หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

มนต์รักลูกทุ่ง ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

บุปผาชะเง้อชะแง้ท่าทีกระวนกระวายอยู่ตีนบันได   พอเห็นทองกวาวเดินกลับมา   บุปผารีบวิ่งมาดักหน้า ถามว่าทำไมไปนานจัง ทองกวาวยังไม่ทันจะตอบ เสียงเพชรก็ตะโกนปาวๆ บอกพ่อแม่ว่าพี่ทองกวาวกลับมาแล้ว

สองผัวเมียเดินหน้าบึ้งตึงลงจากเรือน บุปผากับหมึกกลัวแทน จะให้ทองกวาวหลบไปก่อน แต่ทองกวาวกลับยืนนิ่งไม่ไปไหน

"นังทองกวาว หายหัวไปไหนมา" เสียงก้อนเข้มจัด...

บุปผากระซิบบอกทองกวาวให้แก้ตัวดีๆ ไม่งั้นโดนหนักแน่

"ทองกวาวไปหาพี่คล้าวมาจ้ะ"

คำตอบตรงๆของทองกวาวเล่นเอาพ่อแม่ตะลึงอ้าปากค้าง

"ทำไมไม่บอกแกไปว่าไปเก็บพริก เก็บมะเขืออะไรก็ได้...โธ่"

"โกหกไปก็เท่านั้นแหละบุปผา สู้บอกความจริงไปเลยดีกว่า"

"เอ็งกล้าเกินไปแล้ว นังทองกวาว"

"ฉันไปหาไม้เรียวมาเตรียมไว้เลยนะจ๊ะพ่อ" เพชรวิ่งแจ้นออกไปทันที

"ลูกหนอลูก รู้ไปถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น"

"ทำไมต้องอายด้วยล่ะจ๊ะแม่ ในเมื่อเราพูดความจริง"

"ไปหาผู้ชายเนี่ยนะไม่อาย แล้วไอ้ผู้ชายบ้านั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ไอ้คล้าว หาดีอะไรไม่ได้ซักอย่าง กูจะบ้าตาย"

"เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่จ๊ะพ่อ"

"ทำไมจะไม่เสียหาย ใครๆเขาก็รู้กันไปทั่วแล้วว่าเราจะต้องแต่งงานกับพ่อเจิดเขา"

"ทองกวาวไม่เคยตกปากรับคำด้วยซักหน่อยว่าจะแต่งงานกับไอ้เจิด พ่อกับแม่คิดกันไปเอง จัดการกันไปเองทั้งนั้น ทองกวาวเกลียดขี้หน้ามันยังกะอะไรดี"

"พี่ทองกวาวตาถั่ว ไอ้คล้าวมันหล่อสู้พี่เจิดที่ไหน พี่เจิดหล่อกว่า เท่กว่าเป็นกอง"

"เอ็งว่าหล่อ เอ็งก็แต่งกับมันเองก็แล้วกันไอ้หมึก"

"บ้าสิ...พี่ทองกวาว"

"ข้าเป็นพ่อเอ็ง ข้าบอกให้แต่งก็ต้องแต่ง"

"พ่อบังคับทองกวาวได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้พ่อไม่มีทางบังคับทองกวาวได้หรอก ถ้าพ่อกับแม่ยังไม่ยอมเลิกคิดเรื่องนี้อีก ทองกวาวจะหนีตามพี่คล้าวไปเลย ไม่เชื่อก็คอยดู"

ทับทิมตาค้าง เอ่ยปากอยากเป็นลม ก้อนก็อื้ออึงด้วยความโกรธ  ทองกวาวก้าวขึ้นเรือนไปทันที  ส่วนบุปผาก็รีบชิ่งเอาตัวรอดก่อนจะโดนลุงกับป้าฟาดงวงฟาดงา

ooooooo

คล้าวสีหน้าคลายทุกข์โศกกลับมาบ้าน บอกเล่าให้แม่คอนฟังว่าทองกวาวมาช่วยตนกู้นา

"อีกสองสามวันช่วยกันหลายๆคน ก็คงจะเสร็จ มันก็อย่างที่ทองกวาวบอกหนูแหละ แม่พระโพสพท่านยังอยู่กับเรา ไม่ได้ทิ้งเราไปไหน เราจะท้อใจไปทำไม"

