หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

เงากามเทพ ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

กุลชาติร้อนใจจนนั่งแทบไม่ติด หนังสือก็ดูไม่รู้เรื่อง แถมการแกล้งขีดเขียนจดลงสมุดก็ทำไม่ได้ ผุดลุกผุดนั่ง กินน้ำหวานที่คนใช้เอามาวางให้ก็ทำหกซะอีก เสียงพ่อกับแม่ที่ทะเลาะกันอยู่เมื่อครู่หายไป พักหนึ่งก็เห็นพ่อขับรถออกไปจากบ้าน เขารีบลุกขึ้นย่องไปหาแม่ทันที

ได้ยินเสียงเปียโนดังแผ่วๆอยู่ในห้องเขาจึงย่องเข้าไป เห็นพิศเพลินกำลังกดคีย์เป็นเพลงหวานเศร้าเขาจึงหยุดยืนฟังอยู่ตรงประตู พิศเพลินกำลังระบายอารมณ์เศร้าของตัวเองอยู่โดยไม่รู้ว่าลูกชายแอบมายืนอยู่ ทันใดนั้นเธอก็หยุดเล่น ลุกขึ้นหันหน้ามาอย่างเบลอๆ ดวงตาที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักมองเห็นกุลชาติเป็นกมัยธรไป เธอร้องออกมาเบาๆ

"คุณธร...กมัยธร!"

เธอเห็นกมัยธรเดินเข้ามาหา  พิศเพลินกะพริบตา  แล้วคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นกมัยธรก็กลายเป็นกุลชาติไป เขาเดินเข้ามาโอบเธอให้นั่งลงบนม้านั่งแล้วบอกว่า "ผมเองแม่ อาธรที่ไหนกัน เค้าตายไปตั้งนานแล้ว ฮั่นแน่...แม่ยังฝังใจอยู่ใช่เปล่าเลยเห็นผมเป็นอาธร?"

"ปละ...เปล่า แม่ไม่ได้พูดอะไรออกมานี่ ลูกหูฝาดไปเองหรือเปล่า" พิศเพลินรีบปฏิเสธ

"ปัดโธ่...ผมได้ยินเต็มหูเลย แม่ทำเสียงหวานเรียกคุณธร กมัยธร...ผมไม่ได้โง่น่ะแม่ ผมรู้ว่าแม่กับอาธรเคยเป็นกิ๊กเก่ากัน ได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว"

"ชาติ...อย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ โดยเฉพาะต่อหน้าคุณพ่อ แม่ขอร้องล่ะ" น้ำเสียงวิงวอนของพิศเพลินทำให้กุลชาติมองเห็นช่องทางได้เงินทันที

"ได้...งั้นผมขอค่าปิดปากครับ...มากหน่อยก็ดีปากจะได้สนิทเลย" กุลชาติแบมือทันที สีหน้าเจ้าเล่ห์

พอได้เงินจากแม่ กุลชาติรีบไปที่ตู้เอทีเอ็มจัดแจงโอนเงินไปให้เจ้าหนี้ โอนเสร็จก็กดมือถือเลย

"พี่...ผมโอนเงินให้พี่แล้วนะ บอกแล้วว่าคนอย่างผมไม่เบี้ยว พี่ก็น่าจะรู้ว่าพ่อผมเป็นใคร โธ่...อ้อ...เดี๋ยวๆพี่ เอ้อ ถ้าผมอยากจะสั่งสอนศัตรูสักคนพี่ช่วยผมได้มั้ย ก็...ให้มันลุกไปไหนไม่ได้ซักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็พอ คิดค่าเหนื่อยเท่าไหร่ ว่ามาเลย...เอาเป็นตกลงตามนี้นะ"

ooooooo

โรมกำลังนั่งคอยปารวดีกับเทียนที่ออกไปข้างนอกตามคำสั่งของเขาที่ให้ปารวดีพาเทียนไปแปลงโฉมเป็นผู้หญิง อยากเห็นเธอตอนเป็นผู้หญิงจริงๆว่าจะเป็นยังไงบ้าง ดังนั้นการรอคอยจึงเหมือนเวลาผ่านไปช้ามาก กระสับกระส่ายจนป้าทิพย์ต้องเข้ามาถาม โรมกลัวป้าทิพย์จะจับความในใจได้เลยบอกว่าหิวข้าว จะไม่คอยใครแล้ว เร่งให้เด็กตักข้าวใส่จานแล้วนั่งลงทำท่ากิน

