หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

เงากามเทพ ตอนที่ 12

ตอนที่ 12

โรมออกมาจากห้องพักของมนทิราแล้วมาเจอเทียนนั่งซุกตัวเหม่ออยู่จึงเข้าไปแซวว่าคิดถึงลักษมนหรือ เทียนตอบว่าใช่ ถ้าคุณลักอยู่ด้วยเธอคงไม่เหงา และจะมีความสุขสนุกกว่านี้ โรมฟังแล้วชักน้อยใจขึ้นมาบ้าง ตอบเทียนว่าไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่นานเสร็จเรื่องสำคัญบางอย่างแล้วก็จะไม่กีดกันเธอกับลักษมนอีกต่อไป

"นายหัวคะ เทียนไม่สนใจหรอกว่านายหัวมีความลับอะไร เรื่องสำคัญแค่ไหน แต่อยากจะรู้ว่านายหัวเอาเทียนมาอุปการะเลี้ยงดูทำไม ช่วยเทียนจากการถูกทำร้าย ให้ที่อยู่ ให้อาหาร ให้เสื้อผ้าดีๆใส่เพราะอะไรเหรอคะ?"

โรมอึกอัก "เพราะ...เพราะเธอคือคนสำคัญสำหรับฉัน และสำคัญกับคนอีกหลายคนด้วย"

"เทียนไม่สนใจคนอื่นหรอก แต่อยากรู้ว่าถ้าเทียนเป็นอะไรไป เช่น...ถ้าเทียนตาย นายหัวจะเสียใจบ้างมั้ย"

โรมใจหายวาบ โผเข้ากอดเทียน พูดใส่หูเธอว่า "ฉันไม่ให้เธอตาย ฉันไม่ให้เธอเป็นอะไรหรอกเพราะว่าฉัน..." โรมยิ่งรัดเธอแน่นขึ้น เทียนกอดตอบอย่างดีใจ "...เอ้อ ก็เพราะว่าฉันรับปากกับครูพรเอาไว้ว่าฉันจะดูแลเธอให้ดี" เทียนค่อยๆแกะมือโรมออกจากตัว ยิ้มให้เศร้าๆแล้วกล่าวขอบคุณเขาก่อนจะเดินไปจากตรงนั้น ที่หน้าต่างห้องพักของมนทิราซึ่งเจ้าของห้องพักยืนมองอยู่พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ เธอตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลยกดโทรศัพท์ไปหาภาสกร บอกไปว่าตอนนี้ เธออยู่ที่สวนปาล์มแล้ว แต่ที่นี่มีเวรยามเคร่งครัดมาก แล้วเรื่องกำจัดเทียนจะเอายังไงกันดี ภาสกรตอบว่า "ฟังผมให้ดีนะ..." คำสั่งออกมาเป็นชุด มนทิรายิ้มอย่างสะใจ

ลักษมนไปขอถอนหุ้นโรงเรียนสอนภาษาที่หุ้นทำกับเพื่อนบอกว่าจะเอาเงินไปลงทุนทำอย่างอื่น แต่ตอนนี้ยังไม่รู้จะทำธุรกิจอะไรดี เพื่อนแย้งว่าไม่เห็นต้องลาออกและถอนหุ้นเลย เพราะโรงเรียนแห่งนี้เราสองคนช่วยกันสร้างมากับมือ และเสนอว่าลักษมนไม่ต้องสอนก็ได้ แค่คอยเป็นที่ปรึกษาอย่างเดียวก็พอ แต่ลักษมนก็ยังยืนยันความคิดเดิมและบอกเพื่อนว่าตอนนี้รักผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง อยากจะไปก่อร่างสร้างตัวให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ขอเธอแต่งงานด้วยเพราะตอนนี้เธอยังไม่ได้ตอบรับรักเขา เพื่อนส่ายหน้าไม่ค้านอีกต่อไปบอกว่าลักษมนเป็นเอามาก คุยกับเพื่อนรู้เรื่องแล้ว ลักษมน ก็เดินจะออกไปหน้าซอยแต่ต้องผ่านหน้าผับ เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงคนเอะอะกันจึงหันกลับมาดู เห็นชายคนหนึ่งถูกผลักออกมาจากผับจนล้มลุกคลุกคลานด้วยความเมา ชายคนนั้นลุกขึ้นเซไปเซมาแต่ยังร้องด่าคนที่ผลักเขา

"รู้จักกุลชาติ ทักษสุตน้อยไปซะแล้ว...มาไล่อย่างกับหมูกับหมา ฉันจะพังร้านแก!"

ลักษมนพอได้ยินชื่อและนามสกุลก็หวนกลับไปหยุดดู กุลชาติหยิบอะไรที่ถนนได้ก็ขว้างใส่กระจกหน้าผับ ผู้จัดการผับตามออกมาสั่งลูกน้องให้ลากไปที่ลานจอดรถ กุลชาติแม้จะถูกลากก็ยังตะโกนโหวกเหวกไปตลอดทาง  แถมยังด่าแม่ผู้จัดการ อีก เขาเลยทนไม่ได้ต่อยเปรี้ยงเดียวกุลชาติกระเด็นไปคลุกฝุ่น เลือดกำเดาไหลออกมา พวกนักเลงประจำผับเข้าไปรุมแจกเท้าอีกคนละบึ้กสองบึ้ก ลักษมนทนดูไม่ได้รีบเข้าไปขอร้อง ผู้จัดการ
บอกว่าเป็นลูกศิษย์เขาเอง พวกนั้นเลยกลับเข้าผับไป ลักษมนเลยต้องทิ้งรถตัวเองเอาไว้ที่ลานจอดรถนั่นแล้วขับรถกุลชาติไปส่งจนถึงบ้านด้วยวิธีล้วงกระเป๋าควานกุญแจรถของกุลชาติออกมาเลยไปเจอยาไอซ์ในนั้นด้วย ไปกดออดเรียกเป็นนาม คนรับใช้กับพิศเพลินออกมาด้วยกัน ลักษมนบอกว่า

"ไม่ต้องตกใจครับ เขาไปเมาอาละวาดเลยโดนทำร้ายมา แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ผมเข้าไปช่วยทัน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือยาไอซ์นี่ต่างหาก คุณคงไม่รู้ว่ามันคือยาเสพติด ถ้าไม่รีบบำบัดรักษาให้หยุด อนาคตไม่คุกก็ตายแน่นอน รีบๆขึ้นรถเถอะคุณพิศเพลิน ผมจะขับไปจอดให้ในบ้าน"

พิศเพลินกล่าวขอบคุณลักษมนเมื่อเขาขับรถเข้ามาจอดในบ้านแล้วรีบลาไป กำลังเรียกมอเตอร์ไซค์วินและก้าวขึ้นซ้อนท้าย รถของกมลทัตก็สวนเข้ามา เขาจำลักษมนได้จึงมองอย่างสงสัยเพราะตัวเองก็กรึ่มๆมาเหมือนกัน พอรถจอดก็รีบลงเดินเข้าไปตามหาพิศเพลิน ไปเจอกำลังปรนนิบัติกุลชาติเอาผ้ามาเช็ดเลือดที่เปรอะเสื้อผ้าและหน้าตาให้อยู่ กุลชาติบอกว่าที่เขาไปเมามาอย่างนี้ก็เพราะน้อยใจพ่อที่ไม่รักเขาเลย พิศเพลินห้ามลูกไม่ให้พูดอย่างนี้ แต่กุลชาติก็ยังเถียงไม่ขาดปาก ประตูเปิดผลัวะออก กมลทัตเป๋เข้ามา

"เฮ้ย...เด็กมันบอกว่าไอ้ลักษมนมันขับรถพาไอ้ชาติกลับมา..." พอเห็นสภาพกุลชาติถนัดก็เปลี่ยนอารมณ์ "...หรือ...มันเอาไอ้นี่ไปยำจนเละยังงี้...เฮ้ย...มันจะหยามกันเกินไปแล้ว..."