"หมั่นไส้ อะไรก็ทองกวาวๆ พูดยังกะว่าถ้าไม่มีมันพี่จะคิดเองทำเองไม่ได้งั้นแหละ"

"สายใจ" คล้าวเงยหน้ามองสายใจอย่างเอือมๆ

"นี่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าพี่ต้องเดือดร้อนขนาดนี้ก็เพราะอีทองกวาวนี่แหละ พี่ไปวอแวกับผู้หญิงของไอ้เจิดมัน ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าอีกไม่กี่วันมันสองคนก็จะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว"
"ใครจะพูดยังไงก็ช่าง แต่ความจริงมันคือทองกวาวกับพี่รักกัน อะไรก็มาพรากเราจากกันไม่ได้หรอกสายใจ"

"โง่...พี่คล้าวโง่ ทั้งโง่ทั้งตาบอด"

"สายใจรู้ยังงี้แล้วก็เลิกมาวุ่นวายกับพี่กับทองกวาวซะทีเถอะ"

"พี่คล้าว..." สายใจโกรธจี๊ดแต่ทำอะไรไม่ได้ เต้นผางแล้งปึงปังออกไป

"สงสารสายใจมันนะคล้าวเอ๊ย"

"ทำยังไงได้จ๊ะแม่ คนเรามันต้องรู้จักยอมรับความจริงให้ได้ ไม่รักแล้วจะมาบังคับให้รักได้ยังไง"

ฟังลูกแล้วคอนก็พูดไม่ออก ได้แต่มองตามสายใจไปด้วยความสงสาร

ooooooo

คำขู่ของลูกสาวเมื่อเย็นทำให้คืนนี้ทับทิมถึงกับนอนไม่หลับ พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา จนหันมาเจอก้อนนอนก่ายหน้าผากลืมตาโพลงมองเพดาน

"นอนไม่หลับเหรอแม่ทับทิม"

"ใครจะไปหลับลงล่ะพี่ แค่หลับตาก็ได้ยินเสียงลูกมันขู่เอาแล้ว เราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่ จะลองตามใจมันหน่อย ดูๆไอ้คล้าวมันนิดดีไหม"

"จะบ้าเรอะแม่ทับทิม จนไม่มีจะกิน เสื้อผ้าก็เห็นมันใส่แต่ขาดๆปะๆอย่างไอ้คล้าว แม่ทับทิมจะยอมให้มันมาเป็นลูกเขยเราเรอะ แม่ทับทิมไม่อาย แต่ฉันอายนะ"

"แต่ถ้าเกิดมันหนีตามไปจริงๆ ฉันว่าเราจะยิ่งอายมากกว่านะพี่"

"มันก็คงขู่เราไปยังงั้นเองละวะ"

"พี่พูดยังกะไม่รู้จักลูกตัวเองดีพอ ทองกวาวถึงมันจะเป็นลูกผู้หญิงแต่มันก็ใจเด็ดนะพี่"

"อย่าพูดสิโว้ย ยิ่งพูดยิ่งใจเสีย"

"อย่างที่ฉันว่าแหละ เราคงต้องทำดีๆกับไอ้คล้าวมันบ้างละมั้ง"

"ไม่มีทาง ให้ฝืนทำดีกับไอ้คล้าว ฉันยอมแก้ผ้าเดินรอบตลาดดีกว่า อีกอย่าง แม่ทับทิมอย่าลืมนา เราตกปากรับคำพี่จอมเขาเอาไว้แล้วว่าจะยกนังทองกวาวให้พ่อเจิดเขา ผู้ดีอย่างเราจะคืนคำได้ยังไง"

"แล้วจะทำยังไงกันดี"

"มันต้องมีทางสิวะ มันต้องมีทาง" ก้อนพูดพึมพำ สีหน้าครุ่นคิดหนัก

ooooooo

เมื่อวานโดนมิ่งแอบเข้าไปขโมยเงินหมดเกลี้ยง เช้าวันนี้เชนเลยหงอยๆซึมๆไปถนัด ข้าวเช้าที่ดวงใจจัดหาไว้ให้ก็ไม่มากิน จนเกือบจะเที่ยงดวงใจหิ้วปิ่นโตออกไปให้ถึงท้องนา เชนก็ยังไม่ยอมกิน สีหน้าท่าทางเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ

ส่วนที่โรงพัก แว่น ตี๋ และไข่พากันมาเยี่ยมหมู่น้อยที่ถูกคุมขังตั้งแต่เมื่อวาน แว่นส่งกล้วยน้ำว้าผ่านลูกกรงห้องขังให้น้อยกินรองท้องแก้หิวไปก่อน

"ขอบใจว่ะเพื่อน พวกเอ็งมีน้ำใจกับข้าจริงๆ แค่พวกเอ็งมาเยี่ยมข้าข้าก็น้ำตาจะไหลแล้ว"

"นี่ถ้านังสายใจมันโผล่มาอีกคนเอ็งมิร้องไห้โฮเหรอวะ" ตี๋แซว

"ข้ามันคนอาภัพ ชาตินี้น้องสายใจคงไม่มีวันเห็นใจข้าหรอก"

"เอ็งอย่าเพิ่งท้อใจสิวะไอ้น้อย ชาตินี้ไม่มีหวังก็รอชาติหน้าก็ได้"

น้อยฟังแล้วคอตกยิ่งเศร้าหนัก แว่นเลยหันมาด่าไข่ทันที

"เอ็งนี่ปากเสียไอ้ไข่ ไอ้น้อยมันกำลังต้องการกำลังใจอยู่นะโว้ย"

"กำลังใจข้าหมดไปนานแล้วไอ้แว่น มันไม่มีเหลือแล้ว"

"เกิดเป็นลูกผู้ชายเอ็งต้องเข้มแข็งสิวะ"

"ถ้าน้องสายใจโผล่มาให้ข้าเห็นหน้าซะหน่อย ข้ายังจะพอมีกำลังใจ มีชีวิตอยู่ต่อไปบ้างว่ะ"

"ไอ้หมู่น้อย..."

"พวกเอ็งดูเอาเถอะ ขนาดตอนนี้ข้ายังหูแว่วได้ยินน้องสายใจเรียกข้าเลย"

พลันสายใจก้าวเข้ามาตีหน้ายักษ์ พูดเสียงดังฟังชัดว่า "ไม่ได้หูแว่วโว้ย"

"น้องสายใจ นี่หมู่น้อยไม่ได้ฝันไปใช่ไหมจ๊ะ น้องสายใจมาเยี่ยมหมู่น้อย"

"ใครบอกว่าข้ามาเยี่ยมเอ็ง ข้ามาสมน้ำหน้าเอ็งต่างหาก เพราะเอ็ง...พี่คล้าวของข้าถึงตัดใจจากอีทองกวาวไม่ได้ซะที"

ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจว่าสายใจโยงเรื่องมารวมกันได้ยังไง

"เอ็งพูดยังไงของเอ็งวะนังสายใจ คนเขาจะรักกัน เอ็งจะไปกะเกณฑ์ไม่ให้เขารักกันได้ยังไงวะ แล้วไอ้น้อยมันไปเกี่ยวอะไรด้วย"

"เกี่ยว...ทำไมจะไม่เกี่ยว"

"อีนี่...สงสัยจะกลัวใครเขาไม่รู้ว่าเป็นนางอิจฉา"

"มันน่าจับไปอยู่รวมกลุ่มกับพวกไอ้เจิดจริงๆว่ะ"

"กรี๊ด...ไอ้พวกบ้า" ด่าเสร็จสายใจก็ปึงปังกลับออกไปทันที ปล่อยให้หมู่น้อยมองตามตาละห้อย อาลัยอาวรณ์ฝ่ายเดียว

ooooooo

เจิดเพิ่งตื่นนอนออกจากห้องมาเจอเด็กสาวของพ่อกำลังถูบ้าน ทรวดทรงองค์เอวของเธออวบอั๋นจนเจิด ห้ามใจไม่ไหว ตรงเข้ามาจี้เอวหยอกล้อแล้วจะถือโอกาสกอดรัดซุกไซ้ แต่ทว่าจอมออกมาเห็นเสียก่อน จอมโกรธมากคว้าปืนไล่ยิงเจิดจนล้มลุกคลุกคลานลงจากบ้านแทบไม่ทัน