แต่ทำไมถึงยกช้อนไม่ขึ้นก็ไม่รู้เพราะที่หน้าประตูห้อง ปารวดีกำลังจูงเทียนเดินเข้ามา เทียนที่ตอนนี้นุ่งกระโปรงสีหวาน แต่งหน้าอ่อนๆน่ารักมาก โรมมองตาค้างจนปารวดีนั่งลงบนเก้าอี้เตรียมจะกินข้าวด้วยก็ยังไม่รู้สึกตัว ปารวดีเลยแซวว่า

"อ้าวพี่โรม ป้าทิพย์ทำกับข้าวไม่อร่อยเหรอคะ ยกช้อนค้างอยู่ได้"

โรมรีบตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวไปกระแอมไป ปารวดีทำไม่รู้ไม่ชี้ร้องบอกป้าทิพย์ขอจานกับช้อนส้อมอีกชุดเพื่อให้เทียนกินด้วย เทียนเงอะงะทำท่าจะไม่ยอมนั่งกินที่โต๊ะเลยถูกโรมดุเอา เทียนจึงจำใจนั่งลงค่อยๆตักข้าวตักกับกินอย่างเรียบร้อย ปารวดีที่นั่งติดกับโรมกระซิบบอกพี่ชายว่า

"กิริยามารยาทใช้ได้ไหมคะ ไม่ขัดเขินไม่เงอะงะ ขอเวลาให้น้องขัดเกลาอีกไม่นานหรอก เด็กเทียนคนนี้จะต้องกลายเป็นนางสาวเทียนที่สมบูรณ์แบบที่สุดเลยค่ะ"

ooooooo

กินข้าวเสร็จแล้วก็พากันไปที่ห้องนั่งเล่น ส่วนเทียนช่วยป้าทิพย์กับพวกเด็กๆเก็บโต๊ะกินข้าว พักใหญ่เทียนก็เดินออกมาจากครัว กำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงปารวดีกำลังเล่นเปียโน เทียนจึงเดินเลยเข้าไปในห้องนั้น พอดีปารวดีเล่นจบเพลงเทียนจึงตบมือแล้วเดินไปใกล้ๆ โดยเทียนไม่รู้ว่าโรมแอบเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่

"เพราะจังเลยค่ะคุณปา" เทียนพูดอย่างตื่นเต้น

"อยากเล่นมั่งมั้ยล่ะ?" เสียงโรมดังอยู่ข้างหลัง เทียนสะดุ้ง หันไปตอบเบาๆว่า

"เทียนเล่นไม่เป็นหรอกค่ะ"

"เป็นหรือไม่เป็นแต่ต่อไปนี้เธอต้องเรียนเปียโนกับปารวดีเขา นี่คือคำสั่ง" โรมทำเสียงดุ เทียนทำหน้าหวาดๆปารวดีเลยลุกขึ้นจากม้านั่งลากแขนเทียนให้ไปนั่งแทนแล้วเริ่มสอนวีธีเล่นทันที เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่หลังจากนั้นเทียนก็เริ่มเล่นเปียโนได้ในระดับหนึ่ง

ooooooo

ปารวดีอยากให้โรมกับเทียนได้อยู่ใกล้ชิดกัน เธอจึงแกล้งบอกโรมว่าต้องพาเธอไปเลี้ยงขอบใจนอกบ้านเพราะสอนให้เทียนเล่นเปียโนได้แล้ว โรมไม่ขัดข้องเพราะในใจตัวเองก็คล้ายกับว่าต้องการเช่นนั้น

วันอาทิตย์ต่อมาโรมจึงพาปารวดีกับเทียนไปเที่ยวชายทะเล โรมสั่งอาหารมากินที่ชายหาด เทียนพอเห็นทะเลก็นั่งเหม่อเพราะคิดถึงความหลังของตัวเอง ปารวดีกลัวบรรยากาศจะกร่อยเลยแกล้งชวนเทียนคุย "นั่งคิดอะไรน่ะเทียน ของกินเพียบอยู่ตรงหน้าไม่แตะเลย พี่โรมอีกคนก็เป็นไปด้วย"

เทียนสะดุ้ง รีบตอบว่า "เอ้อ...เทียนมองทะเลแล้วคิดถึงชายหาดที่หัวหินค่ะพี่ปารวดี ตอนอยู่ที่นั่นเทียนไม่มีโอกาสได้นั่งเล่นอย่างนี้หรอกค่ะ ต้องเดินขายของจากหาดนี้ไปหาดโน้น ดูเด็กเล่นน้ำเล่นเรือเล่นเจ็ตสกีแล้วก็ได้แต่อิจฉาเขา" เทียนพูดจบโรมก็ลุกพรวดทันที บอกกับสองคนว่า

