หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

มนต์รักลูกทุ่ง ตอนที่ 10

ตอนที่ 10

เช้าวันรุ่งขึ้น เห็นทองกวาวกับบุปผาหิ้วตะกร้าเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก ก้อนกับทับทิมรีบเดินตามออกมาถามสองสาวว่าจะไปไหนกัน

"จะออกไปดูนาหน่อยน่ะจ้ะพ่อ"

"ไปดูมันทำไม นามันก็อยู่ของมันตรงนั้นไม่หนีไปไหนหรอก"

"เราสองคนจะไปหาเก็บผักด้วยจ้ะป้า ป่านนี้มะเขือแก่ พริกแดงเต็มต้นแล้ว"

"มันจะแก่จะแดง ก็ช่างหัวมันสิวะ"

"พ่อไม่เสียดายเหรอจ้ะ ถ้ามันเยอะจริงๆ เก็บขายได้ตั้งหลายตังค์เชียวนะ"

"เงินเล็กเงินน้อย เห็นแก่ได้ ใครเขาจะว่าเอา ว่าตกอับยากจนข้นแค้น"

"ใครเขาจะว่ายังไงก็ช่างปะไรสิจ๊ะป้า ป้าไม่อยากได้แต่บุปผากับทองกวาวอยากได้นี่นา"

"ไม่ต้องมาอ้างพริกอ้างมะเขือ เอ็งสองคนจะแอบไปหาไอ้คล้าว ไอ้แว่นซะละมากกว่า"

"ทำไมต้องแอบด้วยล่ะจ๊ะพ่อ เราไม่ได้ทำผิดถึงจะต้องแอบใคร"

"ยังไงมันก็ต้องรู้จักอายชาวบ้านเขามั่งโว้ย จนอย่างมัน จนจนน่าขนลุก"

"คนเราเกิดมาจนมันผิดตรงไหนจ๊ะพ่อ คนที่มันขยันทำแต่เรื่องเลวๆอย่างไอ้เจิดมากกว่าที่น่าจะอายชาวบ้านเขา"

"ทองกวาว...นี่กล้าเถียงพ่อเถียงแม่เชียวเหรอ"

"ทองกวาวไม่ได้เถียง แต่มันเป็นความจริงที่พ่อกับแม่น่าจะลองคิดดูต่างหาก ไปกันเถอะบุปผา"

สองสาวพากันเดินออกไป ทับทิมเร่งเร้าก้อนว่าจะทำยังไงดี เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว พลันก้อนก็แกล้งเป็นลมล้มพับ ทับทิมผสมโรงร้องกรี๊ดเอะอะตกใจ ทำให้สองสาวแตกตื่นรีบวิ่งกลับมาช่วยกันหามก้อนขึ้นเรือน

ก้อนแกล้งทำตาเหลือกชักกระตุกเรียกร้องความสนใจ ขณะที่ทับทิมยังเล่นละครต่อร้องไห้โหยหวน "โธ่ พี่ก้อน...แม่เห็นกับตาเลย พ่อเขาโกรธจนตัวเกร็งตาค้างแล้วก็ล้มพับลงไป"

"พ่อจ๋า..." ทองกวาวใจคอไม่ดี บุปผาก็เช่นกัน ตะโกนเร่งหมึกยิกๆ ว่ายาหอมได้รึยัง

"มาแล้วจ้ะมาแล้ว ยาหอมหมดหมึกไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยโขลกพริกกับใบกะเพราละลายน้ำร้อนมาให้แทนจ้ะ น่าจะใช้แทนกันได้"

ก้อนที่แกล้งนอนหมดสติอยู่ ถึงกับตาเหลือกสะดุ้งเฮือก

"ไอ้บ้าหมึก คนนะไม่ใช่ไก่ ดมใบกะเพราแล้วจะหายเป็นลม" ทับทิมดุหมึก

"ทำยังไงดีจ้ะแม่ ท่าทางพ่อไม่ดีขึ้นเลย พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลกันเถอะ"