จังหวะที่เจิดวิ่งหนีไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่หน้าบ้าน หมึกหิ้วหม้อใส่แกงเข้ามาพอดี ร้องบอกเจิดว่าลุงก้อนกับป้าทับทิมให้เอาแกงมาฝาก เจิดไม่ได้ฟัง แถมด่าหมึกว่าไอ้บ้า ก่อนขี่รถออกไปพร้อมสมุนอีกเป็นพรวน

"ไอ้เจิด ไอ้ลูกทรพี มึงไสหัวไปเลย อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีกนะมึง"

จอมถือปืนจังก้า ร้องด่าโหวกเหวก หมึกกุลีกุจอจะเอาแกงขึ้นไปให้ แต่จอมกำลังบ้าดีเดือดยิงปืนไล่หลังเจิดไปอีกนัด กระสุนทะลุหม้อในมือหมึกจนน้ำแกงพุ่งทะลัก หมึกตกใจแทบช็อก โกยแน่บไปอีกคน แล้วกลับมาเล่าให้ทุกคนที่บ้านฟังอย่างอกสั่นขวัญผวา

"ลุงจอมเขาไล่ยิงพี่เจิด โดนหม้อเป็นรูเลยจ้ะ"

"พูดไปได้ พ่อจอมเขาจะทำยังงั้นทำไม" ก้อนไม่เชื่อ

"ลุงจอมเรียกพี่เจิดว่าไอ้ลูกทรพีด้วยจ้ะ"

"ทรพี...แปลว่าอะไรเหรอพ่อ" เพชรสงสัย

"แปลว่าน่ารักน่าเอ็นดูอะไรทำนองนั้นมั้ง" ก้อนตอบส่งเดช แต่บุปผาเยี่ยมหน้าเข้ามาอธิบาย

"ทรพีมันชื่อควายที่มันอกตัญญูฆ่าพ่อมันต่างหากล่ะลุง นี่สงสัยไอ้เจิดคงจะออกลายกับพ่อเข้าแล้ว"

"พ่อเจิดเขาเป็นคนดี เอ็งนี่ชอบใส่ร้ายเขา" ทับทิมตาขวางใส่บุปผา

"แล้วแม่ไม่คิดบ้างเหรอจ๊ะว่าคนดีของแม่จะดีแตกเข้าซักวัน" ทองกวาวพูดอย่างหมั่นไส้ ลุกหนีออกมาเพราะขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด

"ไอ้หมึก ไหนเอ็งเล่ามาให้ข้าฟังอีกทีซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

"พี่ก็...ไปฟังอะไรไอ้หมึกมัน ไอ้นี่มันเซอะซะยังกะอะไรดี เล่าอะไรเชื่อได้ที่ไหน"

ทับทิมเบรกเสียจนหมึกพูดไม่ออก ได้แต่เกาหัวแกรกๆ ทำหน้าเอ๋อๆ

ooooooo

มิ่งใช้เงินเปลืองหมดไปกับเหล้าและการพนัน พอหมดตูดก็กลับมาหาเรื่องทะเลาะกับดวงใจ คาดคั้นขอเงินไปต่อทุนแต่ดวงใจไม่ยอมให้ เถียงกันไปเถียงกันมามิ่งหลุดปากเรื่องขโมยเงินเชน ดวงใจเลยถึงบางอ้อว่าทำไมเชนถึงได้เปลี่ยนไป

ดวงใจคว้าหมวกใส่หัวเดินออกไปกลางทุ่ง ร้องเรียกเชนที่กำลังรดน้ำพืชผักบนคันนา เชนขานรับแล้วก้มหน้าทำงานต่อ

"มีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกฉันซักคำ"

"คุณดวงใจพูดเรื่องอะไรครับ"

"นายรู้ใช่ไหมว่าพ่อฉันเข้าไปขโมยเงินของนาย"

เชนก้มหน้านิ่งไม่ตอบ ดวงใจยิ่งเคือง ถอดหมวกวางไว้ก่อนขยับเข้ามาใกล้เชน

"เกิดเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่บอกฉัน ทำอย่างนี้แล้วจะอยู่ด้วยกันได้เหรอ"

"ผมจะทำยังงั้นได้ยังไงครับคุณดวงใจ ผมเป็นแค่ลูกจ้าง"

"คำก็ลูกจ้าง สองคำก็ลูกจ้าง เมื่อไรจะเลิกพูดอย่างนี้ซะที นายก็เหมือนคนในครอบครัวของฉันคนนึงแล้วนะนายเชน"