"เดี๋ยวมานะ"

พักเดียวโรมก็กลับมาพร้อมเจ็ตสกีสองลำ เขาขับมาลำหนึ่งและมีเด็กขับมาส่งอีกลำหนึ่ง  โรมชวนสองสาว

แต่ปารวดีบอกว่าขี้เกียจ จึงมีแต่เทียนที่ทำท่าดีอกดีใจสุดๆ วิ่งไปลงอีกลำหนึ่งทันที สองคนกับโรมขับไล่กันไปมา พักเดียวเครื่องลำของเทียนก็สะดุดสตาร์ตเท่าไหร่ก็ไม่ติด โรมเลยขับลำของตัวเองมารับเทียนขึ้นไปบนลำของเขา แต่ทำอีท่าไหน ก็ไม่รู้ทั้งสองคนกอดกันตกน้ำ เทียนไม่เป็นอะไรแต่โรมหัวฟาดขอบเจ็ตสกีเต็มรัก เทียนรีบปีนขึ้นไปบนเรือแล้วลากโรมขึ้นไปด้วย ให้นั่งซ้อนหลังตัวเองแล้วเทียนก็ขับเรือเข้าฝั่งโดยมีโรมนั่งกอด
เอวคอพับซบกับบ่าเทียนไปด้วย แต่ว่าพอขึ้นไปนั่งที่เก่าที่เช่าไว้โรมกลับทำท่าเป็นปกติ

วันนั้นกลับถึงบ้าน เทียนได้สร้อยไข่มุกเส้นหนึ่งเป็นของรางวัลจากโรมที่เทียนช่วยเขาไว้ แต่ปารวดีกับโรมพอกลับถึงบ้านได้รับข่าวไม่ดีว่า ลักษมนลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นลูกชาย ของป้าทิพย์โดนรุมซ้อมจนขาหักอยู่ที่กรุงเทพฯหลังจากที่สอนภาษาเสร็จกำลังจะกลับบ้าน สองคนพี่น้องบึ่งไปกรุงเทพฯทันที และขอรับตัวลักษมนกลับมารักษาที่สวนปาล์มเอง

ooooooo

วันรุ่งขึ้นตอนที่โรมกับปารวดีพาลักษมนกลับมาที่สวนปาล์มนั้น พอลงรถลักษมนก็เกือบจะล้มเพราะขาข้างบาดเจ็บยืนไม่ถนัด ดีแต่เทียนอยู่แถวนั้นจึงวิ่งเข้าไปช่วยไว้ได้

"อุ๊ย...ระวังค่ะ" เทียนโอบลักษมนไว้แน่น

ลักษมนไม่เคยเห็นเทียนมาก่อนจึงสนใจมากเพราะเทียนเป็นคนสวย จึงมองเธอไม่วางตา พอเข้าไปในบ้าน ป้าทิพย์ก็ออกมาต้อนรับ ลักษมนนั่งลงบนเก้าอี้ ป้าทิพย์ก็ช่วยประคอง ลูบแข้งลูบขาไปบ่นไป

"โธ่เอ๊ย...ทำไมโชคร้ายยังงี้นะคงต้องไปทำบุญใหญ่กันแล้วบ้านนี้ หมู่นี้มีแต่เรื่องไม่ดีเลยตั้งแต่คุณธรเสีย"

"ฮะ...อะไรนะครับ พี่ธรเสียแล้ว เมื่อไหร่ ไม่เห็นพี่โรมบอกผมเลย"

"มันกะทันหันน่ะ แล้วฉันก็ไม่อยากให้แกเป็นห่วง ค่อยยังชั่วเมื่อไหร่แกค่อยไปไหว้มันที่วัด เพราะฉันจะเก็บไว้

ร้อยวัน" โรมบอก

"ทำไมถึงเสียล่ะครับ" ลักษมนยังถามอีก ตอนนี้ป้าทิพย์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดขึ้นมาทันที

"ก็ตกเตียงลงมาเพราะมีคนเข้าไปวุ่นวายน่ะซิ...ฉันน่ะ..." ป้าทิพย์พูดไม่ทันจบโรมก็เบรกทันที

"ป้าครับ ไม่เอาน่า มันไม่ได้เกี่ยวกับเทียนเลย ร่างกายเจ้าธรมันไม่ไหวอยู่แล้ว"

"เออจริงซิ ยังไม่ได้แนะนำเลยเทียน ลักษมนเป็น น้องชายพี่...แล้วนี่เทียนเป็น...เอ้อ..." ปารวดีแย่งพูดแต่ไม่รู้ จะแนะนำยังไง โรมเลยบอกว่า