"หมึกว่าพาไปวัดเลยดีกว่า จะได้รีบจองศาลาไว้ก่อน เดี๋ยวใครมาแย่ง"

ก้อนลืมตัวถีบหมึกเปรี้ยง "ไอ้บ้าหมึก...กูยังไม่ตายโว้ย"

"ฟื้นแล้ว พ่อฟื้นแล้ว" เพชรแหกปาก แล้วเข้าช่วยหมึกประคองก้อนให้ลุกขึ้นนั่ง ทองกวาวขยับมาถามพ่ออย่างห่วงใยว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ก้อนกลับเมินหนี

"เอ็งจะมาสนใจทำไม เห็นไอ้คล้าวมันสำคัญกว่าก็ไปหามันสิไป"

"โธ่...พ่ออย่างอนทองกวาวอย่างนี้สิจ๊ะ พ่อไม่สบายอย่างนี้ทองกวาวจะออกไปได้ยังไง"

"พี่เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า"

"มันเจ็บไปทั้งตัวแหละแม่ทับทิม แต่เจ็บตรงไหนมันก็ไม่เจ็บเท่าตรงหัวใจ ลูกเรามันเห็นคนอื่นสำคัญกว่าพ่อแม่มัน ฉันว่าฉันอายุสั้นแน่ๆ แม่ทับทิม"

"พ่อ...พ่อจะตายแล้วจริงๆเหรอจ๊ะ" เพชรใจเสียเริ่มตาแดงจะร้องไห้ แต่หมึกปล่อยโฮ รำพึงรำพันอย่างอาดูร "ลุงจ๋า ร่มโพธิ์ร่มไทรของหมึก ลุงตายแล้วหมึกจะอยู่กะใคร สมบัติตั้งเยอะแยะลุงยกให้พี่ทองกวาว พี่เพชรเถอะนะ ไม่ต้องมาแบ่งให้หมึกหรอก หมึกไม่อยากได้"

ก้อนทั้งรำคาญทั้งหมั่นไส้ใช้เท้ายันหมึกกระเด็นไป แล้วก็โอดโอยเล่นละครตบตาลูกหลานต่อไปอีก...

อีกพักใหญ่ๆ ทองกวาวรีบร้อนออกไปหาคล้าวที่กลางท้องนา คล้าวดีใจละมือจากงานเข้ามาหาเธอทันที

"พี่นึกว่าทองกวาวจะไม่มาซะแล้ว"

"ทองกวาวก็เกือบจะไม่ได้มาจริงๆน่ะแหละจ้ะพี่คล้าว พ่อแกไม่สบาย"

"อาก้อนเป็นอะไร"

"เป็นลมจ้ะ พ่อไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ทองกวาวไม่สบายใจเลย ทองกวาวอาจเป็นสาเหตุให้พ่อไม่สบายก็ได้"

"เรื่องเจ็บไข้เป็นธรรมดาของคนแก่นะทองกวาว อย่าโทษตัวเองไปเลย เราก็ทำหน้าที่ลูกของเราให้ดีที่สุดก็แล้วกัน"

"ทองกวาวก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันจ้ะพี่คล้าว อะไรที่เป็นความสุขความพอใจของพ่อ ทองกวาวก็คงต้องรีบทำเพื่อพ่อ"

คล้าวยิ้มปลอบใจทองกวาว แต่ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านของทองกวาว พ่อก้อนของเธอกำลังเดินพล่าน โดยที่แม่ทับทิมนั่งหน้าตาเป็นกังวล ไม่แน่ใจ

"พี่ว่ามันจะได้ผลเหรอ"

"ได้สิแม่ทับทิม ลูกมันไม่ใจจืดใจดำเกินไปหรอกน่า ยังไงมันก็ต้องเห็นคนเป็นพ่อเป็นแม่สำคัญกว่าผู้ชายละวะ"