"แค่คุณดวงใจมีน้ำใจรับผมไว้เป็นคนงาน มีกินมีที่ซุกหัวนอนอยู่ทุกวันนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วครับ ผมไม่บังอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนในครอบครัวคุณดวงใจหรอกครับ"

"นายจะเจียมตัวไปถึงไหนก็เรื่องของนาย แต่นายต้องรู้จักปกป้องสิทธิของนาย ศักดิ์ศรีของนายบ้างสิ"

"ผมจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณดวงใจสอนผมครับ แต่เรื่องเงินช่างมันเถอะครับ คิดซะว่าผมทำหล่นหายเพราะความเซ่อซ่าของผมเอง ผมแค่จะซื้อไฟฉายกระบอกเดียว ถึงไม่ได้ซื้อก็ไม่เป็นไรหรอกครับ"

ดวงใจอึ้งพูดไม่ออก เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นใครที่จิตใจเต็มไปด้วยความประนีประนอมกับโลกใบนี้มาก่อนเลย

อารามโกรธปนเซ็ง ดวงใจเดินกลับออกมาโดยลืมหมวกเอาไว้ กำลังละล้าละลังว่าจะกลับไปเอาดีไหม เจิด กับสมุนก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาพูดจาลวนลามแทะโลม หนำซ้ำเจิดยังพยายามปลุกปล้ำดวงใจ แต่ไม่สำเร็จเพราะเชนซึ่งจะเอาหมวกมาคืนดวงใจวิ่งเข้ามาช่วย

เชนต่อสู้กับพวกเจิดจนตัวเองสะบักสะบอมบาดเจ็บหัวแตก ในขณะที่พวกเจิดทุกคนก็เยินกลับไปเหมือนกัน เมื่อดวงใจพาเชนกลับมาทำแผลที่บ้าน สายใจเห็นเข้าก็เลยซักถามก่อนที่เธอจะผลุนผลันออกจากบ้านไปด้วยความโมโห

จอมกับสมุนกำลังขูดรีดเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้อยู่ในตลาด แต่พอจอมเหลือบเห็นก้อนกับทับทิมเดินตรงมา เขาก็รีบปรับเปลี่ยนท่าทีเป็นเศรษฐีใจดีจนได้รับคำชมจากสองผัวเมียไปเต็มๆ แต่แล้วสายใจก็ปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางเอาเรื่องทำให้ทุกคนชะงักกันไปหมด

"ตาจอม...ไอ้ลูกชายตัวดีมันไปซุกหัวอยู่ไหนล่ะ"

"ข้าจะไปรู้เรอะ ตัวไม่ได้ติดกันนี่หว่า"

"เป็นพ่อลูกกันประสาอะไรวะ หัดสั่งสอนลูกชายตัวเองซะมั่ง อย่าคิดว่าลูกน้องเยอะ พ่อรวยแล้วจะข่มเหงคนอื่นเขาได้ง่ายๆ ขยันทำแต่เรื่องเลวๆแล้วหนีหน้าอย่างนี้มันก็หน้าตัวเมียน่ะแหละวะ"

ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงสายใจแว้ดๆ เริ่มขยับเข้ามาฟัง

"อีสายใจ มันชักจะมากไปแล้วมั้ง" จอมขึ้นเสียง

"อยู่ดีๆ มาด่าพ่อเจิดเขาฉอดๆๆ คนพวกนี้นี่ไร้การศึกษาจริงๆ ต่ำทรามที่สุด" ทับทิมว่าให้

"กลับไปบอกว่าที่ลูกเขยตัวเองซะด้วยยายทับทิม ขืนมายุ่งกับน้องสาวฉันอีกได้เห็นดีกันแน่ อีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกับนังทองกวาวมันอยู่แล้ว หรืออยากให้ลูกสาวตัวเองได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อยคนอื่นเขาก็ตามใจ"

"นังนี่มันพล่ามอะไรของมัน" ก้อนเอ่ยขึ้น

"จะเอาแจ่มๆหูเลยใช่ไหม...ไอ้เจิดมันปล้ำอีดวงใจน้องสาวฉัน"

