หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

เงากามเทพ ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

วันนี้โรมพาเทียนไปห้างสรรพสินค้า เขาใจดีพาเธอไปหาซื้อกระเป๋าถือเพื่อจะได้หิ้วไปไหนๆกับเขาให้สมฐานะหน่อย เดินเลือกหลายร้านแล้วเทียนก็ยังไม่ถูกใจ เอาแต่ติว่ามันแพงเกินไป ยิ่งเข้ามาร้านขายกระเป๋าที่เป็นยี่ห้อมีชื่อ เทียนมองดูราคาแต่ละใบแล้วลองนับศูนย์ว่ามีกี่ตัวก่อนจะดูเลขตัวหน้า

"โอ้โฮ...สี่หมื่น" เทียนร้องเสียงดังลั่นร้าน แถมยังหันไปบอกโรมอีก

"กระเป๋าใบแค่นี้สี่หมื่น เขาติดราคาผิดหรือเปล่าคะเนี่ย"

พนักงานขายตกใจหันไปดูหน้าโรม โรมเลยแกล้งดุเทียนว่า

"เลิกเล่นได้แล้วเทียน ฉันบอกให้เธอเลือกใบที่ชอบก็เลือกไป ราคาไม่ต้องสน...นี่ๆ ใบนี้ฉันว่าเหมาะกับเธอนะ" โรมหยิบยี่ห้อแอเมสขึ้นมา พนักงานรีบเข้ามาเชียร์ทันที

"รุ่นล่าสุดค่ะ เพิ่งจะส่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง หนังลูกวัวแท้ มีใบรับประกัน ตอนนี้นะคะในเมืองไทยมีแค่ไม่กี่ใบ..."

"ราคาเท่าไหร่ครับ" โรมพลิกดูกระเป๋า

พนักงานขายกดดูรหัสสินค้าในเครื่องคอมฯมือถือแล้วบอกว่า "เจ็ดหมื่นสองพันค่ะ"

"โอ๊ย...เจ็ดหมื่นสอง" เทียนร้องเหมือนถูกผึ้งต่อย "ซื้อมอเตอร์ไซค์ได้ตั้งสองสามคันแน่ะ"

โรมสะกิดแขนเทียนให้หยุดพูด บอกกับคนขายว่า "ผมเอาใบนี้แหละ"

พนักงานดูในคอมฯมือถือแล้วทำท่าเกรงอกเกรงใจเมื่อบอกโรมว่า "แหม...เสียใจจริงๆค่ะ เผอิญใบนี้มีคนจองไว้แล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะเพราะเพิ่งมาใบเดียวเท่านั้น"

"ดีๆ ดีค่ะ ขายเขาไปเลยค่ะ" เทียนยิ้มแป้นรีบบอกพนักงานขาย

"ผมว่าคนที่จ่ายเงินก่อนน่าจะมีสิทธิ์ได้ก่อนนะ ไปเรียกผู้จัดการมาคุยกับผมก็ได้ ผมยินดีเพิ่มเงินให้" โรมไม่ยอมปล่อยกระเป๋าถือจากในมือ แต่เทียนพูดกับโรมว่า

"อย่าซื้อเลยนะคะ มันแพงมากจัง เทียนหิ้วใบนี้ดีแล้ว" ยกกระเป๋าในมือให้โรมดู แต่กลับถูกโรมดุว่า

"เฉยๆเถอะเทียน กระเป๋าใบเดียวไม่ทำให้ฉันล่มจมหรอก...เอ้าคุณ ว่าไงครับตกลงไหมที่ผมบอกเมื่อกี้"

พนักงานยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงดีเทียนก็หันหลังเดินหนีออกจากร้านไป โรมตกใจร้องถามว่าจะไปไหน เทียนไม่ตอบ โรมจึงต้องวิ่งตามออกไปโดยลืมนึกถึงการ์ดที่เอาให้พนักงานไปรูดจ่ายค่ากระเป๋าไว้ในมือของพนักงานนั่นเอง

ooooooo

ที่ห้องทำงานของผู้จัดการห้าง หญิงสาวชื่อเจน ซึ่งเป็นเพื่อนของมนทิรากำลังหัวเราะอย่างขบขันกับเรื่องที่มนทิราเล่าให้ฟัง จนเจ้าของเรื่องชักโมโหถามว่า
"ขำอะไรนักหนายายเจน ที่ฉันเล่าให้ฟังนี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ"