"เด็กในปกครองของฉัน" เขาตัดบทง่ายๆ พอเทียนออกจากห้องไปแล้วลักษมนยังอยากรู้เรื่องราวของเทียนอีกว่าเป็นใครมาจากไหน ทำไมโรมต้องอุปการะเอาไว้ โรมเลยพูดเสียงเข้มๆว่า

"เอาเป็นว่า เทียนเป็นเด็กกำพร้า ฉันต้องการให้ชีวิตใหม่ที่ดีที่สุดกับเขา ปั้นเขาให้เป็นผู้หญิงพิเศษสุดที่ใครบางคนเห็นแล้วคาดไม่ถึง...แกรู้แค่นี้ก็พอ เออจริงด้วย ขาแกเจ็บแต่ปากยังพูดได้ ฉะนั้นฉันจะมอบงานให้แกแก้เบื่อชิ้นหนึ่ง"

และงานที่โรมมอบให้ลักษมนก็คือสอนภาษาอังกฤษให้เทียนนั่นเอง

ooooooo

กุลชาติเอาเงินค่าจ้างที่ให้คนมาทำร้ายลักษมนไปให้เฮียปอถึงบ้านซึ่งก็คล้ายๆซ่องการพนันนั่นเอง เฮียปอรับเงินแล้วบอกว่าล่อซะขาเละอย่างนั้นต้องหยุดเดินเป็นเดือนไม่ต้องห่วง กุลชาติยิ้มอย่างชอบใจเพราะเขาจะได้ไม่ต้องไปเรียนอีกนาน

ขณะนั้นมีเสียงเฮฮาดังมาจากข้างบนบ้าน กุลชาติสนใจทันที เฮียปอบอกว่า "ครบนั่นแหละ ทั้งอี ทั้งไอซ์ สนไหมล่ะ" กุลชาติลังเล กลัวพ่อดุก็กลัว แต่พอเฮียปอโบกเงินที่เขาเพิ่งใช้หนี้ให้เมื่อกี้อยู่ตรงหน้าพร้อมกับบอกว่า "คืนนี้มีบอลคู่เด็ด เฮียให้เอาไปต่อทุนก่อน เอามั้ย" กุลชาติตบะแตกทันที

แต่คืนนั้นโชคไม่ช่วยแล้วยังซวยซ้ำสอง นอกจากเสียเงินไปทั้งหมดแล้วและกำลังเมายากันอยู่อย่างครื้นเครง ตำรวจ

ก็จู่โจมเข้าจับไปได้ทั้งหมดรวมทั้งกุลชาติด้วย แต่กมลทัตพ่อของเขาไม่รู้เรื่องนี้เพราะนภาไม่บอก แต่เป็นคนไปประกันกุลชาติที่โรงพักเองเพราะนภาคิดสะระตะแล้วว่าต่อไปจะได้ จากกุลชาติมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่าถ้ากุมความลับเรื่องเขาถูกจับให้พ้นหูกมลทัตได้ และมันก็เป็นไปตามคาดจริงๆ

ooooooo

โรมได้รับรู้จากเทียนว่าถมยาเคยบอกเธอว่าตอนเธอคลอด แม่ถมยาให้หมอตำแยมาทำคลอดให้

ที่บ้าน เพราะตอนนั้นแม่ถมยาทำงานเป็นคนงานของนายหัวคนหนึ่ง และพอเธอเกิดแม่ก็ลาออกจากงาน

โรมพยายามคลำหาหมอตำแยคนนั้นจนสืบรู้ได้ว่าชื่อแม้น ปลูกกระท่อมอยู่ในสวนยาง โรมไปหายายแม้นจนถึงที่ แต่ยายแม้นหวาดกลัวมาก เพราะอดีตบ้านช่องของแกถูกชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาเผา ผัวแกและลูกสาวก็ถูกฆ่าและโยนเข้ากองไฟ ยายแม้นเลยสติปํ้าๆเป๋อๆมาตั้งแต่บัดนั้น วันนี้พอโรมไปหา แกจึงพยายามซ่อนตัว แต่ชายคนหนึ่งที่คอยเลี้ยงดูแกอยู่พยายามอธิบายให้แกเข้าใจว่าโรมมาดี จึงคุยกันได้พักหนึ่งจนโรมรู้ว่า ยายแม้นทำ
คลอดให้นางถมยาตอนนั้นเป็นเด็กชายแฝดทั้งคู่ พอพูดถึงเรื่องนี้ยายแม้นที่รู้ตัวว่าบ้านแกถูกเผาเพราะเรื่องนี้ มาครั้งหนึ่งแล้วก็เกิดอาการคลั่งขึ้นมาอีก ดิ้นรนจะทำร้ายโรม แต่ในที่สุดแกเองก็หกล้มหัวฟาดประตูแน่นิ่งไป โรมพยายามพาแกไปจนถึงมือหมอเผ่าเทพ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว แกตายก่อนถึงมือหมอด้วยซ้ำ