"ลูกไปเมามาเลยถูกซ้อม ลักษมนไปเจอเข้าก็เลยช่วยพามาส่ง" พิศเพลินรีบชี้แจง กมลทัตมองซ้ายมองขวาไปเจอถุงยาไอซ์ที่วางอยู่ข้างหมอนกุลชาติ เลยหยิบขึ้นมาเขย่าถามว่า "ของไอ้ชาติเหรอ"

พิศเพลินจึงพูดชมลักษมนว่าดีที่ลักเขากรุณาไม่เอาลูกเราไปส่งตำรวจ กมลทัตว้ากทันที "โง่อีกแล้ว! นี่เธอเอาใจไปเข้ากับพวกศัตรูตั้งแต่เมื่อไหร่หา...ยังไม่รู้อีกเหรอว่าที่มันทำทุกอย่างนี่มันเป็นแผนที่จะแก้แค้นทำลายเรา มันต้องเอาคนมาอัดไอ้ชาติแล้วยัดยาเสพติดนี่ด้วย หวังจะให้เราเชื่อว่ามันเป็นต่อ เหนือกว่าเรา โธ่เว้ย...ควายทั้งแม่ทั้งลูกเลย"

พิศเพลินยังยืนกรานว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะลูกเราติดยาจริงๆ บอกกมลทัตว่า "เราสองคนต่างหากที่ผิด ไม่ยอมดูแลเอาใจใส่จนชาติเป็นแบบนี้"

"แล้วฉันเลี้ยงมันไม่ดีตรงไหน ลูกหมาขี้เรื้อนอย่างมันได้กลายเป็นลูกเทวดาก็บุญหัวมันเท่าไหร่แล้ว..." กมลทัตลุแก่โทสะยกมือชี้หน้าพิศเพลินและจะเข้ามาตบ    กุลชาติลุกขึ้นมาผลักกมลทัตร้องว่าอย่าทำแม่ผม กมลทัตหันไปชี้หน้ากุลชาติอย่างเหี้ยมเกรียม "นี่แกกล้าขึ้นเสียงกับฉัน กล้าผลักฉันแล้วเหรอไอ้เนรคุณ ไม่มีฉันป่านนี้แกก็ยังวิ่งเลี้ยงควายอยู่บ้านนอก ไอ้ลูกไพร่"

พิศเพลินพยายามห้ามกมลทัตไม่ให้พูดต่อ แต่กุลชาติซักถามอย่างกวนโมโหอีกว่า "พูด พูดมา จะบอกผมว่าอะไร ทำไมต้องเลี้ยงควายอยู่บ้านนอกคอกนา..." ตอนนี้พิศเพลินเข้าไปเขย่าแขนกมลทัตให้รู้สึกตัว เขาจึงได้สติไม่เปิดเผยความลับออกมาหมด

"ก็ ก็แกนั่นแหละ ให้มันเจียมกะลาหัวเอาไว้บ้าง แล้วถ้ายังอยากเป็นทายาทใช้นามสกุลทักษสุตอยู่ละก็ ฉันขอสั่งแก ทั้งแม่ทั้งลูกห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับพวกไอ้โรมมันอีกต่อไป..." กมลทัตเดินออกจากห้อง พิศเพลินได้แต่เฉไฉปลอบกุลชาติว่า

"พ่อเขาเมา อย่าไปฟังเลยลูก"

ส่วนลักษมนกลับไปเอารถตัวเองที่ลานจอดของผับมาแล้ว ขณะขับๆอยู่ก็เกิดคิดถึงเทียนขึ้นมาจนทนไม่ไหวเลยโทรศัพท์ไปหา แต่เทียนถูกห้ามจากโรมไม่ให้ใช้โทรศัพท์เลยติดต่อไม่ได้  เขาเลยโทร.ไปหาปารวดี  ทางนั้นพอรู้ว่าเป็นลักษมนโทร.มาก็รีบแอบออกไปหาที่คุยด้วย ลักษมนบอกว่าเขาจะมาหาเทียน ปารวดีบอกว่า

"ไม่ต้องมานายลัก พี่โรมไม่ให้ใครรู้ว่ามาอยู่ที่นี่กัน ถึงเธอจะมาหาเทียน พี่โรมก็ไม่ให้พบกันหรอก กลับกรุงเทพฯไปเถอะเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก"

"พี่โรมคิดว่าตัวเองฉลาดนักหรือยังไง ขนาดผมยังเดาถูกเลยว่าพี่โรมพาตัวเทียนไปไว้ที่ไหน"

"ฉันเตือนแกไว้แล้วนะลักษมน อย่ามายุ่งกับเทียนอีก..." เสียงที่ตอบมากลายเป็นเสียงโรมเพราะแย่งโทรศัพท์จากมือปารวดีไปฟัง ลักษมนอึ้งด้วยความตกใจ หมอเผ่าที่ตามโรมออกมาด้วยพูดกับโรมว่ายิ่งทำยังงี้นายลักไม่มีวันยอมหรอก สู้เราบอกความจริงเรื่องเทียนให้นายลักรู้ดีกว่า

โรมส่ายหน้า "ลักมันเป็นคนหัวแข็ง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ถ้าขืนรู้ความจริงแล้วมันค้านขึ้นมาไม่ยอมทำตามฉัน แผนก็แตกเท่านั้นเอง"

ปารวดีแย้งว่ากลัวแผนแตกหรือกลัวเทียนรู้ความจริงกันแน่เพราะถ้ารู้แล้วเทียนอาจโกรธพี่และหนีไปจากพี่ พี่ถึงยื้อเรื่องเอาไว้จนวันนี้ แต่โรมปฏิเสธว่าไม่ใช่อย่างนั้น แต่เพราะมันยังหาจังหวะดีไม่ได้ แบบว่าพอทิ้งไฟปั๊บฝ่ายตรงข้ามแพ้ทันที แต่หมอเผ่าแย้งถามว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะ คิดดูให้ดีนะถึงไงเมื่อถึงวันนั้นเทียนก็ต้องรู้ความจริงจนได้ ปารวดีเลยพูดเต็มปากกับพี่ชายเลยว่า

"ยอมรับความจริงเถอะว่าพี่รักเทียน กลัวจะเสียเทียนไป เพราะถ้าพ่อกับลูกเขารู้ความจริงแล้วรักกันขึ้นมาแล้วกลับไป อยู่ด้วยกันพี่จะทำอะไรได้"

หมอเผ่าเสริมว่า "ปาพูดถูก แกควรยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว แกรักเทียน หยุดเรื่องยุ่งๆทั้งหมดซะ แล้ว บอกความจริงกับเทียนก่อนที่ทุกอย่างมันจะบานปลายออกไป จนควบคุมไม่ได้" สองคนผัวเมียพากันลุกขึ้น เดินแยกเข้าบ้านไป โรมนั่งเครียด

ถึงเวลากินข้าว มนทิราเจ้ากี้เจ้าการตามเคย เข้าครัวทำกับข้าวล้วนแล้วแต่เป็นพวกอาหารทะเล ชวนคนนั้นกินนี่คนนี้กินนั่นไม่หยุดปาก พออาหารคาวใกล้เสร็จก็บอกว่า "อุ๊ยเกือบลืมไป มนไปเจอกีวี่สดๆที่ตลาด มนเลยเอามาคั้นแช่เย็นเอาไว้ ทุกคนคอยชิมนะคะ" รีบเดินไปทางครัว ปารวดีมองตาม แบบขวางๆ บ่นออกมาว่า "แค่นี้ก็เรียกให้เด็กยกออกมาก็ได้ ทำเป็นเจ้ากี้เจ้าการพูดมาก ดูแล้ววุ่นวายรกไปหน่อย"