แต่เจนก็ยังหัวเราะไม่หยุด พูดไปขำไป "เออ...ไม่ขำก็ได้ แต่ฟังแล้วมันชวนขนลุกนะ อะไรกัน มีมัดมีเฆี่ยนกันด้วย นี่ถ้ามีแส้อันเล็กๆเข้าไปอีกคงสนุกน่าดูเลย ผลัดกันเฆี่ยน คนละขวับสองขวับ นึกภาพแล้วอุ๊ยตาย..." เจนปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอีก

มนทิราหน้าคว่ำ "ฉันไม่ใช่พวกซาดิสต์และก็มาโซคิสต์นี่ จะได้มีความสุขกับเรื่องยังงี้ มันไม่ได้ทำร้ายฉันแค่ร่างกายและจิตใจฉันเท่านั้นนะเจน ไหนจะเรื่องเมาหยำเป  การงานไม่ทำ แล้วก็ขี้หึงเป็นบ้าเป็นหลังแบบไม่มีเหตุผลอีกต่างหาก"

"แต่เขาก็มีเงินให้เธอใช้ไม่ขาดมือ หน้าตารึก็โอเคนะ เป็นฉัน ฉันรับได้" เจนบอก

"เธอไม่โดนกับตัวเองก็ไม่รู้หรอกเจน ฉันเองตอนแรกก็โอเค คิดว่าเป็นความสุขของมันแบบนั้น แต่หลังๆนี่ชักแรงขึ้นเรื่อยๆทุกเรื่องเลย และที่สำคัญที่สุดมันไม่ได้ทำกับฉันด้วยความรัก และฉันก็ไม่ได้รักมันด้วย"

เจนมองหน้าเพื่อน ถามออกมาว่า "เธอรู้จักความรักด้วยเหรอ มนทิรา"

มนทิราอึ้ง คิดถึงโรมขึ้นมาทันที ตอบออกมาจากใจว่า "รู้สิ...ฉันเคยมีคนที่ฉันรักนะเจน และผู้ชายคนนั้นก็รักฉันด้วย แต่ฉันทำพลาดเอง..." มนทิราพูดด้วยอาการเหม่อลอย เพื่อนสาวมองหน้าแล้วรู้สึกเห็นใจ

"เอาเถอะ...พอแล้ว ฉันฟังแล้วเศร้า เอางี้...ไปช็อปให้หายเซ็งดีกว่า...นี่ไง กระเป๋ารุ่นที่เธอสั่งเอาไว้เพิ่งส่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง..." เจนส่งแค็ตตาล็อกกระเป๋าให้เพื่อนดู มนทิราเลยไปสนใจกระเป๋าแทนเลิกนินทาแซมไปเลย

สองคนพากันลงบันไดเลื่อนไปข้างล่าง ที่หน้าโต๊ะประชาสัมพันธ์ โรมกำลังบอกประชาสัมพันธ์สาวว่าให้ลองประกาศดูอีกทีเผื่อเด็กที่ตามหาจะไม่ได้ยิน

"ค่ะ ค่ะ ใจเย็นๆนะคะ เดี๋ยวจะประกาศซ้ำให้อีก นี่เพิ่งผ่านไปแค่ 4 นาทีเอง เรียกไปสามครั้งแล้ว เด็กอายุจะ 20 แล้วคงไม่หลงไปไหนหรอกค่ะ เดี๋ยวคงจะมา เธออาจจะเข้าห้องน้ำก็ได้" ประชาสัมพันธ์พูดเอาใจโรม แต่โรมก็ยังทำท่าหนักใจ

"แต่เด็กคนนี้เขาไม่เหมือนเด็กคนอื่น คุณไม่เข้าใจหรอก เอางี้ ช่วยให้ยามตามหาทุกชั้นได้มั้ย ผมยินดีจ่ายค่าแรงให้...หรือว่าจะให้ผมพึ่งตำรวจ" โรมวางไพ่ตาย

ขณะที่ประชาสัมพันธ์ไม่รู้จะทำยังไงดีมนทิราที่เห็นโรมแล้วก็เดินเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ให้โดยเธอเองก็ไม่รู้ตัว โรมถูกจับแขนก็สะดุ้ง แถมได้ยินว่าเป็นเสียงมนทิราเรียกชื่อเขายิ่งสะดุ้งอีกเป็นคำรบสอง แต่มนทิราทำเป็นไม่เห็นท่าทีนั้น

"โรมค่ะ มีเรื่องอะไรซีเรียสหรือเปล่า?"