ooooooo

กมลทัตหลังจากที่พาภาสกรไปทำร้ายครอบครัว ของยายแม้นแล้ว ในใจของตนเองก็ร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ ถูก นอนผวาเพราะฝันเห็นแต่เรื่องนี้ทุกคืนจนพิศเพลินเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วกับการดิ้นรนฮึดฮัดของเขา เช้ามืดวันนี้หลังสวดมนต์เสร็จพิศเพลินก็กลับมาที่ห้องนอน เห็นกมลทัตกำลังดิ้นอีกแล้วจึงเขย่าตัวปลุก

กมลทัตผวาลุกขึ้นนั่งเหงื่อโทรมไปทั้งตัว พิศเพลินถามถึงซองผ้าป่าที่หลวงพ่อฝากมาให้ว่าใส่เงินทำบุญแล้วหรือยัง เท่านั้นเองกมลทัตหาเรื่องทันที

"นี่คงเห็นว่าผมบาปหนาละซิ แค้นมากใช่มั้ยที่ต้องมาเป็นเมียผมแทนไอ้ธร ทั้งๆที่ผมประเคนให้คุณทุกอย่าง ยกเว้นดาวกับเดือนเท่านั้น..."

"งั้นก็เอาชีวิตลูกฉันคืนมาซิ คุณบอกว่าตายตั้งแต่ตอนคลอดแล้วศพล่ะ ถ้าลูกตายจริงทำไมเอาศพมาให้ฉันดูไม่ได้"

"ก็ผมไม่อยากให้คุณสะเทือนใจ ผมจึงไปขอไอ้ชาติมาเป็นลูกคุณแทนไง"

"รวมถึงเรื่องที่เผาศพธรเหมือนผีไม่มีญาติด้วยใช่มั้ย?" พิศเพลินจ้องหน้าถาม

"เฮ่ย...มาลงเรื่องนี้จนได้ ไอ้ที่หลับหูหลับตาทำบุญทุกวันนี้คงกลัวว่ามันจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ล่ะซิ"

"ฉันอยากให้คุณรู้จักคำว่าให้บ้างต่างหาก ให้ด้วยใจที่ บริสุทธิ์ไม่หวังผลตอบแทน อย่างน้อยกุลชาติก็จะได้ไม่ต้องมารับกรรมที่ผู้ใหญ่ทำเอาไว้ แค่นี้แหละที่ฉันหวัง" พิศเพลินเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ไยดี

ooooooo

ลักษมนสอนภาษาอังกฤษให้เทียนด้วยความเอาใจใส่ และเทียนก็เรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ สองคนนิสัยคล้ายกันจึงสนิทกันเหมือนเพื่อน อยู่ๆวันหนึ่งพอเรียนกันเสร็จแล้วเทียนก็ถามขึ้นมาดื้อๆว่า

"คุณมนทิราเป็นใครคะคุณลักษ์?"

ลักษมนอิดออดไม่อยากเล่า แต่ก็เกรงใจเทียนจึงเล่าให้ฟังเล็กน้อย "คุณมนเขารักกับพี่โรมตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ พอพี่โรมร่วมหุ้นกับพี่ธรทำบริษัท สองคนยังวางแผนจะแต่งงานกันด้วยซ้ำไป พอดีเกิดเรื่องพี่โรมล้มละลาย สองคนทะเลาะกัน คุณมนทิราไปเมืองนอก แล้วตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ข่าวเธออีก เธอถามเรื่องนี้ทำไมล่ะ"

"เอ้อ...นายหัวนอนละเมอหลุดปากชื่อนี้ออกมาค่ะ แต่เทียนไม่กล้าถามเลยมาถามคุณ"

"ดีแล้ว อย่าไปเอ่ยถึงคุณมนต่อหน้าพี่โรมเด็ดขาด อาจโดนดีนะ"

ooooooo

โรมเดินคุยมากับปารวดีเรื่องกมลทัตที่ทำกับยายแม้น โรมบอกกับปารวดีว่าเขาจะไปกรุงเทพฯสักสอง สามวันเพื่อติดตามเรื่องนี้ พอดีเหลือบมาเห็นลักษมน กับเทียนกำลังคุยกันอยู่ โรมจึงบอกกับปารวดีว่า ไม่ต้องบอกให้ลักษมนรู้เรื่องนี้ตอนนี้ ปารวดีรับปากพี่ชาย พอเดินมาถึงสองคนนั้นโรมก็บอกแต่เพียงว่าเขาจะไปกรุงเทพฯ และสั่งลักษมนว่า