"แต่พี่ก็ปล่อยให้มันออกไปหาไอ้คล้าว ไอ้แว่นอยู่ดี ฉันละแปลกใจ"

"ฉันก็แกล้งทำเป็นใจดีไปยังงั้นเอง เรื่องแบบนี้มันต้องค่อยๆเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แม่ทับทิมยังไม่เข้าใจอีก"

"แล้วยังไงต่อ...พี่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่สบายไปเรื่อยๆ"

"มันก็ต้องยังงั้นสิ"

"มันเหมือนแช่งตัวเองแหมือนกันนะพี่"

"เอาเหอะน่า เราต้องทำให้มันตายใจซะก่อน ถึงเวลาก็ตีหัวเข้าบ้านไปเลย"

"ตีหัวใครพี่"

ก้อนเกาหัวยิก ออกจะรำคาญความคิดเชื่องช้าของทับทิม...แล้วไม่ทันข้ามวัน คล้าวและเพื่อนพ้องก็แห่กันมาที่บ้านก้อน แต่ละคนดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรีกันอึกทึกราวกับมีงานบุญงานบวช นำหน้ามาโดยทองกวาวและบุปผา...ก้อนกับทับทิมโผล่หน้าออกมาดูแล้วสะดุ้งโหยงไปด้วยกัน

"ว้าย...ไอ้คล้าว ไอ้แว่น ไอ้ตี๋ ไอ้ไข่ ครบก๊วนมันเลย"

"มันกล้าเกินไปหน่อยแล้ว มาเหยียบถึงบ้านข้า"

"สงสัยพวกมันจะคิดว่าพี่ไม่สบายจริงๆ"

"พวกมันคงตั้งใจมาเย้ยฉัน มาดูลาดเลาว่าฉันจะตายเมื่อไหร่ แม่ทับทิมไปหยิบปืนมาสิ ฉันจะยิงมันให้ไส้แตกกันทั้งฝูงเลย"

"จะทำยังงั้นได้ยังไงล่ะพี่ เสียแผนหมด เราอุตส่าห์จะทำให้มันตายใจนะ ลืมแล้วเหรอ"

"เออ จริงด้วยโว้ย ต้องทำเป็นดีกับมันไปก่อน"

"ใช่ๆ น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอกนะพี่นะ"

ก้อนวิ่งกลับมาที่เสื่อ ลงนอนแกล้งป่วย ทับทิมมาช่วยจัดท่าทาง พลางบอกให้ก้อนทำเป็นเหนื่อย หน้าซีด ตาปรือๆให้ เหมือนคนใกล้ตาย ก้อนเลยจัดหนักให้ ถึงกับครางหงิงๆไปเลย คล้าวและผองเพื่อนต้องการขึ้นไปเยี่ยมก้อนแต่ถูกเพชรกางกั้นขัดขวางไม่ยอมท่าเดียว จนกระทั่งทับทิมโผล่ออกมาเชื้อเชิญทุกคนด้วยรอยยิ้ม แถมยังให้ความเป็นกันเองเรียกทุกคนว่าลูก ทำเอาลูกแท้ๆอย่างเพชรถึงกับอึ้งกิมกี่ ส่วนพวกคล้าวก็พากันอึ้งไปเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีขนาดนี้

ใช่แต่ทับทิมที่ยิ้มแย้มโอภาปราศรัยด้วยไมตรี ก้อนที่นอนป่วยก็ยังมีเมตตาต่อทุกคน ให้หมึกไปหาน้ำและขนมมาเลี้ยงแขก แต่พอเห็นพวกแว่นกินตะกรุมตะกรามอย่างตายอด ตายอยาก ซ้ำพออิ่มแล้วยังทำกิริยาน่าเกลียดทั้งเรอทั้งผายลมเสียงดัง ก้อนแทบทนไม่ไหว อยากจะลุกขึ้นเตะเรียงตัวเสียให้ได้