"เอ้อ...ไม่มีอะไร ก็แค่ตามหาคน" โรมไม่อยากบอก แต่มนทิราก็ทำท่าเอาใจใส่ช่วยเลยเดินตามโรมแจไม่ยอมคลาดเลย แถมยังแนะนำให้โรมไปที่ห้องควบคุมความปลอดภัย ไปดูที่จอมอนิเตอร์ สั่งพนักงานควบคุมให้หันกล้องไปทางนั้นทางนี้ กล้องเลยทำตามจับภาพไปเรื่อยๆ ที่บันไดเลื่อน ที่หน้าห้องน้ำ ที่หน้าลิฟต์ เสียงโรมร้องอย่างตื่นเต้นว่า

"เดี๋ยวๆครับ ตรงนั้นครับ หน้าลิฟต์" ภาพในจอมองเห็นเทียนกำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งประคองเข้าลิฟต์ไปปะปนกับผู้คน มนทิราส่งเสียงวุ้ยว้าย

"ต๊าย ใช่เทียนจริงๆด้วย แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะ ท่าทางสนิทสนมกันจังเลย"

โรมฟังมนทิราพูดยังงี้ยิ่งหน้าเครียด "เช็กดูสิครับ จากชั้นไหนไปชั้นไหนบ้าง"

คนควบคุมกล้องรีบทำตาม ปากก็บรรยายว่า "ออกจากลิฟต์ ชั้นห้าฟู้ดเซ็นเตอร์" โรมไม่ฟังต่อรีบไปที่ลิฟต์ทันทีโดยมนทิราตามแจ ปลอบโรมว่าให้ใจเย็นๆเดี๋ยวก็เจอเทียน แต่โรมตอบว่า

"เย็นได้ไง เด็กของผมถูกล่อลวง ถูกบังคับพาไปยังงั้น"

มนทิราแอบเบ้ปาก "ฮึ...เทียนคงไม่ซื่อให้ใครหลอกได้ง่ายๆหรอกค่ะ"

"น้อยไปซิ" โรมไม่ยอมฟังเร่งเดินหาแทบจะเป็นวิ่ง

ooooooo

พอเลี้ยวหัวมุมโรมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งก้มๆอยู่ตรงหน้าเทียนที่ม้านั่ง เห็นสีหน้าของเทียนเหยเกคล้ายกำลังเจ็บปวด โรมพรวดเข้าไปทันที กระชากชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วง้างหมัด ชายคนนั้นหน้าหงายจนหมวกที่สวมอยู่หลุด กลายเป็นลักษมน โรมชะงัก สองคนนั้นก็ชะงัก ต่างคนต่างร้องเรียกชื่อกันออกมา ลักษมนมองมนทิราอย่างจำได้ โรมเลยทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งอีกตัว มนทิรารีบนั่งกระแซะ โรมถามลักษมนทันทีว่าทำไมถึงมาที่ห้างฯนี้ได้ ลักษมนตอบว่า

"ผมตื่นนอนมาไม่เจอใคร ถามป้าทิพย์ แกบอกว่าพี่โรมพาเทียนมาหาซื้อของที่นี่ ผมเลยตามมา"

"แล้วทำไมต้องใส่หมวกปิดหน้าปิดตา?" โรมชักเสียงเครียด

"ก็ผมไม่ได้สระผม มันเลยชี้โด่เด่น่าเกลียด"

มนทิราไม่สนใจลักษมนกับโรมว่าจะซักถามกันยังไง หันไปเล่นงานเทียน "แล้วเทียนจะไปไหน ทำไมไม่บอกคุณโรมเสียก่อน รู้มั้ยเขาห่วงเทียนแทบแย่ เกือบจะแจ้งตำรวจแล้วนะเนี่ย

"เทียนแค่ไม่อยากให้นายหัวซื้อกระเป๋าแพงๆใบนั้น แต่พอออกมาจากร้านรองเท้าเกิดส้นหัก แล้วคุณลักษมนก็มาเจอเข้าพอดี..."

"ผมก็เลยพาเทียนไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่ แล้วก็กะจะให้เขานั่งรอที่ร้านกาแฟแล้วผมจะไปหาพี่โรม เพราะข้อเท้าเทียนเขาเจ็บน่ะครับ" ลักษมนรีบไขข้อข้องใจแทนเทียน

ขณะนั้นเจนเพื่อนของมนทิราพาพนักงานมาถึงพอดี เธอต่อว่าเพื่อนสาว "อยู่นี่เองยายมน ฉันเที่ยวหาซะทั่ว ไหนล่ะ เด็กที่หาย?"