"หนูปาก็ หนูมนเขารู้ตัวว่าเคยทำผิดพลาดมาก่อน กลัวใครยังฝังใจก็เลยต้องทำความดีไถ่โทษ เราควรจะให้อภัยแล้วลืมเรื่องเก่าๆได้แล้ว ป้าพูดถูกไหมคะคุณโรม คนเคยรักกันทั้งนั้น" ปารวดีกับเทียนแอบสบตากันอย่างเซ็งๆ

มนทิราเข้าไปจัดการแบ่งน้ำกีวี่ให้เป็นคนละแก้ว เด็กในครัวสองคนกำลังกินข้าวกันอยู่เพราะอาหารดีๆนานๆได้กินที มนทิราเห็นเด็กกำลังเพลินเลยหยิบยานอนหลับออกมาเทใส่ ทุกแก้วนอกจากแก้วของตัวเอง ยกแก้วนึงไปให้เด็กรับใช้ แต่ เด็กมองๆแล้วบอกว่ากินไม่เป็น มนทิราถลึงตาใส่บังคับให้กินเดี๋ยวนี้ เด็กกลัวเลยยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว มนทิราเห็นเด็กกินเกลี้ยงแก้วแล้วเลยถือถาดออกไปแจกให้ทุกคนแต่มองไม่เห็นเทียน ปารวดีบอกว่าเทียนอิ่มแล้วเลยขอตัวไปเดินเล่นย่อยอาหารสักหน่อย มนทิราทำเป็นเอาใจใส่ยกแก้วที่เป็นของเทียน เดินไปตามหาข้างนอก ส่วนพวกที่อยู่ที่โต๊ะดื่มกันเกลี้ยงแก้วหมดทุกคน ไม่มีใครรู้ว่าที่ป้อมยามพวกคนงานเฝ้าป้อมถูกพวกที่ปลอมตัวว่ามาส่งยาฆ่าหญ้าตีหัวจนสลบแล้วลากเข้าไปในป้อม คอยฟังสัญญาณจากมนทิรา

มนทิราเดินถือแก้วหาเทียนจนพบ ทำเป็นใจดีบอกว่า เอามาให้ลองชิม เทียนบอกว่าไม่เคยกินก็ชวนให้กินอยู่นั่นจนเทียนเซ็งเลยยกแก้วจ่อปาก พอดีป้าทิพย์เดินโซเซออกมาร้องเรียกมนทิราได้สองคำก็ฟุบลงกับพื้น เทียนวางแก้วที่ยัง ไม่ทันได้ดื่มน้ำกีวี่แล้ววิ่งเข้าไปประคอง เสียงป้าทิพย์เอ่ยชื่อ ปากับเผ่า เทียนเลยเรียกให้มนทิราช่วยประคองป้าทิพย์แทน ตัวเองวิ่งไปที่ห้องอาหารเห็นปารวดีกับหมอเผ่านอนเค้เก้อยู่ที่พื้นแต่โรมหายไป เทียนยกสองคนนั่นขึ้นมานอนบนโซฟาแล้วรีบตามไปหาโรมที่ห้อง เห็นโรมนอนหมดสติขวางเตียงอยู่ เทียนเข้าไปเขย่าตัวแต่โรมไม่รู้สึก เทียนจึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ เรื่องปกติแน่จึงวิ่งไปกดโทรศัพท์ถึงหนึ่งเก้าหนึ่ง  ยังไม่ทันแจ้งเหตุอะไรก็โดนมนทิราเข้ามาเอาปืนฟาดโทรศัพท์จนหลุด กระเด็น เทียนตกใจพอเงยหน้ามองก็เห็นมนทิราเอาปืนจ่อบังคับ ให้เธอดื่มน้ำกีวี่ในแก้วให้หมด เทียนรู้สาเหตุการมีอาการแปลกๆ ของทุกคน

"ทำไมพี่มนทำแบบนี้ ทำร้ายทุกๆคนได้ยังไง"

"ก็เพราะแกไง เพราะฉันอยากให้แกไปจากชีวิตของโรมเสียที เอาละ คราวนี้ก็ตาแกแล้ว แก้วนี้ฉันปรุงพิเศษเพื่อแก โดยเฉพาะ...เร็ว...หรืออยากศพไม่สวย" ยกปืนขึ้นชี้หน้าเทียน เทียนรับแก้วมาถือทำเป็นยกจ่อปาก แต่แล้วก็พลิกมือสาดน้ำกีวี่แก้วนั้นใส่หน้ามนทิราไปทั้งแก้ว แถมด้วยการเตะปืนในมือของมนทิราจนหลุดกระเด็นก่อนจะวิ่งหนีไป มนทิราร้องจ๊ากเพราะแสบตา มือก็เช็ดตาไปมาอีกมือก็ควานหาปืนไป

เทียนวิ่งออกมาที่ระเบียง รถหกล้อของพวกภาสกรแล่น เข้ามาจอด คนที่ลงมาทุกคนใส่ถุงคลุมหน้าแบบไอ้โม่งกันหมด ภาสกรมองเห็นเทียนชี้ให้ลูกน้องดู "จับให้ได้โว้ยมันอยู่นั่น ไอ้ชาญแกนั่นแหละไปจับมัน" ชาญวิ่งไล่ตามจับเทียนไปกับสมุนอีกคนหนึ่ง มนทิราเดินเช็ดตาออกมา ถามภาสกรว่านังเทียนมันอยู่ไหน ภาสกรบอกว่ากำลังไล่จับกันอยู่นี่เดี๋ยวก็คงได้ตัว แล้วไอ้พวกนั้นเป็นไงบ้าง หมายถึงพวกที่กินยานอนหลับ มนทิราตอบอย่างสะใจว่าสลบหมดทุกคน ภาสกรชมว่าดีแล้วถามว่าห้องไอ้โรมอยู่ตรงไหน มนทิราอึกอักเลยถูกภาสกรลากข้อมือขึ้นไปบนบ้าน เข้าไปถึงห้องโรมพอเห็นโรมหลับอยู่ภาสกรก็เก็บปืนเหน็บเอว มนทิราตามเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ

ทางเข้าสวนปาล์ม ลักษมนขับรถเข้ามาจอดแต่ไม่เห็นมียามอยู่ที่ป้อมเหมือนปารวดีบอกเขาว่าตอนนี้มีการรักษาการณ์อย่างเข้มงวด เขากดแตรไปสองครั้งก็ยังไม่เห็นมีใคร จึงลงจากรถเดินไปที่ป้อม ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังถีบผนังป้อมตึงตังเลยชะโงกหน้าเข้าไปดู เห็นยามสองคนนอนสลบไสล แต่อีกคนหนึ่งกำลังใช้เท้าถีบข้างฝาเพราะปากและมือถูกผ้ามัดเอาไว้ ลักษมนรีบเข้าไปแก้ผ้ามัดปากยามคนนั้นออกจึงได้รู้ว่าตอนนี้มีคนบุกรุกเข้ามาในสวนปาล์มและมีอาวุธด้วย ลักษมนจึงสั่งการให้ยามไปเรียกพรรคพวกคนงานมาและแยกย้ายกันเข้าไปที่บ้านโรม

ขณะนั้นภาสกรเดินไปเดินมากระชากข้าวของในห้องโรมจนกระจายเกลื่อน เปิดลิ้นชักค้นหาของที่ต้องการ มองไปที่โต๊ะข้างเตียงแล้วพยักหน้ากับตัวเองอย่างดีใจว่าพบแล้ว เดินไปเปิดลิ้นชัก แหวนกับสร้อยของเทียนอยู่ในนั้น แต่ภาสกรมองไม่เห็นจึงเลิกเอกสารที่วางอยู่เพื่อจะค้น ฉับพลันนั้นเท้าของโรมก็เหวี่ยงเข้ามาถีบภาสกรเต็มแรงจนกระเด็นไปกระแทกข้างฝา โรมลุกตามไปแต่ก็โซเซเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ ภาสกรลุกขึ้นได้กระชากปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาร้องด่าว่า