"ตาเถร..." ทับทิมอุทานด้วยความตกใจ

"อีสายใจ...มึงนี่พูดจาเลอะเทอะ" จอมขึงขังดุดัน

"จะต้องให้ดวงใจมันมายืนยันรึไง คนอย่างตาจอมทำชั่วแล้วอายใครไม่เป็นกันทั้งบ้านอยู่แล้วนี่นา" พูดแค่นั้นสายใจก็ปึงปังกลับออกไปทันที

"อีนี่มันผีเข้าแหงๆ น้องก้อน แม่ทับทิม อย่าไปฟังมันเชียวนะ"

"นั่นสิพี่จอม พ่อเจิดน่ะเป็นสุภาพบุรุษยังกะอะไรดี จะไปทำเรื่องอัปรีย์ยังงั้นได้ยังไง นังนี่ถ้าผีไม่เข้า ก็คงไปกินอะไรผิดสำแดงมาแหงๆ"

จอมปั้นหัวเราะเสียงดัง ก้อนหัวเราะไปด้วยแต่ฝืดเต็มที ส่วนทับทิมนั้นนิ่งไปอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของสายใจ

ครั้นบุปผารู้ข่าวนี้เข้าก็รีบมากระจายให้ทองกวาวฟังว่า

"เขาพูดกันไปทั้งตลาด นังสายใจเสียงมันเบาซะที่ไหนล่ะ แหกปากทีได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน"

"แล้วบุปผาว่ามันจริงไหมล่ะ"

"ไม่จริงแล้วมันจะมาพูดทำไมให้ขายขี้หน้าชาวบ้านเขาเปล่าๆ บุปผาว่ามันจริงซะยิ่งกว่าจริงอีก สันดานไอ้เจิด มันเป็นยังไง ทองกวาวก็รู้นี่นา"

"รู้อย่างนี้แล้ว พ่อกับแม่จะว่ายังไงนะ"

"ถ้ายังเห็นมันเป็นเทพบุตรอยู่ ก็บ้าแล้วลุงกับป้า"

"ขอให้เป็นอย่างงั้นจริงๆเหอะ พ่อกับแม่จะได้เลิกขัดขวางทองกวาวกับพี่คล้าวซะที" ทองกวาวคาดหวัง...

ตกกลางคืน ทับทิมเป็นกังวลจนนอนไม่หลับ ก้อนเห็นเมียมุดมุ้งออกไปก็ถามทันทีว่า

"จะไปไหนล่ะแม่ทับทิม"

"ไม่ได้ไปไหนหรอก ฉันนอนไม่หลับน่ะพี่ หลับตาลงทีไรก็ได้ยินแต่เสียงนังสายใจมัน"

"คิดมากไม่เข้าเรื่อง ก็อย่างที่พี่จอมเขาบอกน่ะแหละ อีนี่มันบ้า แม่ทับทิมจะไปเชื่อมันได้ยังไง"

"ก็ถ้าเกิดว่ามันเป็นจริงล่ะพี่"

"ไม่หรอกน่า พี่จอมเขาออกจะรับรองแข็งขัน"

"แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจก็มีถมไปนะพี่"

"คนอย่างพี่จอมเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มีแต่คนนับหน้า ถือตานะแม่ทับทิม"

"แต่พี่ก็ต้องไม่ลืมนะ เกิดลูกเราแต่งงานออกเรือนไปกับพ่อเจิดเขาจริงๆ แล้วมันเกิดเป็นไปอย่างที่ฉันกลัว ทุกข์มันจะตกกับลูกของเรานะพี่นะ เกิดเป็นผู้หญิงยังไงมัน ก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบวันยังค่ำ"

ก้อนอึ้งไปอย่างแรง ลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้อง

"อ้าว...แล้วนั่นจะไปไหนล่ะพี่"

"แม่ทับทิมพูดอย่างนี้ฉันจะหลับตาลงไปได้ยังไงล่ะ" ก้อนเดินหน้าเครียดออกไป

ooooooo

เช้าวันใหม่ แว่น ตี๋ ไข่ สามเกลอเพื่อนรักของคล้าวดีอกดีใจกันใหญ่ถึงกับจับคล้าวโยนตัวลอยขึ้นกลางอากาศ

"พอแล้ว ไอ้แว่น ไอ้ตี๋ ไอ้ไข่ นี่พวกเอ็งทำอะไรวะ"

"ก็แสดงความยินดีกับเอ็งล่วงหน้าไง"