มนทิราเลยแนะนำเพื่อนสาวให้รู้จักกับโรม เทียน และลักษมน บอกกับโรมว่าเจนเป็นเพื่อนและเป็นเจ้าของที่นี่ โรมยิ้มและกล่าวขอบใจเจน "ขอบคุณในความช่วยเหลือครับ"

เจนมีท่าทีปิ๊งโรมทันที ตอบเสียงหวานว่า "ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีมากๆที่ได้บริการ"

พนักงานร้านกระเป๋ายื่นบัตรเครดิตส่งให้โรม "คุณลืมเครดิตการ์ดเอาไว้ที่ร้านค่ะ และสำหรับเรื่องกระเป๋า ถ้าคุณสองคนรู้จักกันก็น่าจะคุยกันได้นะคะ" หมายถึงกระเป๋าที่โรมจะซื้อใบนั้นนั่นเอง แต่โรมพูดหน้าตาเฉยว่า

"ไม่เป็นไร ผมเปลี่ยนใจแล้ว ขอตัวนะครับ ไปลักษมน เทียน" โรมพาสองคนนั่นเดินจากไป มนทิราถามพนักงานว่ากระเป๋าอะไร พนักงานอธิบายให้ฟังว่าโรมต้องการจะซื้อกระเป๋าใบที่มนทิราจองเอาไว้แต่เธอไม่ยอมขายให้ มนทิรามีท่าทางครุ่นคิด เดินตามเพื่อนสาวไปที่ร้านกระเป๋า

ooooooo

ไปถึงร้าน พนักงานขายเดินไปหยิบกระเป๋ามาให้มนทิราดู เสร็จแล้วก็ไปจัดการใส่ถุง อยู่ทางนี้สองคนเจนว่าเพื่อนสาวทันที

"บ้าจริงๆเลยเธอนี่ ไก่ได้พลอย ใกล้เกลือกินด่างทิ้งเขาไปได้ยังไง ทั้งหล่อทั้งล่ำซำขนาดนี้ ตาบอดหรือเปล่าฮะยายมน แล้วแม่เด็กขาเป๋นั่นเป็นใคร แฟนของเขาเหรอ? ที่เมื่อกี้แนะนำฉันได้ยินไม่ถนัดเขาชื่ออะไรนามสกุลอะไรนะ"

"เด็กคนนั้น...ไม่รู้สิว่าเป็นแฟนหรือเปล่า ส่วนเขาน่ะชื่อโรม นามสกุลภคนันทน์"

"หา...จริงเหรอ...ถ้าจริงก็อีตานี่แหละที่บอกยกเลิกการขายบ้านให้ฉันทางอินเตอร์เน็ตเมื่อสามวันก่อนเสียด๊ายเสียดาย บ้านใหญ่โตแถมสวยซะด้วยซี"
มนทิราฟังแล้วอึ้ง เพิ่งจะรู้ว่าโรมฟื้นตัวจากการล้มละลายจนรวยล้นฟ้าไปแล้ว รู้สึกเสียดายจับใจ

และก็ชื่อโรม นามสกุลภคนันทน์คนเดียวกันนี้ที่กมลทัต ลงทุนไปสปอร์ตคลับนั่นอีกครั้งหนึ่ง ไปขอร้องผู้จัดการว่าเขาอยากได้ประวัติของโรม ภคนันทน์ และยังแถมด้วยประวัติของเด็กในปกครองของโรม ซึ่งก็คือเทียนนั่นเอง แต่ถูกผู้จัดการปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า

"ไม่ได้หรอกครับท่าน มันเป็นกฎระเบียบที่เคร่งครัดสำหรับเรา ท่านก็ทราบดีนี่ครับ" ผู้จัดการผละไป กมลทัตนั่งหน้างออารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก พอดีเพื่อนนักธุรกิจที่นัดกัน ไว้ถือไม้เทนนิสเดินเข้ามา เห็นกมลทัตยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยต่อว่า แต่กมลทัตบอกว่าวันนี้เขาท้องไม่ค่อยดีไม่มีแรงตีเทนนิสให้ไปตีกับคนอื่นแล้วกัน นักธุรกิจเลยบ่นว่า

"เสียดายจริงๆแต่ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมหาคนใหม่ ก็ได้...อ้อลืมถามถึงหลาน กุลชาติเป็นไงครับส่งข่าวมาบ้างหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเขาเรียนยูเดียวกับผมด้วยนะครับเจ้าหลานคนนี้"

"อ๋อ...กำลังขะมักเขม้นเลยละครับช่วงนี้ บอกว่าจะเจริญรอยตามพ่อให้ได้" กมลทัตคุยทับทั้งๆที่ไม่เคยได้ข่าวจากนภากับลูกชายเลย พอนักธุรกิจคนนั้นเดินออกไป กมลทัตเลยโทร.ไปหานภาทันที เขาหารู้ไม่ว่ากุลชาติกับนภายังไปไม่ถึงโรงเรียนไหนสักโรงเรียนเดียวเพราะมัวไปมั่วกันที่บ้านเช่าที่เมืองนอกทั้งวันทั้งคืน และก็อยู่ในห้องนอนเดียวกันตลอด โทรศัพท์เข้ามานภารับสายแล้วผลักกุลชาติออกไปจากตัว ทำมือทำไม้บอกว่าอย่าพูดอะไรออกมา แล้วก็ส่งเสียงหวานตอบไป