"ระหว่างพี่ไม่อยู่ฝากดูแลเทียนด้วย เรื่องภาษาอย่างน้อยต้องสอนให้คุยโต้ตอบทักทายกับฝรั่งได้ ส่วนปารวดีก็ต้องสอนเรื่องมารยาทจนทำให้เทียนออกงานใหญ่ได้โดยไม่อายใคร"

"สำหรับเทียน ขอให้เธอมั่นใจได้ว่า ฉันเลือกทุกอย่างที่ดีที่สุดให้เธอก็แล้วกัน" โรมพูดก่อนจะก้าวขึ้นรถขับออกไป ทั้งสามคนที่ได้รับคำสั่งต่างคนต่างงง

ooooooo

คืนนี้ที่กรุงเทพฯ กมลทัตเปิดตัวลูกชายเป็นงานใหญ่ เชิญแขกมาเพียบ พร้อมกับนักข่าวหลายสำนัก นักข่าวถามเขาว่า เขามีธุรกิจในมือนับไม่ถ้วน แล้วอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มธุรกิจไบโอดีเซลพาวเวอร์อีก กมลทัตแย้มปากยิ้มแบบอวดๆตอบว่า

"เราได้พันธมิตรในอาเซียนมาเป็นทั้งแหล่งวัตถุดิบและลูกค้า ผมรับรองว่าบริษัทของผมจะมีทิศทางที่ดีในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป...ความจริงมันเป็นความฝันของคุณพ่อผม ที่ต้องการให้หลานชายของท่าน ลูกชายคนเดียวของผม กุลชาติ ทักษสุดา มาดำเนินกิจการนี้" พูดจบก็ดึงตัวกุลชาติ ออกมาให้นักข่าวเห็นตัวกันชัดๆ

กุลชาติทำท่าเบ่งๆนิดหน่อย กมลทัตพยายามดึงตัวเขาไว้เพราะกุลชาติพยายามจะหลบไปด้านหลัง ขณะนั้นพอดีสายตาของกมลทัตเหลือบไปเห็นหน้าโรมยืนแทรกอยู่ในกลุ่มคน เขาชะงัก เลยไม่ทันฟังว่าลูกชายพูดกับนักข่าวเมื่อถูกถามถึงความรู้สึก

"ผมเหรอ...ก็ดีใจนิดหน่อยนะที่คุณพ่อไว้วางใจ อีกอย่างก็ไม่หนักใจหรอกในการทำงานน่ะ เพราะบริษัทเรามีคนเก่งๆเยอะ สบายมากอยู่แล้ว" พูดจบก็บิดตัวออกจากการเกาะกุมของพ่อหลบไปเลย กมลทัตมัวแต่สนใจชะเง้อหาโรมเลยลืมลูกชาย หารู้ไม่ว่าตอนนี้กุลชาติแอบไปรับยาเสพติดจากคนที่มาส่งให้เขาหลังห้างและแอบไปเสพในห้องน้ำ โดยโรมตามติดไปแอบถ่ายภาพเอาไว้ได้ แต่บังเอิญตอนที่วิ่งหลบกุลชาติออกมาเขาไปชนกับ
ผู้หญิงคนหนึ่ง พอเงยหน้าเห็นกันชัดๆทั้งสองต่างคนต่างสะดุ้ง มนทิราร้องเรียกชื่อโรมอย่างดีใจ แต่โรมพยายามชิ่งหนีโดยบอกว่าเขามีธุระต้องรีบไป แซมสามีของมนทิราเดินมาถึงพอดี มนทิราเลยไม่กล้าวิ่งตามโรม

ooooooo

โรมเปิดดูภาพที่แอบถ่ายตั้งแต่กุลชาติแอบซื้อยาและเข้าไปเสพในห้องน้ำ เขาพูดอย่างสะใจก่อนจะใส่เข้าไปในอินเตอร์เน็ตว่า "กมลทัต ต่อไปนี้ฉันจะทำให้กรรมที่แกก่อไว้มันส่งผลเร็วขึ้น" กมลทัตที่นั่งเปิดเน็ตดูนั่นดูนี่อยู่กับนภาในห้องทำงานเห็นภาพนั้นแทบตกเก้าอี้