ทองกวาวและบุปผาดีใจที่สุดกับความเปลี่ยนแปลงของก้อนและทับทิม แต่สองสาวหารู้ไม่ว่าก้อนและทับทิมต้อง อดทนอดกลั้นอย่างมากกับการฝืนใจพูดดีทำดีกับคนจนอย่างพวกคล้าว และทันทีที่ทั้งคณะลากลับไป สองผัวเมียก็รีบให้ หมึกมากวาดถูเรือนใหม่เพื่อล้างเสนียดออกไปให้หมด

หลังจากนั้นไม่นานทั้งตลาดก็ร่ำลือกันปากต่อปากเรื่องความเปลี่ยนแปลงของก้อนและทับทิมที่มีต่อพวกคล้าว สายใจรู้จากหมู่น้อยที่มาส่งข่าวถึงบ้าน ตอนแรกเธอก็โวยวายไม่เชื่อ แต่พอหมู่น้อยยืนยันหนักแน่น เธอก็กรี๊ดออกมาด้วยความเจ็บแค้นใจ กลัวคล้าวหลุดลอยไปสมหวังกับทองกวาวขึ้นมาจริงๆ

เชนยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บที่ช่วยดวงใจให้รอดพ้นจากความกักขฬะของเจิดกับสมุน ดวงใจตอบแทนเชนด้วยการทำข้าวต้มมาให้และจัดยาให้เขากินครบทุกมื้อ นอกจากนี้ เธอยังไม่ยอมให้เขาออกไปทำงานจนกว่าจะหายเป็นปกติ ทำให้เชนซาบซึ้งถึงกับแอบปลื้มนายจ้างสาวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

เย็นนี้เอง จอมตั้งใจมาคุยกับก้อนและทับทิมเรื่องที่เจิดทำงามหน้าจะปลุกปล้ำทองกวาว แต่ก้อนไม่ต้อนรับรีบหลบหน้าหนีเข้าห้องไปเสียก่อน โดยให้ทับทิมบอกว่าตนไม่ สบาย นอนหลับพักผ่อนอยู่ ทับทิมจึงต้องรับหน้าจอมตามลำพัง ทั้งๆที่ไม่อยากเสวนาด้วย

"พี่จอมมีธุระอะไรรึเปล่าจ๊ะ"

"ฉันก็อยากมาคุยเรื่องไอ้เจิดลูกชายฉันน่ะแหละแม่ ทับทิม ความจริงมันก็เตรียมดอกไม้ธูปเทียนแพเอาไว้จะมาขอขมาลาโทษน้องก้อน แม่ทับทิมแล้วละ แต่มันไม่กล้ามันอาย มันกลัวว่าน้องก้อนกับแม่ทับทิมจะยังโกรธมันอยู่ เด็กมันเมา จะว่าไปมันก็คงรักลูกสาวแม่ทับทิมมากจนยั้งใจไว้ไม่อยู่ แม่ทับทิมยกโทษให้มันเถอะน่ะ อย่าไปถือสาหาความมันเลย"

ทับทิมท่าทีกระอักกระอ่วน ก้อนที่แอบฟังอยู่ในห้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยังไงก็ไม่มีทางให้อภัยและญาติดีกับสองพ่อลูกอีกแน่ๆ

ส่วนเจิดที่หนีออกจากบ้านไปพร้อมสมุนหลังโดนพ่อจอมไล่ยิงเมื่อวันก่อน ซ้ำยังไปก่อเรื่องน่าอับอายขายหน้าที่บ้านก้อนไว้อีก แถมคืนนี้พอเจิดกลับเข้าบ้านก็ยังไม่สำนึกตัว จะแอบขโมยเหล้าฝรั่งในตู้ของพ่อออกมากินกับสมุน แต่ไม่ทันหยิบเอาไปจอมออกมาเจอเสียก่อน เจิดถึงกับผวาหน้าซีดเผือด 

"มึงยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอไอ้เจิด" จอมคำรามใส่

"ฉันผิดไปแล้วจ้ะพ่อ พ่อจะตัดพ่อตัดลูกกับฉันได้ลงคอเชียวเหรอ ฉันเป็นลูกพ่อนะ"

"มีลูกอย่างเอ็ง ข้าไม่มีซะดีกว่า ก่อแต่ปัญหา ไม่เคยทำอะไรให้ภูมิใจได้ซักอย่าง"

"ฉันสัญญาจ้ะพ่อ ฉันจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ฉันจะเชื่อฟังพ่อ เป็นลูกที่ดีของพ่อจ้ะ ฉันจะไม่ทำตัวเหลวไหล พ่อหวงเด็กของพ่อ ฉันก็จะไม่ยุ่งกับเด็กของพ่อก็ได้ พ่ออยากให้ฉันได้ทองกวาวทำเมีย ฉันก็จะตั้งใจจ้ะ"

"ไอ้ก้อน นังทับทิม มันเห็นไส้เห็นพุงเอ็งหมดแล้ว  จ้างให้มันก็คงยกลูกสาวให้เอ็งหรอก"

"เรารวยยังกะอะไรดี ยังไงมันก็ต้องเป็นฝ่ายมาง้อเราสิจ๊ะพ่อ พ่อต้องไปกลัวอะไร"

จอมชะงักกึก ครุ่นคิดคล้อยตามคำพูดลูกชายจนความเชื่อมั่นกลับคืนมาอีกครั้ง

ooooooo

คืนเดียวกัน ก้อนและทับทิมเฝ้ามองทองกวาวเย็บเสื้ออย่างครุ่นคิดก่อนตัดสินใจพูดเรื่องที่จะให้ทอง- กวาวกับบุปผาไปเรียนตัดเสื้อที่กรุงเทพฯ เรียนจบกลับมาจะได้เปิดร้านของตัวเอง บุปผาดีใจมากเพราะเคยคิดกับทองกวาวไว้เหมือนกันว่าอยากเปิดร้านตัดเสื้อ

"ถ้ายังงั้นก็รีบไปเรียนตัดเสื้อกันเลย พ่อจะส่งเอ็งกับนังบุปผาไปกรุงเทพฯ ไปอยู่กับป้าทองคำเขา เรียนตัดเสื้อซักปี สองปีก็จบ"

ทองกวาวนิ่งไปอย่างลังเล ตรงข้ามกับบุปผาที่กระดี๊กระด๊าอยากไปใจจะขาด

"อ้าวทองกวาว ทำไมเงียบไปล่ะ เอ็งไม่ดีใจรึไงวะ"

"ดีใจจ้ะพ่อ แต่ว่า..."

"เอ็งไม่อยากห่างไอ้คล้าวมันใช่ไหมล่ะ"

"ก็กว่าจะเรียนจบ  ตั้งปีสองปี"

"ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้กลับมาบ้านเราเลยนี่ลูก คิดถึงบ้านคิดถึงคนที่นี่ก็กลับมาเยี่ยมได้ ปีสองปีเท่านั้นเอง คล้าวมันเป็นคนดี ทำไมมันจะรอลูกไม่ได้" ทับทิมหว่านล้อม

"ใช่ๆ พี่แว่นก็ต้องรอบุปผาได้เหมือนกัน" บุปผามั่นใจ 

"เรียนจบกลับมาเปิดร้านที่บ้านเราแล้วค่อยแต่งงานกันก็ได้"

"ป้าอนุญาตแล้วเห็นไหมทองกวาว"

"ถ้าเอ็งยังไม่แน่ใจ จะให้คล้าวมันยกขันหมากมาขอหมั้นเอ็งเอาไว้ก่อนยังได้เลย"

"พ่อพูดจริงๆนะจ๊ะ"

"จริงสิโว้ย"