"สวัสดีค่ะท่าน กุลชาติเหรอคะ เมื่อกี้นภาแวะไปดูที่ห้องเห็นกำลังหลับอยู่ค่ะ คงจะเพลียเพราะท่องหนังสือทั้งวันเลยค่ะ"

"เออๆ ดี...เอ้อ อาทิตย์หน้าฉันมีธุระต้องไปอเมริกาพอดี จะแวะไปหานะ บอกกุลชาติมันด้วย อ้อ...แล้วจะแวะไปดูมหาวิทยาลัยที่มันเรียนด้วย เธอช่วยนัดอาจารย์ที่ปรึกษาเจ้ากุลชาติให้ด้วยนะ...คิดถึงเธอนะนภา"

"เช่นกันค่ะ สวัสดีค่ะท่าน" นภากดสายตัดการติดต่อ กุลชาติแซวว่ากิ๊กเก่าโทร.มาเหรอ นภาตาเขียวใส่

"อย่ามาทำปากเสีย ป๋าเธอจะมาอาทิตย์หน้า จะไปดูมหาวิทยาลัยและมาคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ"

"หา...ตายแล้วโว๊ย แล้วจะทำยังไง ทะเบียนก็ยังไม่ได้ไปลง มหาลัยก็เปิดไปแล้ว ป๋ากระทืบผมกระอักแน่ เรารีบย้ายไปที่อื่นเถอะ" กุลชาติทำท่ากลุ้มแต่ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี แถมยังโทษนภาว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้เขาหมดแรงทุกวัน นภาโกรธด่าเอาว่า

"ฉันรู้แล้วว่าเรื่องนี้ยังไงก็ไม่พ้นฉัน ย้ายบ้านนึกว่าป๋าเธอจะตามไม่พบเหรอ เรียนอะไรก็ไม่เอาไหนอย่างเธอนี่คงต้องเรียนวิชาการแสดงแล้วละ"

ooooooo

ผ่านไปอีกเกือบอาทิตย์  กมลทัตจึงบอกกับพิศเพลินว่าเขาจะไปเยี่ยมกุลชาติที่อเมริกา ถามว่าเธอจะไปด้วยไหม ทั้งๆที่ในใจภาวนาว่าอย่าไปด้วยเลย และพิศเพลินก็ตอบตรงกับใจที่เขาภาวนาอยู่

"คงไม่ไปหรอกค่ะ ไกลเหลือเกิน แต่ต้องรบกวนคุณช่วยเอาของฝากไปให้ลูกด้วย อยู่ทางโน้นคงจะหาของกินลำบาก คุณจะไปเมื่อไหร่ล่ะคะฉันจะได้ตระเตรียมของทัน"

พิศเพลินหยุดพูดเพราะเห็นภาสกรเดินอย่างเร่งรีบเข้ามา กมลทัตเลยเรียกให้กินข้าวด้วย พิศเพลินจัดแจงจะเรียกสาวใช้ให้มาตักข้าว แต่ภาสกรรีบบอกว่า

"ไม่เป็นไรครับคุณผู้หญิง...เอ้อ...ท่านครับ คุณกุลชาติไม่สบายครับ เป็นโรคโฮมซิก เครียดจัดจะฆ่าตัวตาย คุณนภากำลังพาขึ้นเครื่องกลับมาครับ"

พิศเพลินทรุดลงบนเก้าอี้อย่างตกใจ กมลทัตหน้าเครียดขึ้นมาทันที ภาสกรเลยเร่งให้ไปสนามบินกันเดี๋ยวนั้น ไปรอรับอยู่ที่ทางผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ พักเดียวก็เห็นนภาเข็นรถที่มีกุลชาตินั่งทำหน้าตาเอ๋อๆเข้ามา พอเห็นพวกกมลทัต นภาก็เข็นรถเข้ามาหา กุลชาติทำเป็นจำใครไม่ได้ทั้งนั้น พิศเพลินยกมืออุดปากตัวเองไม่ให้กรี๊ดออกมา กมลทัตถามนภาว่ากุลชาติเป็นอะไร นภาปั้นเรื่องทันที