"ฤทธิ์มากนักนะมึง ไอ้โรม" ยกปืนขึ้นเล็งใส่โรม

มนทิรากระโดดเข้าแย่งปืนจึงโดนภาสกรตบกระเด็นลงไปฟุบกับพื้น ภาสกรเงื้อปืนเล็ง ทีแรกจะยิงมนทิราด้วยความโกรธ แต่แล้วก็หันปืนไปทางโรม เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ภาสกรชะงัก ลูกน้องวิ่งเข้ามาบอกเขาว่าให้หนีเร็วตอนนี้ไม่รู้พวกโรมแห่กันมาจากไหน ภาสกรตกใจวิ่งตามลูกน้องออกไป รถหกล้อของเขาวิ่งเข้ามารับ ภาสกรเลยพาลูกน้องหลายคนโดดขึ้นรถหนีไปได้

เทียนพาตัวเองวิ่งหนีเข้าป่าไปจนถึงบ้านที่ครูพรพักอยู่ สองคนเจอกันต่างคนต่างดีใจ ครูพรที่กำลังยืนอยู่บนระเบียงบ้าน เพราะได้ยินเสียงปืนถามเทียนว่า "เสียงใครมายิงปืน? แล้วนี่เธอหนีใครมา?"

"เอาไว้คุยกันทีหลังเถอะค่ะ ตอนนี้เราต้องหนีกันก่อน" เทียนละล่ำละลักบอกแล้วฉุดมือครูพรลงจากบ้านวิ่งหลบไปตามแนวไม้ ชาญกับสมุนโผล่พรวดออกมา ต่างคนต่างตกใจ ลูกสมุนของภาสกรร้องบอกให้ชาญยิงทั้งสองคน ชาญส่ายปืนไปมา เทียนรีบบอกว่า

"จะยิงก็ยิงฉันคนเดียว ปล่อยครูพรไป ครูพรไม่เกี่ยว" แต่ครูพรกลับร้องบอกชาญว่า

"อย่านะชาญ อย่าทำอะไรผิดๆอย่างนี้ ครูเคยสอนเธอมา เธอไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร ถ้าพวกเธออยากจะฆ่าแกง กันนักก็ฆ่าฉันคนเดียว อย่ามาทำร้ายลูกศิษย์ของฉันสองคนนี้เลยพ่อคุณ" พูดกับลูกสมุนสองคนนั่น ชาญเก้ๆกังๆไม่รู้จะทำยังไงดี ท้ายที่สุดยกปืนขึ้นเคาะหัวตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม ร้องบอกสมุนภาสกรสองคนนั้นว่า

"ทำไมพวกเอ็งไม่ยิงกันซะเองวะ...โธ่เว้ย...ครูไม่รู้เหรอว่าถ้าผมไม่ฆ่าครูกับเทียน ผมก็ต้องตาย"

"ทำไมต้องฆ่าฉันกับครู ฉันไปทำอะไรให้กมลทัตกับภาสกรแค้นเคืองอะไรหนักหนา บอกมาสิพี่ชาญ"

"โธ่นังเทียน เอ็งไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าเอ็งมันเป็นเสี้ยนหนามขัดขวางผลประโยชน์ของกมลทัตเขา ครูเองก็รู้ความจริงดีอยู่แล้ว บอกมันสิครู บอกความจริงอีเทียนมัน" เทียนหันไปมองครูพร งงๆ ครูพรพูดกับชาญว่า

"ชาญฟังครูให้ดีๆ ทำไมเธอไปเชื่อคนอื่น ไว้วางใจคนอื่นมากกว่าเทียนที่โตมาด้วยกัน พ่อแม่เลี้ยงพวกเธอมาเป็นพี่เป็นน้องกันแท้ๆ เทียนรักเธอแค่ไหน เธอทำกับเทียนยังไงเทียนก็ให้อภัยทุกอย่าง ได้ดิบได้ดีก็ไม่ลืมเธอ ไม่ปฏิเสธ ไม่ทอดทิ้งเธอ เธอจะฆ่าเทียนได้ลงคอเหรอชาญ คนอื่นไม่มี ทางหวังดีกับเธอเท่าพี่น้องเชื่อครูเถิด"

ชาญสติแตกหันปืนไปทางสองสมุนนั่น เจ้าสองคนนั่นเลยยิงชาญไปคนละนัด ชาญล้มคว่ำ เทียนตกใจพุ่งเข้าไปหาชาญ ชาญอ้าปากพูดออกมาได้เพียงแค่สองคำว่า แก แกเป็นลูกของกมล...เท่านั้นก็ขาดใจตาย ไอ้สองคนนั่นเบนปืนมาที่เทียน ครูพรเข้าขวางเลยถูกยิงเข้าที่สะบักล้มลงข้างๆเทียน เสียงปืนดังถี่ยิบอีกหลายนัด เทียนหลับตานึกว่าตัวเองตายแน่แล้ว แต่กลายเป็นสมุนกมลทัตสองคนนั่น

และพวกที่ยิงก็คือพวกลักษมนกับคนงานของโรมนั่นเอง พอเทียนลืมตาขึ้นลักษมนก็เข้ามาอยู่ข้างๆตัวเธอแล้วเขาถามอย่างตกใจว่าเป็นอะไรบ้าง เทียนร้องให้ลักษมนช่วยชาญกับครูพรแล้วตัวเองก็หมดสติไป ไปฟื้นอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอถามถึงครูพร พอรู้ว่าบาดเจ็บและกำลังทำการรักษาอยู่เทียนก็ลุกจะวิ่งไปหาไปชนกับโรมซึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

"เทียน...จะไปไหน เราไม่สบายอยู่นะ" โรมเขย่าตัวเทียน

"นายหัว...พี่ชาญกับครูพรเป็นยังไงบ้างคะ"

"ครูพรพ้นขีดอันตรายแล้ว" โรมตอบแต่ไม่ยอมเอ่ยชื่อชาญ จนเทียนต้องถามซ้ำโรมจึงพูดเสียงเบาว่า "ทำใจดีๆนะเทียนคือ...ชาญเขาไปสบายแล้ว"

เทียนสะดุ้ง อั้นไปพักใหญ่ก่อนจะถามว่าตอนนี้ชาญอยู่ไหน โรมจึงต้องพาไปที่ห้องพักศพ เทียนเข้าไปกราบชาญ พูดกับศพชาญว่า "ถึงเทียนจะไม่ใช่น้องแท้ๆของพี่ แต่เทียนก็คิดมาตลอดว่าพี่เป็นพี่ชายของเทียน อโหสิกรรมให้เทียนด้วยนะพี่ชาญ" โรมดึงเธอให้ออกมาห่างศพ เทียนโผเข้ากอดโรมร้องไห้ ที่หน้าห้องเก็บศพ  พวกลักษมน  ปารวดีกับหมอเผ่ายืนคุยกันอยู่ ลักษมนให้ความเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว มันบุกเข้ามาเล่นงานกันถึงตายแบบนี้ เกิดมาเขาเองได้แต่เคยยิงเป้า แต่นี่ต้องมายิงคนตายเลย ปารวดีพยักหน้าบอกว่าเธอเองก็ไม่คิดว่าพวกกมลทัตมันจะท้าทายกฎหมายขนาดนี้ บ้านของเราแท้ๆมันยังกล้าบุกเข้ามา ลักษมนคิดถึงชาญขึ้นมาได้เลยถาม

"เออ...แล้วพี่ชายเทียนทำไมไปเป็นพวกไอ้กมลทัตได้ ผมละงงจริงๆ"

