  มาถึงไม่ค่อยสบาย  ป้า เลยให้นอนพักก่อน"

โรมขมวดคิ้วเดินเข้าไปใกล้มนทิราแล้วยกหลังมืออังหน้าผาก "ตัวไม่เห็นร้อนนี่ แล้วมีธุระอะไรถึงได้มาถึงนี่"

มนทิราทำหน้าอ้อน "ก็มนกลัวนี่ ใครก็ไม่รู้มาด้อมๆมองๆที่คอนโดฯทุกวัน แถมยังโทรศัพท์มาขู่ที่ห้องด้วย"

"เอ๊ะ แซมก็ยังอยู่ในคุกนี่" โรมซักแบบไม่ค่อยเชื่อ แต่มนทิราก็ยืมเมือกปลาไหลมาทาตัวบอกว่า

"ไม่ใช่แซมหรอก มันยังพูดขู่มาถึงโรมด้วยนะ มนก็เลยเป็นห่วงรีบมาเตือนโรมนี่แหละ"

"แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่ ใครเป็นคนบอก" ป้าทิพย์ที่เป็นคนบอกสะดุ้งโหยงรีบขอตัวบอกว่าจะไปเตรียมอาหารก่อน แล้วรีบออกไปเลย โรมมองตามหลังอย่างรู้ทัน มนทิราเลยบอกว่าไม่เห็นต้องมีใครบอก  เพราะไปหาเขาที่บ้านไม่เจอใครสักคนเดียว  บอกแต่ว่าไปต่างจังหวัดกันหมด  เธอเลยเดาได้ว่าต้องมาที่นี่แน่ๆ  แถมยังทำเป็นสงสัยว่าเป็นพวกกมลทัตหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ตามรังควานเธอ โรมฟังแล้วถอนใจไม่รู้จะว่ายังไงดี

"เอาล่ะๆมันจะเป็นใครก็ช่าง อาจจะพวกโรคจิตธรรมดาๆก็ได้ คุณไม่ต้องกลัว เดี๋ยวตอนคุณกลับไปผมจะแจ้งขอให้ตำรวจไปอารักขาให้" โรมพูดตัดบท

"แหมโรม นี่คุณจะไล่มนกลับกรุงเทพฯอย่างนั้นเหรอคะ ไหนว่าเรายังเป็นเพื่อนกัน รู้สึกดีๆต่อกัน นี่มันไม่ใช่แล้ว ไม่มีความไว้วางใจกัน มีอะไรก็ไม่บอก อยู่ดีๆก็พาเทียนหนีมาอยู่ที่นี่ อ๋อ...หรือว่าจะให้เทียนหนีคุณลักมาไกลๆเพราะคุณหึง เอ๊ะ...ก็ไหนโรมบอกว่าไม่เคยรักเทียนเลยไงคะ" มนทิราพูด แบบนี้เพราะเห็นเทียนยืนอยู่หน้าประตู  โรมบอกว่าเรื่องที่พูดกันอยู่นี่ไม่เห็นเกี่ยวกับเทียนเลยสักหน่อย มนทิรายิ่งได้ช่องใหญ่

"แล้วมันเรื่องอะไรสำคัญหนักหนาต้องปิดเป็นความลับ ไม่ให้ใครรู้ว่ามาอยู่กันที่นี่ มนถามป้าทิพย์ดูแล้ว ไม่มีใครรู้เหตุผล  แม้แต่เทียนเองก็ไม่รู้"

โรมเค้นเสียงหัวเราะใส่มนทิรา "คุณนี่คิดมากจริงๆเห็นมั้ย...ถ้าผมรักเด็กคนนี้จริงๆ  เทียนก็ต้องรู้ทุกเรื่องสิ  จริงมั้ย" โรมหารู้ไม่ว่าคำพูดของเขาทำให้เทียนที่ยืนฟังอยู่เสียใจจนวิ่งหนีไปจากตรงนั้น

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น