"หมอบอกว่าคงจะเครียดเรื่องการเรียนน่ะค่ะ แล้วก็การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆไม่ได้ด้วย นี่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วนะคะ ท่านไม่เห็นตอนที่เขาแอบกินยาเกินขนาด พอเผลอๆก็จะกรีดข้อมือ สุดท้ายก็จะกระโดดตึกค่ะ ดีว่า รปภ.ของแมนชั่นจับตัวไว้ได้ทัน หมอเลยให้ยาคลายเครียดแล้วสั่งให้พากลับเมืองไทยจะดีที่สุดกับคุณกุลชาติค่ะ"

พิศเพลินสะอื้น เข้าไปกอดลูกชายลูบหัวอย่างสงสาร กุลชาติทำเอ๋อหัวสั่นด๊อกแด๊ก กมลทัตบ่นออกมาว่า "อะไรวะ เรื่องแค่นี้ถึงกับเอ๋อปัญญาอ่อนกลับมาเชียวเหรอเนี่ย"

กลับถึงบ้านพิศเพลินกุลีกุจอดูแลเอาใจใส่กุลชาติเป็นอย่างดี กมลทัตนั่งมองแล้วส่ายหน้าบอกว่า

"ไอ้นี่ใจมันเสาะจริงๆ แต่ไม่เป็นไร รักษาให้มันหายดี แล้วค่อยส่งมันไปใหม่ก็ได้ เออ รึว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะมันแอบไปเล่นยาเสพติดมา เดี๋ยวพอคุยกันรู้เรื่องฉันจะสอบสวนมันเอง ถ้าจับได้ไล่ทันมันโดนกระทืบแน่" กมลทัตมองกุลชาติอย่างสงสัยๆ แต่พิศเพลินเข้าข้างกุลชาติเต็มที่ พอกมลทัต ออกไปจากห้อง เธอก็ลูบหลังลูกบอกว่า

"ลูกเอ๋ย เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ต่อไป แม่จะปกป้องดูแลลูกเอง ไม่ให้พ่อเขาสร้างบาปกรรมกับลูกอีกต่อไปแล้ว"

ขณะพิศเพลินกำลังปลอบลูก กมลทัตก็ไปบ้านนภา ไขกุญแจห้องเข้าไปเห็นนภากำลังพูดโทรศัพท์อยู่ พอนภาหันมาเห็นก็กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ทันที "อย่าลืมใส่บาตรทุกเช้าอย่าให้ขาดนะ ป๋าเธอจะได้รับผลบุญด้วย แค่นี้นะ แล้วคุยกันใหม่" นภารีบวางสาย คำพูดที่เธอพูดต่อหน้ากมลทัตกับที่พูดสายกับกุลชาติเมื่อกี้ต่างกันลิบลับ เพราะตอนนั้นเธอพูดบอกกับกุลชาติไปว่าให้เล่นบทปัญญาอ่อนให้เนียนๆ เพราะกมลทัตแสนรู้อาจจะจับได้ถ้าเล่นไม่ถึงบท

กมลทัตเดินเข้ามาใกล้นภา ยกมือเชยคางแล้วหยอกว่า เขาเพิ่งรู้ว่านภาก็ธรรมะธัมโมเหมือนกัน มาซิให้ฉันพิจารณาสังขารเธอหน่อยจะได้ปลงกันทั้งคืน นภาปัดมือเขาออกแล้วหนีไปนั่งอีกที่หนึ่ง กมลทัตตามไปง้อบอกว่าเขาคิดถึงเธอมาก นภาบอกว่าเธอเหนื่อยมากกับลูกชายของเขา ทุกวันไม่ค่อยได้พักผ่อน กมลทัตโอบนภาเข้ามาชิดอก บอกว่า
"ฉันเข้าใจ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะชดเชยให้เธอให้ คุ้มกับค่าเหนื่อยเลย...เออ ถ้าจะต้องหาใครสักคนที่คุมมันได้ เอ...หรือว่าจับมันแต่งงานซะเลยเป็นไง หาลูกสาวพวกไฮโซสักคน มันจะได้พ้นๆความรับผิดชอบของเราไปซะที"

นภาตกใจ "ไม่ได้นะคะ กุลชาติเป็นไงเราก็รู้ๆกันอยู่ ไม่ควรให้ไปอยู่ที่ไหนไกลตาหรอกค่ะ คอยดูแลใกล้ชิดที่บ้านดีกว่า ขืนไปก่อเรื่องอะไรอีกจะแก้กันไม่ไหวนะคะ" นภากลัวว่าจะถูกจับได้ว่ากุลชาติไม่ได้เอ๋อจริงๆ แต่กมลทัตไม่รู้จึงพูดความในใจออกมาว่า