ทองกวาวยิ้มออก โผกอดพ่อกับแม่และบอกรักท่านที่สุดในโลก...หลังจากแยกย้ายกันเข้าห้องนอน บุปผายังตื่นเต้น ดีใจไม่หาย ผุดลุกผุดนั่งจะเลือกเสื้อผ้าเตรียมไปกรุงเทพฯ  ส่วนทองกวาวนั่งยิ้มหน้าบานมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างฝันหวาน

"แหม...ดีใจจนนอนไม่หลับเชียวนะ" บุปผาหันมาแซว

"ไม่รู้ว่าพี่คล้าวจะว่ายังไงบ้างนะบุปผา อีกตั้งสองปีกว่าจะเรียนจบ"

"พี่คล้าวน่ะไม่น่าห่วงหรอกทองกวาว ไอ้คนที่น่าห่วง ที่สุดน่ะไอ้พี่แว่นต่างหาก อย่าว่าแต่ปีสองปีเลย แค่เดือนเดียวมันก็เสียคนแล้ว"

"บุปผาต้องเชื่อมั่นในตัวพี่แว่นสิ แค่เชื่อมั่นอย่างเดียว ต่อให้อยู่ไกลกันแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรมาขวางทางเป็นอุปสรรคได้หรอก"

"แหม ใครเขาจะเหมือนคู่ตัวเองล่ะจ๊ะ จะว่าไปลุงกับป้านี่ใจกว้างยังกะแม่น้ำนะทองกวาว"

"ใช่ พ่อกับแม่อุตส่าห์ตั้งใจขนาดนี้ ทองกวาวถึงไม่อยากทำให้ผิดหวัง เราตั้งใจเรียนกันให้จบเร็วๆนะบุปผานะ จะได้กลับมาเปิดร้านด้วยกัน"

"จะได้กลับมาเปิดร้าน หรือว่ากลับมาแต่งงานกันแน่จ๊ะ"

"บ้า...ก็ทั้งสองอย่างน่ะแหละ" ทองกวาวพูดอย่างเขินอาย

"ว่าแต่ไอ้พี่แว่นมันจะหาเงินค่าสินสอดทันไหมเนี่ย"

"เงินทองมันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วละบุปผา"

"ตัวเองก็พูดได้สิ พระเอกของตัวเองเหมือนพระเอกของเค้าซะที่ไหน"

"เมื่อไหร่จะเช้าซะทีนะ"

"จะได้รีบไปบอกข่าวดีพี่คล้าวละสิ" บุปผาหยอกล้อแล้วโผล่หน้าไปตะโกนนอกหน้าต่างว่า "พระจันทร์จ๊ะรีบตกๆไปเลย  พระอาทิตย์เขาจะได้ขึ้นซะที  เห็นใจคู่รักเขาบ้าง เขาจะได้รีบไปส่งข่าวดีกัน"

ทองกวาวทั้งอายทั้งขำ หยิกตีบุปผาพัลวัน...พอพระอาทิตย์ โผล่พ้นขอบฟ้าในวันรุ่งขึ้น ทองกวาวก็ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปหาคล้าวกลางท้องนาเพื่อบอกข่าวดี คล้าวดีใจมากที่พ่อแม่ ของทองกวาวยอมรับตนแล้ว แต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่ทองกวาวจะต้องไปเรียนตัดเสื้อที่กรุงเทพฯตั้งเกือบสองปี แต่เขาก็ให้คำมั่นสัญญากับเธอไว้ว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหน  พี่คล้าวก็รอทองกวาวได้เสมอ

แต่สำหรับแว่น พอรู้เรื่องจากบุปผาก็ตีโพยตีพายไม่ อยากให้ไป กลัวบุปผาจะเปลี่ยนใจมีแฟนใหม่เป็นหนุ่มกรุงเทพฯ  แต่บุปผายืนยันไม่เปลี่ยนใจ และขอให้แว่นขยันทำงานเก็บเงิน ถึงเวลาที่เธอกลับมาจะได้ยกขันหมากไปสู่ขอเธอจากลุงกับป้า  ด้านแม่คอนของคล้าวก็ให้กำลังใจลูกทันทีที่รู้ว่าก้อนและทับทิมยอมรับในตัวลูกชายของตนแล้ว