"หมดกันไอ้ลูกเวร ฉันอุตส่าห์สร้างภาพส่งเสริมให้มันเป็นคนดีแล้วดูมันทำ ป่านนี้ภาพคงว่อนไปทั่วเน็ตแล้ว ผู้คนคงเม้าท์กันกระจาย"

นภาตีหน้ายุ่งทั้งๆที่รู้ความประพฤติของกุลชาติมาตั้งนานแล้ว "ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ ใครกันนะที่ทำอย่างนี้ได้ มันต้องเป็นพวกไม่หวังดีแน่ๆเลย จ้องทำลายกุลชาติได้ขนาดนี้น่ะ"

"ก็เออซิ...ถ้ามันหวังดีมันคงไม่ทำอย่างนี้หรอก เธอก็อีกคน ฉันอุตส่าห์ไว้วางใจให้คอยดูแลมัน สะเพร่าจริงๆ"

"นภาขอโทษจริงๆค่ะ รับรองว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก"

"รีบไปจัดการอุดข่าวนี้ให้ได้...ปล่อยคลิปลับดาราออกไปแข่งหรืออะไรก็ได้ที่เธอรู้วิธีอยู่แล้ว"

นภารับคำลนลานออกไปทันที

ooooooo

กุลชาติมีโครงการจะไปเที่ยวกับพรรคพวกอีกในคืนนั้น เลือกหาชุดสุดหล่อของตัวเองออกมาแต่งดูที่ในกระจกอย่างพออกพอใจ เอียงซ้ายเอียงขวาลูบผมแล้วก็หยิบข้าวของบนโต๊ะใส่กระเป๋าเสื้อบ้างกางเกงบ้าง พอเปิดประตูออกไปก็เจอกมลทัตยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับกระชากเสียงถาม

"จะไปไหน"

"ไป...ไปติวภาษาอังกฤษกับเพื่อนฮะ"

"ติวภาษาอังกฤษเหรอ...นี่แน่ะภาษาอังกฤษ มาดูนี่..." กมลทัตลากแขนลูกชายไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์กดให้ดูคลิปของตัวเอง กุลชาติทำหน้าเหวอแต่รีบแก้ตัวว่า

"มันต้องใส่ร้ายผมชัดๆ ภาพนี้ตัดต่อแน่เลย"

"ตัดต่อเหรอ นี่แน่ะตัดต่อ" กมลทัตตบหลังเสียงดังป้าบก่อนกระชากลูกเข้าหาตัวเอง ล้วงมือค้นทั้งกระเป๋าเสื้อและกางเกงได้ของกลางออกมาเพียบเกือบทุกชนิด คราวนี้ตบไม่เลี้ยงเลย ปากก็ร้องด่า

"ทำไม...ฉันเลี้ยงแกไม่ดีพอรึไง แกอดแกอยากเหรอ อยากอะไรฉันก็ให้ทุกอย่าง ทำไมถึงทำชั่วได้ยังงี้ แกต้องเลิกพวกนี้ให้หมดเข้าใจมั้ย" กมลทัตขาดสติไปแล้ว ทั้งตบทั้งเตะจนพิศเพลินได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาห้าม

"พอแล้วคุณ ทำไมต้องทำกับลูกรุนแรงถึงยังงี้"

"น้อยไป นี่ยังน้อยไปสำหรับมัน มันได้ชื่อว่าเป็นลูกฉัน แต่สายเลือดชั่วยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ ไอ้สายเลือดขี้ข้าน่ะ..."

พิศเพลินรีบกันตัวลูกชายออกไปจากห้องทันที

ooooooo

กุลชาติร้องไห้ฮือๆเหมือนเด็กๆ พิศเพลินปลอบแล้วปลอบอีกพลางทายาให้ สอนว่าทีหน้าทีหลังอย่าทำให้พ่อโกรธอีก เพราะพ่อเป็นคนโมโหร้าย ทำตัวให้ดีๆพ่อจะได้รัก

"ป๋าไม่ได้รักผมหรอก จะฆ่าผมด้วยซ้ำ แม่ไม่ได้ยินเหรอป๋าว่าผมเป็นลูกเสือลูกตะเข้เป็นลูกขี้ข้า จริงเหรอแม่ ผมไม่ใช่ลูกแม่เหรอ"

"พ่อเค้าโมโหก็พูดไปอย่างนั้นเอง ลูกอย่าเอาไปคิดมากมายเลย ลูกเป็นลูกแม่จริงๆ"

กุลชาติถอนใจอย่างโล่งอก "เฮ้ย...ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าตัวเองเป็นลูกเมียน้อยซะแล้ว แม่เอาแต่สวดมนต์ไหว้พระไม่รู้หรอกว่าป๋าน่ะมั่วสาวไม่เลือก จะให้ผมเล่าเอามั้ย เอาที่แน่ๆก็นัง..."