ปารวดีกับเผ่ายังไม่ทันตอบ โรมก็โอบเทียนเดินออกมา โรมบอกเทียนให้ไปพักก่อน แต่เทียนบอกว่าจะไปเยี่ยมครูพร ปารวดีเลยบอกว่าตอนนี้ครูพรอยู่ในห้องไอซียูหมอขอดูอาการก่อนไม่ต้องห่วง โรมถามถึงผลตรวจของพวกเขาก่อนหน้าที่จะมีเรื่องว่าผลตรวจเป็นยังไง หมอเผ่าควักรายงานผลตรวจออกมา

"โดนวางยานอนหลับกันทุกคน ถ้าปริมาณมากกว่านี้ก็อันตรายน่าดูละ"

"แล้วทำไมเทียนไม่สลบ" ลักษมนถาม เทียนเลยบอกว่า

"โชคดีที่ป้าทิพย์เดินโซเซออกมาเจอเทียนก่อน เทียนก็เลยเอะใจไม่กินน้ำกีวี่ของพี่มน" ทุกคนเลยนึกได้ว่ามนทิราเป็นคนทำน้ำกีวี่นั่น เทียนจึงบอกว่า "พี่มนก็บังคับให้เทียนดื่มเหมือนกัน แต่เทียนหนีไปได้ตอนที่ภาสกรกับพี่ชาญมาถึงพอดี"

ลักษมนหันหน้าไปมองโรม "นี่แสดงว่าแฟนพี่โรมรู้เห็นเป็นใจกับไอ้พวกกมลทัตเหรอ" โรมฟังแล้วผลุนผลันเดินออกไป ทุกคนวิ่งตาม

ที่ห้องรับแขกบ้านโรม มนทิรากำลังชะเง้อดูอยู่ตรงประตู ส่วนป้าทิพย์นั่งดมยาหม่องกินยาหอมแล้วเรอเอิ้กๆอยู่เพราะ ฤทธิ์ยานอนหลับ มนทิราเข้ามาช่วยบีบนวดให้ พลางถามว่าเราจะทำยังไงกันดีคะป้าทิพย์ อยู่ๆพวกเขาก็ไปโรงพยาบาลกันหมดทิ้งเราสองคนไว้ยังงี้ ป้าทิพย์ยิ้มแหยๆตอบว่า

"ก็เราไม่ได้เป็นอะไรมากนี่นา หนูมนป้าถามจริงๆเถอะ ใช่ไอ้น้ำกีวี่อะไรของหนูหรือเปล่า?"

มนทิราสะดุ้งอย่างมีพิรุธ แล้วแกล้งร้องไห้ออกมา "มนน่ะเหรอคะทำอะไรแบบนั้น ป้าทิพย์ก็สงสัยมนด้วยเหรอคะ"

"โถๆ ป้าถามดูเฉยๆเท่านั้นเอง" ป้าทิพย์รีบบอก แต่มนทิราฉวยโอกาสทันที

"ไม่รู้ละ แม้แต่ป้าทิพย์ก็สงสัยหนู หนูไม่ตากหน้าอยู่ที่นี่อีกแล้วละ" มนทิราผลีผลามลุกขึ้น แต่โรมกับปารวดีเดินเข้ามา โรมถามทันที

"จะรีบไปไหนมนทิรา นี่เธอกล้าขนาดวางยาทุกคนในบ้านนี้เชียวเหรอ"

มนทิราชะงัก รีบออดอ้อนทันที "โธ่โรม จะเอามนไปสาบานที่วัดไหนก็ได้ มนจะทำไปเพื่ออะไรคะ มนว่าต้อง เป็นแผนของใครแน่ๆที่รับงานรับเงินจากพวกกมลทัตไอ้ภาสกร มนก็ถูกทำร้ายอยู่กับคุณ คุณก็เห็น อ้อ...นั่นไงต้องเป็นมันแน่ๆ มนเห็นพิรุธของมันตั้งแต่อยู่ในครัวแล้ว" โบ้ยไปให้เด็กรับใช้ในครัวที่เดินโซซัดโซเซออกมา

"แต่เด็กก็สลบไปเหมือนกันนี่มน" ปารวดีว่า

"อ้าว...ก็มันทำเพื่อให้สมจริง ใครๆจะได้ไม่สนใจมันไงล่ะ" มนทิราคิดเอาเองว่าเด็กจะไม่มีปากมีเสียง แต่ผิดคาด เพราะเด็กร้องออกมาว่า

"ไม่จริงนะคะ คุณมนเป็นคนบังคับให้หนูกินน้ำนั่น"

"แล้วเธอก็บังคับให้เทียนกินด้วย" โรมจ้องหน้า

มนทิราอึกอักแล้วเฉไฉไปอีกจนได้ "ก็เทียนก็ไม่ได้กินทำไมไม่มีใครสงสัย อาจจะเป็นแผนของเทียนที่คิดจะให้ร้ายมนก็ได้ โรมลำเอียงรักนังเด็กเทียนก็บอกมาตรงๆ มนจะเป็นฝ่ายหลีกทางให้ก็ได้" ทำป่องๆจะเดินหนี แต่โรมตวาด

"คุณยังไปไหนไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คราวนี้มีคนตายหลายคน ตำรวจต้องเข้ามาสอบสวน คุณต้องอยู่ให้ปากคำด้วย"

พอพูดถึงตำรวจ มนทิราหัวหมอขึ้นมาทันที "ก็ได้ค่ะโรม แต่เพื่อความยุติธรรมของมน มนขอเรียกทนายก่อน ป้าทิพย์ เองก็ควรไปให้ปากคำตำรวจกับมนด้วย เราจะได้เล่าถึงภูมิหลังของเทียนให้ละเอียด ใครรู้อะไรเกี่ยวกับเทียนก็พูดออกมาให้หมด แล้วนี่ได้ข่าวว่าคุณลักษมนก็ยิงคนตายด้วยไม่ใช่เหรอ"

พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาโรมอึ้ง มนทิราบอกว่าขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะไปหาตำรวจแล้วก็เดินเข้าห้องไป โรมยกมือกุมหัวด้วยความเครียด  ปารวดีเดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด ในที่สุดโรมก็บอกน้องสาวว่า

"ปล่อยเขาไปก่อน แล้วพี่จะจัดการทีหลัง"

ปารวดีหยุดเดินทำปากยื่นไม่พอใจ "พี่โรมก็พูดอย่างนี้อีกแล้ว หนีปัญหาอยู่ได้ นี่มาฆ่ากันตายในที่ของเราแล้วนะคะ"

"ก็เดี๋ยวจะไปแจ้งตำรวจ เธอจะให้พี่ทำอะไรอีก ไอ้พวกนั้นก็ตายไปหมดแล้ว ที่เหลือเราค่อยจัดการอีกที"

"ฮึ...พี่โรมกลัวเทียนจะรู้ความจริงน่ะสิ ถึงปล่อยมนไป พี่จะปิดบังเรื่องนี้ไปอีกเมื่อไหร่ สู้บอกเทียนให้รู้ไปเลยว่าเขาเป็นลูกสาวแท้ๆของกมลทัต แต่ถูกทำนิติกรรมอำพรางจากพ่อแท้ๆเพราะว่าพ่อจะฮุบมรดกไม่เห็นจะยากตรงไหน เทียนรู้ความจริงแล้วอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่เห็นต้องกลัวอะไรนี่คะ" คำพูดของปารวดีทั้งหมดมนทิราที่สะพายกระเป๋าเดินออกมายืนหน้าประตูเมื่อไหร่โรมกับปารวดีีไม่ทันเห็น เลยยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ล่วงรู้ความลับเรื่องของเทียน

ขณะนี้เจ้าตัวของเรื่องกำลังอยู่หน้าห้องไอซียูเพราะหมอไม่ให้เข้าไปเยี่ยมครูพร โดยมีลักษมนนั่งอยู่ด้วย เทียน ยกมือขึ้นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ช่วยคุ้มครองให้ครูพรปลอดภัย ลักษมนฟังเธออธิษฐานแล้วสงสารบอกเธอว่าหมอเผ่าบอกว่าครูพรพ้นขีดอันตรายแล้ว อย่าวิตกกังวลไปเลย เทียนหันมาตอบว่า

"ความจริงครูพรไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่ควรต้องมารับเคราะห์กับเทียนไปด้วยเลย เทียนเป็นตัวโชคร้ายอยู่กับใครเขาก็ต้องมีอันเป็นไปทุกคน เทียนไม่เข้าใจจริงๆคุณลัก เทียนไปขัดผลประโยชน์อะไรของคุณกมลทัต เขาถึงต้องให้พี่ชาญกับพวกมาตามฆ่าเทียนกับครูพรด้วย ผลประโยชน์ที่ว่ามันคืออะไรกันคะ"

ลักษมนอึกอักเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ เลยตอบเทียนไปว่า "คนที่จะให้คำตอบกับเทียนได้น่าจะเป็นพี่โรมนั่นแหละ เขาน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ" พูดแล้วก็เปลี่ยนเรื่องว่าเทียนยังไม่ได้กินอะไรเลย เขาจะออกไปซื้อของมาให้รองท้อง บอกให้เทียนคอยประเดี๋ยว ลักษมนเดินออกไป เทียนมองตามหลังก่อนจะหันกลับมาแล้วสะดุ้ง เพราะคนที่เดินเข้ามาหาเธอคือมนทิรานั่นเอง

"ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแก ถ้าอยากรู้ก็ตามมา" น้ำเสียงมนทิราตอนนี้เหี้ยมเกรียมมากๆ เทียนลุกขึ้นเดินตามไปทันทีอยากจะรู้ว่ามนทิราจะมาไม้ไหนอีก พอเดินตามทันก็เอื้อมมือไปจับไหล่มนทิราให้หันกลับมา เทียนยกมือชี้หน้าตั้งข้อหาทันที

"ทำไมพี่มนเป็นคนใจร้ายขนาดนี้ ร่วมมือกับกมลทัต มาทำร้ายเทียน ทำร้ายครูพร พี่ปา พี่เผ่า ไหนว่ารักนายหัวนักหนา นายหัวก็เกือบตายเหมือนกัน..."

มนทิราปัดมือเทียนออกจากไหล่ เอานิ้วจิ้มหน้าผากเทียนจนเซ "แกนี่มันโง่จริงๆนังเทียน ถ้าไม่มีฉันอยู่ด้วยนายหัวโรมของแกก็ต้องตายไปแล้วรู้ไว้ซะด้วย ฉันจะบอกแกเอาบุญ ไอ้เรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมาเนี่ยก็เพราะแกคนเดียว ไอ้กมลทัตมันต้องการชีวิตของแกต่างหาก เพราะว่าแกคือลูกสาวแท้ๆของกมลทัต แกคือลูกสาวคนเดียวของกมลทัต จำเอาไว้" ประโยคหลังเน้นเสียงให้ชัดยิ่งขึ้นและต้องรีบผละไปเพราะเสียงลักษมนร้องเรียกหาเทียนดังใกล้เข้ามา และตอนที่ลักษมนเดินมาถึงตัวเทียนนั้นเธอทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นแล้ว เอาแต่ส่ายหน้าไปมาและร้องว่าโกหกๆไม่ขาดปาก ลักษมนต้องเขย่าตัวเทียนเพื่อให้เธอรู้สึกตัว ถามว่า

"มานั่งอะไรตรงนี้เทียน เดี๋ยวพวกไอ้ภาสกรมันย้อนกลับมาเล่นงานเธอจะทำยังไง"

เทียนเงยหน้ามองลักษมนเพราะจำได้แต่เสียง ส่วนใบ หน้าของเขาเบลอไปหมด ร้องบอกว่า

"พาเทียนกลับบ้านเดี๋ยวนี้เถอะค่ะ เทียนอยากกลับบ้าน"

ลักษมนตามใจรีบขับรถพากลับบ้านทันที ไปถึงบ้านเจอแต่ป้าทิพย์ ลักษมนถามถึงโรมกับปารวดี ป้าทิพย์บอกว่า "ไปโรงพักค่ะ ตำรวจเชิญไปสอบปากคำ...เป็นไง...สะใจแล้วซิเทียน มีคนตายตั้งหลายศพ ยังดีนะเนี่ยที่พวกเราไม่มีใครเป็นอะไร" ป้าทิพย์พูดกับลักษมนและเทียนไปพร้อมกัน ลักษมนชี้หน้าป้าทิพย์ทันที

"ยายมนของป้านั่นแหละเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ถามจริง ป้าไม่ระแคะระคายอะไรมั่งเหรอครับ ออกจะรักกันซะขนาดนั้น"

"คุณลัก คุณลักหาว่าป้ารู้เห็นเรื่องวางยาเหรอคะ" ป้าทิพย์ทั้งตกใจทั้งกลัว เทียนไม่ได้ฟังว่าสองคนพูดอะไรกันมั่ง บอกขอตัวไปพักผ่อนแล้วเดินขึ้นบ้านไปเลย คำพูดของมนทิรายังแว่วอยู่ในหูตลอดเวลา กำลังจะเดินผ่านห้องโรมเทียนชะงัก แล้วตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป เห็นลิ้นชักตรงโต๊ะหัวนอนยัง ไม่ได้ปิดเพราะภาสกรรีบรุดออกไปจากห้องตอนที่ลูกน้องร้องบอกว่าพวกโรมมากันเยอะแยะ เทียนเดินเข้าไปนั่งหยิบสายสร้อยร้อยแหวนออกมาพิจารณาดูอย่างช้าๆ เห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษทีเอส เทียนพึมพำชื่อของกมลทัตออกมา หันไปดูในลิ้นชักเห็นเอกสารลายมือหมอเผ่าเขียนเอาไว้ สรุปผลการตรวจดีเอ็นเอของกมลทัตกับเทียนตรงกัน แปลว่าเทียนเป็นลูกของกมลทัต เทียนเงยหน้าน้ำตาไหลเป็นทาง มือกำสายสร้อยกับแหวนไว้แน่น เทียนเดินกลับห้องพักตัวเองแล้วปิดประตูขังตัวเองอยู่ในนั้น

โรมกับปารวดีกลับมาจากการไปให้ปากคำตำรวจ ลักษมนที่นั่งคอยอยู่ถามอย่างตื่นเต้นว่าตำรวจว่ายังไงบ้าง เขาจะโดนคดีอะไรหรือเปล่า โรมบอกว่า "ฉันบอกว่าพวกคนงานเป็นคนยิงคนร้ายเพื่อป้องกันตัว เขาจะสอบเพิ่มเติมทีหลัง เออ แล้วเทียนล่ะ?"

"เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในห้อง เรียกกินข้าวเย็นก็ไม่ตอบ คงยังตกใจอยู่น่ะครับ" ฟังจบโรมรีบเดินขึ้นไปบนบ้าน ปารวดี ส่ายหน้า พูดกับลักษมนว่า

"น่าสงสาร พี่ชายตายไปทั้งคน ถึงจะเลวยังไงแต่เทียนเขาก็รักของเขา ไหนจะครูพรมาโดนลูกหลงไปอีกคน เป็นใครก็ทำใจยาก"

"ที่สำคัญก็คือ  งานนี้เทียนเกือบตาย  ถ้าพี่โรมเอาตัวพวกที่รังแกเทียนเข้าคุกไม่ได้ ผมจะจัดการเอง แล้วผมก็จะเอาเทียนไปจากที่นี่ด้วย" เสียงลักษมนหนักแน่น

"สิ่งที่เธอคิดมันช่วยอะไรเทียนไม่ได้หรอก ปัญหานี้มีพี่โรมคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ได้"

คำพูดของปารวดีทำเอาลักษมนมองหน้า ถามออกมาว่า "มันมีปัญหามีความลับอะไรกันนักหนา ทำไมต้องปกปิดผมด้วย ผมรู้ว่าพี่ปากับพี่เผ่ารู้ แต่ไม่ยอมบอกผม"

ปารวดีลุกขึ้นเสพูดว่า "เกือบลืมไป พี่ต้องเตรียมเสื้อผ้าไปให้หมอเผ่าที่โรงพยาบาล แล้วก็ต้องอยู่เฝ้าดูอาการของครูพรด้วย เช้าๆถึงจะกลับ" พูดจบรีบเดินเข้าห้องตัวเอง ลักษมนกำหมัดชกมือตัวเองอย่างโมโห

ส่วนโรมไปเคาะประตูห้องเทียน เทียนเดินช้าๆมาเปิดให้ โรมตามเข้าไปนั่งข้างๆเธอบนเตียง มองเทียนอย่างรู้สึกผิด บอกกับเธอว่า "เทียน ฉันขอโทษสำหรับเรื่องทั้งหมด ฉันทำให้ทุกอย่างมันบานปลายมาถึงขนาดนี้ เทียน...ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกกับเธอ คือ..."