"ไม่น่าเลย ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ฉันจะไม่เลือกเด็กคนนี้มา" พอรู้ตัวว่าพลั้งปากออกมาและเห็นนภาจ้องหน้าเลยเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

ooooooo

ที่โรงพยาบาลที่หมอเผ่าเทพประจำอยู่ ตอนนี้มีเรื่องตกใจกันยกใหญ่ เพราะอยู่ๆแซมสามีของมนทิราหนีออกไปจากโรงพยาบาล เผ่าเทพรีบโทร.แจ้งตำรวจ ขณะเดียวกันก็บอกมาทางบ้านโรมด้วยว่าให้ระวังเพราะรู้สึกว่าแซมจะเป็นโรคประสาทเดี๋ยวจะตามมาหามนทิราและทำร้ายพวกโรม บังเอิญวันนี้มนทิราที่ขอที่อยู่ของโรมจากเจนได้ก็แวะมาที่นี่พอดี แซมซึ่งไปที่บ้านตัวเองแล้วแอบอยู่จึงติดตามมาด้วยโดยมนทิราไม่รู้ตัว

ที่บ้านโรมวันนี้ไม่มีใครอยู่ออกไปธุระกันข้างนอกหมด เหลือแต่ป้าทิพย์ มนทิราจึงเข้าไปออดอ้อนขอโทษป้าทิพย์ที่เมื่อก่อนเธอทิ้งโรมไป ทีแรกป้าทิพย์ก็กระฟัดกระเฟียดใส่ แต่ พอโดนง้อมากๆเข้าก็พามนทิราเข้าไปในบ้าน มนทิราถือโอกาสถามถึงเทียนว่าเป็นแฟนกับโรมหรือ ป้าทิพย์ร้องออกมา

"แฟนเฟินที่ไหนกัน เด็กเทียนนั่นเป็นแค่เด็กที่คุณโรมเก็บเอามาอุปการะเลี้ยงดูเอาบุญเฉยๆ นี่แน่ะป้าจะเล่าอะไรให้ฟัง เด็กเทียนนี่แปลกนะ อยู่ดีๆก็..." เล่าไม่ทันจบเสียงโรมซึ่งกลับมาแล้วตะโกนเรียก ป้าทิพย์จึงพามนทิราออกไปรับโรมด้วยกัน โรมทำท่าไม่ค่อยต้อนรับเท่าไหร่ ถามเธอว่ามาทำไม มนทิราหยิบถุงกระเป๋าออกมาบอกว่า

"มนเอากระเป๋าที่โรมอยากได้เมื่อวานนี้มาให้ เห็นว่าโรม..."

"ไม่ต้องเอามาให้หรอก ผมเป็นคนไม่ชอบใช้ของที่คนจับจองเอาไว้  แต่ก็ขอบคุณนะ...เออป้าครับ  เห็นเทียนมั้ยครับ ผมเดินหาจนทั่วไม่เจอเลย"

"อ๋อ...เห็นซ้อนจักรยานคุณลักษมนขี่ไปปากซอยแน่ะค่ะ ไปทำไมไม่ทราบซีคะป้าไม่อยากถามเดี๋ยวเธอจะหาว่าป้าจู้จี้" ป้าทิพย์พูดแบบไม่ค่อยชอบเทียนเท่าไหร่ โรมเองก็รู้ดี เขาจึงบอกว่า

"ผมให้ป้ามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อช่วยกันดูแลเทียนนะครับ รู้อยู่ว่านายลักชอบชวนไปทำอะไรโลดโผนให้เจ็บตัวอยู่เรื่อย" โรมเดินออกไป มนทิราคว้าถุงกระเป๋าเดินตามไปมั่ง แกล้งถามป้าทิพย์ว่าที่หน้าบ้านมีแท็กซี่ไหมหรือว่าต้องเดินไปเรียกที่ปากซอย ป้าทิพย์ตอบว่า

"จะเดินไปยังไงคะ ปากซอยถนนใหญ่ไกลจะตาย ให้คุณโรมไปส่งก็แล้วกัน"

"ผมมีเบอร์โทร.เรียกแท็กซี่มิเตอร์ สิบห้านาทีก็มาแล้ว ผมเรียกให้" โรมรีบหาทางออก มนทิราน้อยใจเลยเดินออกไปเอง แต่พอออกมายืนโทร.เรียกแท็กซี่แซมก็โผนเข้าจับตัวลากจะให้ไปขึ้นรถ มนทิราดิ้นรนหนี พอดีลักษมนกับเทียนกลับมาจากการไปซื้อน้ำเต้าหู้ขี่จักรยานเกาะกันมา เห็นภาพแซมกำลังตบมนทิราสองคนเลยเข้าช่วย  แซมจึงกระชากปืนออกมาขู่  เทียนกับลักษมนยังพยายามช่วยมนทิรา เสียงเอะอะทำให้โรมกับป้าทิพย์วิ่ง
ออกมาดู เห็นแซมกำลังเล็งปืนไปที่มนทิรา แต่เทียนกระโดดเข้าขวางทางปืน แซมลดปืนลงแล้วยกขึ้นมาใหม่กะว่าจะยิงทั้งสองคน เสียงปืนดังปัง มนทิรากับเทียนล้มลงไปด้วยกัน แต่แซมมีรอยถูกยิงที่แขนและปืนของเขาก็หล่นลงพื้น แซมกระโดดขึ้นรถขับหนีออกไปทันที หันไปทางหน้าบ้านทุกคนจึงเห็นโรมยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมปืนที่ยังมีควันลอยอยู่อ้อยอิ่ง