"คนทำดียึดมั่นในความดี  ถึงไม่มีใครมาเห็น แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ต้องเห็น ต้องเมตตาเห็นใจอย่างนี้ละลูก"

"จ้ะแม่ แต่ทองกวาวก็ต้องไปอยู่กรุงเทพฯ อีกเป็นปีกว่าจะได้กลับมาหนองทรายขาว"

"ถ้ารักกันจริงต่อให้อยู่ไกลกันขนาดไหน มันก็ไม่มีอะไรมาแยกเอ็งกับทองกวาวได้หรอกคล้าว"

"จ้ะแม่ หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน"

"ผู้ใหญ่เขาเมตตาเอ็งขนาดนี้เอ็งต้องยิ่งทำให้เขามั่นใจในตัวเอ็งนะลูก  ว่าวันข้างหน้าเอ็งจะเป็นที่พึ่งของเขา  ของลูกสาวเขาได้ อย่าลำพองใจว่าเหนือกว่าคนอื่น"

"จ้ะแม่ หนูจะจำทุกคำที่แม่สอน จะไม่ให้ใครมาตำหนิ ได้ว่าเสียทีที่เกิดมาเป็นลูกแม่จ้ะ"

คอนตื้นตันใจ ลูบหัวลูกชายแล้วดึงตัวเข้ามากอดด้วยความรัก

ooooooo

เพิ่งจะบอกลูกหลานไปว่าอีกหลายวันกว่าจะไป กรุงเทพฯ แต่จู่ๆคืนนี้ก้อนและทับทิมก็มาบอกว่าจะเดินทางกันพรุ่งนี้แต่เช้าตรู่ ทองกวาวอิดออดเพราะยังไม่ได้บอกลาคล้าว ยิ่งพอได้ยินก้อนพูดว่าจะต้องไปบอกมันทำไม ยังไงก็ต้องพรากจากกันอยู่แล้ว ทองกวาวก็ยิ่งไม่สบายใจ แอบบ่นกับบุปผาว่า กลัวพ่อแม่จะตุกติกอะไรกับเรา

"คิดมากไปได้ทองกวาว ผู้ใหญ่รับปากอะไรแล้ว เขาไม่คืนคำหรอกน่า"

"แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้ทองกวาวได้เจอกับพี่คล้าว ได้ร่ำลากันอีกซักครั้ง"

"แหม ที่ผ่านมายังร่ำลากันไม่พออีกเหรอจ๊ะ มาช่วยบุปผาจัดกระเป๋าก่อนเร้ว"

"มันขนไปไม่หมดก็อย่าขนไปเลย เลือกเอาไปแต่ ที่จำเป็นๆก็พอบุปผา"

"นั่นสินะ ไปเรียนตัดเสื้อแล้วจะขนเสื้อผ้าไปทำไมมากมาย บุปผานี่บ๊องจริงๆเลย"

บุปผาว่าตัวเอง แล้วก็ออกอาการร่าเริงตื่นเต้นกับการจะได้เดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้ ในขณะที่ทองกวาวพะว้าพะวังกังวลใจ ส่วนก้อนและทับทิมที่ตั้งใจจะพาลูกหลานหนีไปเงียบๆ ก็แทบไม่ได้หลับได้นอนเพราะกลัวจะหลับเพลินจนพลาดเรือเที่ยวแรกที่จะเข้ากรุงเทพฯ

พอเช้าตรู่ทุกคนพากันออกจากบ้าน โดยมีหมึกตามไปส่งถึงท่าเรือ เพชรแต่งตัวหล่อสุดๆ กระดี๊กระด๊าดีใจเหลือเกินที่ได้ไปกรุงเทพฯเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับบุปผาที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ต่างจากทองกวาวที่พอลงเรือก็ยังชะเง้อชะแง้กวาดสายตาไปทั่วเผื่อจะเจอใครที่รู้จัก