"เขารู้กันทั้งหนองทรายขาวแล้วเรื่องความเลวของไอ้เจิด เพราะฉะนั้นเอ็งลุยได้แล้วไอ้คล้าว"

"ยกขบวนขันหมากไปขอทองกวาวมันพรุ่งนี้เลย ยังไงตาก้อนกับยายทับทิมก็ต้องยกให้เอ็ง"

"เฮ้ย...มันไม่ง่ายยังงั้นหรอกมั้ง" คล้าวท้วงเพื่อนๆ

"เอ็งจะมัวรออะไรวะคล้าว โอกาสทองเป็นของเอ็งแล้วนะโว้ย ถ้าตาก้อนกับยายทับทิมไม่โง่เกินไปนัก ก็ต้องเห็นแล้วละว่ะว่าระหว่างเอ็งกับไอ้เจิด ควรจะเลือกใครไปเป็นลูกเขย"

"ข้า...ยังไม่มีเงินค่าสินสอดเลยไอ้แว่น"

"เงินทองมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกโว้ยคล้าว"

"ใช่ๆๆ ข้าเห็นด้วยกับไอ้ตี๋ เงินน่ะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่คนดีๆ มีน้ำใจอย่างเอ็งน่ะหาไม่ได้ง่ายๆหรอก ยังไงตาก้อนกับยายทับทิมก็ต้องเลือกคนดีให้ลูกตัวเองก่อนละวะ" ไข่พูดอย่างมั่นใจ

"ต่อให้เกิดมารวยขี้แตกขี้แตนแต่จิตใจไม่มีคุณธรรม ขยันทำแต่บาปเอาเปรียบคนอื่น รวยไปก็เปล่าประโยชน์โว้ยคล้าว อย่างที่เขาว่าไง ความรวยไม่คงที่แต่ความดีซิคงทน"

สิ้นคำของแว่น ตี๋กับไข่ประสานเสียงโห่ฮิ้วกันครึกครื้น

ooooooo

สายหน่อย บุรุษไปรษณีย์มาส่งจดหมายที่บ้านก้อน เพชรเป็นคนรับไว้แล้ววิ่งแจ้นเอาขึ้นไปให้พ่อแม่ บนเรือน ปรากฏว่าเป็นจดหมายของคุณนายทองคำจากกรุงเทพฯ ทองคำเป็นป้าของก้อน แกได้สามีเป็นเศรษฐี กรุงเทพฯ แต่อยู่กินกันได้ไม่กี่ปีสามีก็ตาย สมบัติเลยกลายเป็นของแกหมด ร่ำรวยจนใครๆเรียกแกว่าคุณนายทองคำ

ทองคำเขียนมาถามสารทุกข์สุกดิบของก้อนและครอบครัว หลังจากไม่ได้เจอกันนานหลายปี ทองคำอยากให้ก้อนพาลูกเมียมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่กรุงเทพฯบ้าง เพชรฟังแล้วอยากไปจนเนื้อเต้น บุปผาเองก็อยากไปเห็นเมืองฟ้าอมรกับเขาบ้าง สองคนจึงรบเร้าเซ้าซี้ก้อน แต่ก้อนกลับประกาศชัดว่าไม่ไป เพราะเปลืองเงิน

แต่ไม่ทันข้ามวันก้อนก็เปลี่ยนความคิด หลังจากเห็นทองกวาวตัดเย็บเสื้อให้คล้าว ก้อนรู้สึกได้ว่าทองกวาวรักใคร่ ผูกพันกับคล้าวมาก จึงอยากจะจับลูกสาวแยกจากไป ประจวบเหมาะกับตอนหัวค่ำเจิดเมาเหล้ามาโวยวายจะปลุกปล้ำทองกวาว ก้อนเห็นธาตุแท้ของเจิดก็เลยไม่อยากยกลูกสาวให้แล้ว จึงหารือกับทับทิมว่าเราน่าจะส่งทองกวาวกับบุปผาไปเรียนตัดเสื้อที่กรุงเทพฯ ที่นั่นคงมีผู้ชายดีๆ รวยๆ การศึกษาสูงๆให้ลูกหลานเลือก แต่การพูดคุยของสองผัวเมียยังเก็บเป็นความลับ ยังไม่ ระแคะระคายให้ใครๆรู้ แม้แต่ลูกสาวและหลานสาว...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น