พิศเพลินรีบปิดปากลูกไม่ให้พูด แต่ขอร้องเขาว่าให้เลิกเสพยาซะ แต่กุลชาติบอกว่า "แหมแม่...ผมก็แค่เล่นมันสนุกๆไปวันๆเท่านั้น ไม่ติดหรอก เพื่อนๆลูกคนรวยก็เล่นยากันทั้งนั้น ใครไม่เล่นสิแปลก ความจริงไอ้เลิกเล่นยามันก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอก โอเค...ผมจะทำเพื่อแม่ก็แล้วกัน ผมขอห้าหมื่นนะแม่ จะเอาไปจ่ายค่าเข้าคอร์สบำบัดไง..."

เรื่องก็เป็นอันจบลงที่พิศเพลินต้องควักอีกห้าหมื่น

ooooooo

โลกกลมจริงๆที่วันนี้หมอเผ่าได้เจอกับมนทิราที่สามีเธอพาไปตากอากาศที่จังหวัดที่หมอเผ่าทำงานอยู่ที่นั่น และมนทิราถูกสามีซาดิสต์ซ้อมจนบาดเจ็บค่อนข้างหนักจนต้องส่งมารักษาที่โรงพยาบาล ความจริงเธอถูกซ้อมเกือบทุกวัน แต่วันนี้แรงไปหน่อย พอหมอเผ่าดูประวัติเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองคนไข้   ทั้งคู่ ต่างตกใจ

หมอเผ่าตั้งสติได้ก่อนจึงทำหน้าเฉยๆบอกอาการที่ตรวจไปว่า "มีบาดแผลฟกช้ำภายนอกที่ชายโครง หลัง บั้นเอว แต่อาจจะมีบาดเจ็บภายในด้วย เดี๋ยวผมจะส่งไปตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดูจะได้มั่นใจ แล้วนี่คุณไปโดนอะไรมา?"

"เอ้อ...ลื่นล้มตกบันไดค่ะ เรื่องบาดแผลนี่ไม่เป็นไรค่ะเผ่า ฉันอยากรู้เรื่องของโรมน่ะเค้าเป็นยังไงบ้างคะตอนนี้"

"โรมเหรอ สบายดีไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ธุรกิจการงานก็ไปได้ดี เรียกได้ว่าเป็นนายหัวที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง โรมเป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจจริงไม่ท้อถอยเลยไม่ได้แย่อย่างที่ใครบางคนคิด"

มนทิราตื่นเต้น เธอจับมือหมอเผ่ามากุมอย่างไม่รู้ตัว "คุณเผ่า...ฉันอยากเจอเขาจังเลย ขอเบอร์ของโรมให้ฉันหน่อยนะ ฉันมีเรื่องมากมายอยากคุยกับเขา"หมอเผ่าอึกอักตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ดีไหม พอดีแซมสามีชาวต่างชาติของมนทิราโผล่เข้ามาเห็นมนทิรากุมมือหมอเผ่าอยู่เลยโมโห กระชากมนทิราออกไปจากนี่นั่นเลย

กลับถึงบ้านมนทิราถูกซ้อมอีกตามเคย เธอหนีไปซ่อนในห้องน้ำนั่งร้องไห้อย่างเสียใจที่เลือกคนผิด ภาพเรื่องราวระหว่างเธอกับโรมตอนที่รักกันจนกระทั่งถึงวันที่จะแต่งงานกันเข้ามาสู่ห้วงคิดทีละภาพ จนกระทั่งเธอตัดขาดจากเขาตอนที่รู้ว่าโรมถูกฟ้องล้มละลายและเธอหนีไปเมืองนอก มนทิราสะอึกสะอื้นอย่างชอกช้ำ

แต่โรมตอนนี้ไม่ใช่โรมคนเก่าแล้ว ขณะที่กำลังนั่งคอยเด็กเอาน้ำมาให้กินและหน้าตาบึ้งตึงเพราะเปิดเน็ตดูแล้วไม่เห็นข่าวและภาพของกุลชาติที่ตัวเองปล่อยไป โรมเริ่มเครียด และคนที่ถือน้ำเข้ามารับความเครียดของเขาก็คือเทียนนั่นเอง โรมเสียงดังทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใครเข้ามา

"ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือไอ้งานบ้านพวกนี้ให้พวกเด็กๆทำก็ได้ ไม่รู้จักจำซะที"

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น