"เทียนรู้แล้วค่ะ...แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของนายหัวด้วย เทียนรู้ว่าที่นายหัวทำไปทั้งหมดเพราะนายหัวหวังดีกับเทียน เทียนขอรู้เพียงแค่นี้ นอกนั้นเทียนไม่อยากรับรู้อะไรอีก...นายหัวคะ เทียนขออะไรนายหัวสักอย่างได้ไหมคะ..."

"ได้...ได้สิ เทียนอยากได้อะไรเหรอ" เทียนยิ้มเอื้อมมือมากอดแขนโรมอย่างดีใจ

ooooooo

ที่ห้องทำงานของกมลทัตที่บริษัทคืนนั้น เขากำลังนั่งอ่านเอกสารด้วยสีหน้ายิ้มๆอย่างพอใจอะไรสักอย่าง เสียงโทรศัพท์เข้ามา กมลทัตรับสาย พอรู้ว่าเป็นใครก็ถามไปว่าเป็นยังไงงานสำเร็จไหม เสียงภาสกรตอบมาเบาๆว่าขอโทษที่ทำงานพลาด กมลทัตหน้าหุบตวาดไปทันที พลาด พลาดได้ยังไงหา...

"เทียนหนีไปได้ครับ ไอ้ชาญตาย ครูพรถูกพวกเรายิงยังอยู่ในโรงพยาบาล ลูกน้องผมก็ตายไปสองคน"

"ไอ้บ้า แล้วใครสั่งให้แกไปทำแบบนั้น เดี๋ยวก็ได้ติดคุกกันหมดหรอก เป็นทนายภาษาอะไรวะ"

"ผมคงต้องกบดานอยู่เงียบๆสักพักครับ ไอ้โรมมันเห็นหน้าผมแล้วก็ยัยมนไม่รู้จะปากโป้งอะไรไปหรือเปล่า แต่ท่านไม่ต้องห่วง ผมทำมาถึงขั้นนี้แล้ว กัดไม่ปล่อยแน่"

"แล้ว...แล้วนี่จะมีอะไรมาถึงตัวฉันหรือเปล่าวะ"

"รับรองไม่ถึงท่านแน่ ผมเอาหัวเป็นประกัน" ภาสกร รับคำหนักแน่นก่อนจะวางหู กมลทัตฮัลโหลๆ จะถามถึงเทียนแต่โดนวางหูไปแล้ว กมลทัตกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ พนักงานเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา

"ท่านครับ...ท่านมีนัดประชุมเรื่องซื้อสวนปาล์มตอนสามทุ่มครึ่งครับ ทุกคนพร้อมแล้วครับ"

"งดไปก่อนโว้ย ไม่มีอารมณ์" กมลทัตตะคอก

"แต่นี่เป็นเรื่องด่วนมากนะครับ..."

พนักงานพูดไม่ทันจบก็ต้องกระโดดหลบรีโมตที่กมลทัตขว้างใส่ก่อนจะตะโกนว่า  "ไสหัวไปไอ้นี่...วอนซะแล้ว" พนักงานวิ่งออกไปเหมือนติดเทอร์โบ กมลทัตรวบๆเอกสารยัดใส่กระเป๋าหน้าเครียด กลับถึงบ้านก็เข้าห้องทำงานปิดประตูเงียบอยู่ในนั้นข้าวปลาไม่ยอมกิน เขารู้สึกอ่อนเพลียทั้งกายและใจ กมลทัตเอนตัวลงพิงโซฟาแล้วหลับตา

เช้าวันรุ่งขึ้นพิศเพลินกำลังจะเดินไปใส่บาตร เดินผ่านห้องทำงานของกมลทัตได้ยินโต๊ะเก้าอี้ล้มโครมครามก็ตกใจ รีบเปิดประตูเข้ามา เห็นกมลทัตนอนแหกปากร้องโวยวายดิ้นรนเหมือนกับกำลังต่อสู้กับอะไรอยู่ พิศเพลินรีบเข้าประคองให้ลุกขึ้นนั่งพิงฝา

"คุณๆๆ เป็นอะไรไปคะเนี่ย เก้าอี้ล้มโต๊ะล้ม เจ็บตรงไหนมั่งคะ"

กมลทัตเลิ่กลั่ก "ไม่เป็นไรๆ ไอ้โรมกับพวกตำรวจอยู่ไหน ไอ้ภาสกรด้วย แล้วเทียนล่ะ อยู่กับคุณรึเปล่า"

"ไม่มีใครทั้งนั้นแหละค่ะ เมื่อคืนคุณคงเผลอหลับไปแล้วฝันร้าย ตอนกลับมาจากบริษัทคุณก็บ่นว่าเครียดเรื่องทนายภาสกรกับเรื่องจะซื้อที่ทำสวนปาล์ม แล้วก็ห้ามใครรบกวนหายเงียบอยู่ในห้องทำงานนี้แหละค่ะ"

"แล้วกุลชาติล่ะ กุลชาติอยู่ไหน?" พิศเพลินฟังแล้วงง แต่ก็พากมลทัตไปที่ห้องนอนกุลชาติ พอเปิดเข้าไปเห็นควันลอยเต็มห้อง กุลชาติกำลังเล่นยาอยู่ด้วยท่าทางเคลิบเคลิ้ม ร้อง สุดยอดๆ สวรรค์มีจริง พอเห็นพ่อกับแม่ผลักประตูเข้ามาก็ร้องอีกว่า "นั่นไง สวรรค์จริงๆ พูดไม่ทันขาดคำเทวดากับนางฟ้าก็มาปรากฏตัวต่อหน้าต่อตา" กมลทัตลืมฝันร้ายเมื่อคืนสนิท เงื้อมือจะตบกุลชาติ พิศเพลินรีบจับเอาไว้ แต่กุลชาติกลับหัวเราะร้องบอกแม่ว่า

"อย่าห้ามแม่จ๋า พ่อนี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ให้ผมเกิดมาเป็นทักษสุต โคตรมีความสุขเลย ได้ลิ้มรสมือรสเท้าพ่อมาตั้งแต่ยังเด็กๆ ติดยิ่งกว่ายาอีก ถ้าไม่โดนมันจะลงแดงซะยังงั้น"

กมลทัตผลักกุลชาติกระเด็นไปข้างเตียงแล้วชี้หน้าด่าพิศเพลิน "เป็นแม่ภาษาอะไร ปล่อยให้ลูกมาเสพยาเมายาในบ้าน"

"ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขาไประเหเร่ร่อนข้างนอก อย่างน้อยที่บ้านก็ปลอดภัยกว่า" พิศเพลินเถียงกมลทัต แต่กุลชาติลอยหน้าลอยตาบอกว่า