ทันใดนั้นเอง ทองกวาวมองไปเห็นหมู่น้อย เธอฉวยโอกาสตอนพ่อกับแม่มัวคุยเพลินกับชาวบ้านรีบขึ้นไปหาหมู่น้อย

"อ้าว ทองกวาว มาทำอะไรแถวนี้แต่เช้า"

"ทองกวาวต้องไปกรุงเทพฯวันนี้"

"ไหนไอ้แว่นมันบอกว่าอีกหลายวัน"

"พ่อกับแม่แกใจร้อนจะไปวันนี้ให้ได้ หมู่น้อยช่วยอะไรทองกวาวอย่างนึงได้ไหม ช่วยไปบอกพี่คล้าวทีว่าทองกวาวต้องไปแล้ว ทองกวาวอยากเห็นหน้าพี่คล้าวอีกซักครั้งนึง เพราะไม่รู้เมื่อไรทองกวาวจะได้กลับมาเยี่ยมบ้าน"

"แล้วนี่เรือจะออกกี่โมง"

"เจ็ดโมงตรง"

"ตายโหง อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง"

"ช่วยทองกวาวหน่อยเถอะนะหมู่น้อย"

"เพื่อเพื่อน...หมู่น้อยจะพยายามนะทองกวาว"

"ขอบใจนะหมู่น้อย"

หมู่น้อยวิ่งออกไปสุดฝีเท้า ส่วนทองกวาวต้องกลับไปลงเรือเพราะเสียงพ่อแม่เรียกเร่งโหวกเหวกมา...หมู่น้อยทำเวลาดีมาก แต่ก็ลิ้นห้อยหอบแฮ่กแทบพูดกับคล้าวไม่เป็นภาษา พอคล้าวจับใจความได้ก็ตกใจแทบช็อก รีบควบไอ้ฉ่ำออกไปราวกับพายุ

คล้าวไปถึงท่าเรือ ปรากฏว่าเรือออกจากท่าไปสักครู่หนึ่งแล้ว แต่คล้าวก็ยังไม่ถอดใจ ควบไอ้ฉ่ำไปตามตลิ่งพยายามกวดให้ทันเรือ เพชรเหลือบไปเห็นคล้าวก็ตะโกนบอกพ่อแม่อย่างตกใจ ทองกวาวที่กำลังเศร้าจัดถึงกับลุกพรวดไปด้านหลังเรือด้วยความดีใจ

เมื่อคิดว่าไล่กวดไม่ทันเรือแน่ๆ คล้าวตัดสินใจกระโดดลงคลองว่ายน้ำตามเรือไปจนทัน และได้จับมือทองกวาวที่ยื่นมาสุดแขน ท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองของก้อนและทับทิมที่ไม่เต็มใจให้ทั้งคู่ได้ร่ำลากัน

"พี่คล้าว แล้วทองกวาวจะรีบกลับมาบ้านเรานะจ๊ะ"

"พี่จะคอยทองกวาว"

"รักษาตัวให้ดีนะจ๊ะพี่คล้าว"

"ทองกวาวก็เหมือนกันนะ"

"พ่อบอกว่าให้พี่คล้าวยกขันหมากมาหมั้นทองกวาวเอาไว้ก่อนได้เลย พี่คล้าวรีบยกมานะจ๊ะ"

"จ้ะทองกวาว" คล้าวเริ่มหมดแรง มือที่เกาะกุมกันอยู่ เริ่มคลายออก ทองกวาวน้ำตาร่วงพรูทันทีที่มือหลุดออกจากกัน...แล้วคล้าวก็ถูกทิ้งให้ลอยคออยู่กลางคลอง มองตามเรือที่แล่นห่างออกไปทุกที

"ทองกวาว...พี่จะรักจะรอทองกวาวคนเดียว" คล้าว ตะโกนลั่นไปทั้งคุ้งน้ำ

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น