ooooooo

ก่อนมนทิราจะกลับบ้านเธอเอากระเป๋าให้กับเทียน บอกว่าตัวเองเป็นหนี้บุญคุณเทียน และให้ถือว่านี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากเธอ เมื่อเทียนไม่ยอมรับเธอก็ยัดในมือให้จนได้  มนทิราแกล้งทำท่าว่าจะเป็นลม โรมเลยต้องพาเธอไปส่งบ้าน ก่อนกลับเขาบอกมนทิราว่า

"ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวจนกว่าทางตำรวจจะจับแซมได้ เพราะมันอันตราย"

โรมขึ้นรถขับออกไปแล้วแต่มนทิรายังยืนยิ้มอย่างดีใจที่โรมแสดงความเป็นห่วงเธอ วันรุ่งขึ้นมนทิราไปที่บ้านโรมอีกแต่ไม่พบเขา ป้าทิพย์บอกว่าโรมเพิ่งพาลักษมนกับเทียนไปสปอร์ตคลับ และบอกให้มนทิราตามไปโดยย้ำว่า

"พูดตรงๆนะคะ ป้าอยากให้นายหัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่าเพิ่งท้อค่ะ ป้าเชื่อว่านายหัวยังรักคุณอยู่ ขอให้คุณจริงใจกับนายหัว ป้าเชียร์เต็มที่" คำพูดเพียงเท่านี้มนทิราแทบจะลอยไปถึงสปอร์ตคลับเลย

มนทิราไปเจอแต่เทียนเดินเที่ยวหาล็อกเกอร์ของตัวเองอยู่ บอกกับมนทิราว่าโรมให้เธอมายกน้ำหนักเท่านั้น เล่นอย่างอื่นยังไม่ได้เพราะข้อเท้ายังไม่หายดี  มนทิราหันไปสบตากับเจน  เจนรีบชวนเทียนว่าให้ไปว่ายน้ำดีกว่าเพราะเป็นการทำวารีบำบัด ดีกว่ายกน้ำหนักอีก มนทิราช่วยพูดอีกแรงเทียนเลยเขวตามสองคนนั่นไปที่สระน้ำ ไปพบพวกกลุ่มของภาณุที่รู้จักกันเมื่อวันก่อน พวกนั้นเลยเฮโลเข้ามาหาเทียน ชวนให้ว่ายน้ำแข่งกัน แต่
เทียนไม่ยอมเลยถูกภาณุทำท่าจะอุ้มโยนลงน้ำ เสียงกมลทัตร้องดุมาว่า

"เฮ้ยพวกหนุ่มๆ เค้ายังไม่อยากเล่นก็อย่าบังคับกันสิ"

พวกนั้นเลยผละไป กมลทัตเดินมาหาเทียนอย่างดีใจ แต่เทียนเดินหนีพลางมองหาลักษมนกับโรมแต่ไม่เห็น แต่กมลทัตก็ตามไม่เลิก

มนทิราไปหาโรมแล้วแกล้งพูดเป็นทำนองว่าเทียนกำลังเล่นน้ำอยู่กับพวกเด็กหนุ่มที่สระน้ำกันสนุก โรมหน้าเครียดเดินไปที่สระทันที แต่ลักษมนไปถึงที่นั่นก่อนและกำลังถกเถียงกับกมลทัตที่พยายามจะพาเทียนไปที่ห้องพยาบาลให้ได้ ลักษมนกล่าวหาว่ากมลทัตเป็นใครไม่รู้มาลวนลามเทียน กมลทัตเลยด่าให้ โรมมาถึงร้องถามเทียนว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เทียนอ้าปากจะบอกว่ามนทิราชวน แต่มนทิราชิงบอกว่า
แค่เรื่องเข้าใจผิดกันเล็กๆน้อยๆ คงไม่มีใครทำเรื่องเสียๆหายๆแน่ ให้เลิกแล้วต่อกันไปซะ

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น