"ไม่จริง อยู่กับเทียนปลอดภัยที่สุด  ใจถึง  พึ่งได้  ไม่ซัดทอด เทียน เทียนจ๋า พี่ชาติคิดถึงเทียนใจจะขาดอยู่แล้ว" กุลชาติทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ หงายหลังแน่นิ่งไป พิศเพลินรำพันออกมาว่า

"หนูเทียนคงจะเป็นคนเดียวจริงๆที่ช่วยกุลชาติได้"

กมลทัตหันไปทำตาขวาง "ร่ำร้องเรียกร้องกันทั้งแม่

ทั้งลูก ไม่ต้องกลัวหรอกเทียนกลับมาแน่ แล้วคอยดูถึงตอนนั้นคือหายนะของพวกเราทุกคน" กมลทัตเดินออกไป พิศเพลินเข้าไปประคองลูกชายโอ๋กับอกตัวเอง

ooooooo

เช้าวันเดียวกันนี้ที่บ้านโรม ลักษมนเดินหน้าตาตื่นลงบันไดมาร้องเรียกหาเทียน ไม่มีเสียงตอบ เห็น

ปารวดีกำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจเลยเข้ามาถามว่าเห็นเทียนมั้ย หายไปไหนก็ไม่รู้ พี่โรมก็หายไปด้วย ต้องเกิดเรื่องอะไรอีกแน่ๆเลย

ปารวดีส่งกระดาษให้ลักษมนอ่านพลางพูดว่า "ไม่มีเรื่องอะไรหรอกเห็นมั้ย พี่โรมเขาบอกว่าจะพาเทียนไปที่อื่นสักสองสามวัน เดี๋ยวก็กลับมา"

ลักษมนอ่านข้อความในกระดาษแล้วร่อนลงบนโต๊ะบ่นว่า "แล้วทำไมต้องพากันหนีไปอย่างนี้ ก็บอกกล่าวกันตรงๆก็ได้นี่ ทำอย่างนี้มันต้องมีอะไรลับลมคมในแน่ๆ ใครจะไปรู้ว่าจะกลับกันมาหรือเปล่า ยิ่งตอนนี้พี่โรมเขารู้แล้วว่าผมรักเทียน อาจจะหึงเอาเทียนไปซ่อนไม่ให้ผมกับเทียนได้พบกันก็ได้"

"ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกลัก" ปารวดีปลอบ

"ก็พี่โรมทำคลุมเครือกับเทียนอยู่เรื่อย จะเอายังไงก็ไม่พูดกันให้ชัดๆไปเลย กับผมก็ทำตัวเป็นไม้กันหมา พี่โรมนั่นแหละหมาหวงก้าง"

ปารวดีทำหน้าดุ โยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ "ไปกันใหญ่แล้วนายลัก เอาละ ถ้าเธออยากรู้ความจริงเกี่ยวกับเทียนแล้วก็เหตุผลของพี่โรมพี่ก็จะเล่าให้ฟัง" ลักษมนนั่งฟังอย่างตื่นเต้น พอปารวดีเล่าจบเขาก็ถาม

"นี่พี่โรมเขาทำทุกอย่างก็เพื่อแก้แค้นกมลทัตแค่นั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆก็ต้องหยุดพี่โรมได้แล้วก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไปกว่านี้"

ปารวดีถอนใจ "พี่กับคุณเผ่าก็บอกเขาจนปากเปียก ปากแฉะไปกันหมดแล้ว ห่วงแต่เทียนนั่นแหละ ถ้าได้รู้ความจริงขึ้นมาจะว่าไง" สองคนพี่น้องนิ่วหน้าคิดด้วยความกังวล

แต่คนที่ถูกห่วงใยตอนนี้กำลังนั่งมองทะเลอยู่กับโรม อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นว่า "เราจะอยู่กันที่นี่นะคะนายหัว"

โรมสะดุ้ง "ได้ไงเทียน ฉันขับรถไปหาเช่ารีสอร์ตให้เธออยู่สบายๆกว่านี้ไม่ดีเหรอ?"

เทียนหันมาจ้องหน้าเขา "จำไม่ได้เหรอคะ นายหัวจะอยู่กับเทียนแค่สองคน ท้ายรถนายหัวก็มีเต็นท์จะกลัวอะไรคะ" เทียนรีบลุกไปเอาเต็นท์มากางเงอะๆงะๆ ท้ายที่สุดโรมทนไม่ไหวเลยเข้าไปช่วย คนละไม้ละมือไม่นานก็เรียบร้อย เทียนท่าทางร่าเริงมากจนโรมแอบมองด้วยความสงสัยว่าเธอคิดอะไรอยู่ พอกางเต็นท์เสร็จก็ชวนโรมลงไปอาบน้ำทะเลกัน เทียนว่ายไปไกลโรมตะโกนเรียกก็ไม่พัง ท้ายที่สุดก็เห็นเธอจมน้ำไปโรมรีบไปช่วย เขาดำผุดดำโผล่ควานหาตัวเทียนเท่าไหร่ก็หาไม่เจอหน้าซีดด้วยความตกใจ แต่แล้วก็มีมือหนึ่งเอื้อมเข้ามากอดทางด้านหลัง โรมรีบพลิกตัวกลับไปมองแล้วก็ต้องโมโหเมื่อเห็นว่าเทียนนั่นเอง โรมเข้าคว้าตัวเอาไว้ คิดว่าจะตีสักเผียะ แต่พอถูกตัวเทียนก็กลายเป็นกอดเอาไว้แน่น เทียนกอดตอบเขาแน่นพอๆกัน สองคนดำผุดดำว่ายไล่จับกันอยู่ในน้ำนั่นเอง

ตกกลางคืนสองคนนอนเตียงเดียวกันนอนนับดาวอยู่ริมหาด พูดคุยรื้อฟื้นเรื่องราวตั้งแต่ตอนพบกันใหม่ๆ ทีแรกก็มีอารมณ์ดื่มด่ำอย่างเป็นสุขหน้าแนบชิดกันอย่างไม่รู้ตัว เทียนชี้ให้ดูดาวดวงหนึ่งแล้วถามว่า

"นั่นดาวอะไรคะนายหัว สีชมพูแวววาวสว่างกว่าเพื่อน"

"อ๋อ...ดวงนั้นเหรอ...ไม่รู้หรอก" โรมแกล้งยั่วทั้งๆที่รู้ว่ามันคือดาวประจำเมือง พอนางเอกร้องอ้าวก็รีบบอกว่า "ฉันไม่ใช่นักดาราศาสตร์นี่ ฉันเป็นชาวสวนนะ"

"แหม ก็นึกว่านายหัวจะเป็นพระเอกในละคร นางเอกถามอะไรรู้หมดเลย

โรมหันขวับไปหาอย่างรวดเร็วจนปากชนกัน ต่างคนต่างชะงัก โรมผละออกก่อนพูดเสียงเรียบว่า "เทียน ฉันไม่ใช่ พระเอก ไม่ใช่เทพบุตรอย่างที่เธอคิด ฉันเป็นซาตานด้วยซ้ำ เทียนเคยถามใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงรับเธอมาดูแล เอาเธอมาชุบเลี้ยงไว้อย่างดี นั่นก็คือเพราะ..."

"ฮ้าว..." เทียนอ้าปากหาวเสียงดังแล้วลุกขึ้นบอกว่า "เทียนง่วงแล้วค่ะนายหัว ไปนอนดีกว่า "เธอเดินกลับไปเต็นท์ เฉยเลย โรมนั่งอยู่อีกพักหนึ่งจึงกลับไปที่เต็นท์บ้าง เห็นเทียนนอนหลับตานิ่งจึงเอาผ้าห่มให้แล้วก็เอนตัวลงนอนข้างๆก่ายหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม เทียนพลิกตัวเข้ากอดทันที โรมนึกว่าเธอละเมอจึงกอดตอบโอบเอวไว้อย่างนั้น เทียนซบหน้าอยู่กับอกเขาพูดเบาๆว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น