หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

มนต์รักลูกทุ่ง ตอนที่ 6

ตอนที่ 6

แล้วเช้ารุ่งขึ้น บุปผาซึ่งได้รับมอบหมายให้ออกไปตลาดโดยมีเพชรเป็นผู้ติดตาม หญิงสาวหาวิธีล่อหลอกเพชรอยู่นานกว่าจะสำเร็จ เพชรมัวแต่ดูปลากัดเพลินจนลืมบุปผาไปเลย ส่วนบุปผาก็เร่งรีบไปหาคล้าวที่แผงขายผักปลาแต่เจอคอนนั่งอยู่คนเดียว

สายใจซึ่งขายของอยู่ใกล้ๆพอได้ยินบุปผามาถามหาคล้าวก็เร่เข้ามาแขวะจนกลายเป็นมีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตแทบจะลงมือลงไม้ถ้าคอนไม่ห้ามเอาไว้

ส่วนคล้าว หลังจากมาส่งแม่ที่ตลาดแล้ว ชายหนุ่มก็เอาควายสองตัวออกไปท้องนา แต่ระหว่างทางเจอเจิดกับสมุนกลั่นแกล้งด้วยการกดแตรและเร่งเครื่องรถเก๋งโฉบไปโฉบมาทำให้ควายตื่นตกใจจนคล้าวคุมไม่อยู่  แต่ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว เจิดกับสมุนถูกควายไล่ขวิดจนวงแตกวิ่งหนีตายกันทุลักทุเลตกน้ำตกท่าดูไม่จืด

เมื่อไม่เจอคล้าวที่แผงขายของ บุปผาจึงโผล่เข้าไปที่ร้านตัดผมของแว่น แต่ก็ไม่เจอแว่นอีก มีเพียงตี๋และไข่ที่นอนหลับกรนครอก บุปผาต้องปลุกทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่งกว่าจะคาดคั้นจนรู้ว่าแว่นไปเจ๊าะแจ๊ะแม่ค้าขายขนมครก

แว่นไม่ได้ตั้งใจจีบจริงจังแค่จะมาหาเศษหาเลยเพื่อหวังกินขนมครกฟรี แต่บุปผาหึงหวงและรับไม่ได้ เกิดมีปากเสียงตบตีกับแม่ค้าขนมครก ก่อนทั้งคู่จะหันมาเล่นงานแว่นตัวต้นเหตุจนร้องจ๊าก แต่เขาก็ยังวิ่งแจ้นตามบุปผาไปอีก

บุปผาเดินหนีลิ่วๆอย่างโกรธจัด แว่นวิ่งตามมาง้องอนขอโทษ บอกว่าพี่แว่นไม่เคยคิดนอกใจน้องบุปผา

"คิดแต่จะหาเศษหาเลยน่ะสิ"

"ใช่จ้ะ...เฮ้ย ไม่ใช่จ้ะ โธ่ ทำไมไม่เชื่อพี่แว่นบ้างเลย"

"ถ้าไม่มาเห็นกับตาฉันก็ไม่มีวันเชื่อหรอก เราจบกันแค่นี้ ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว"

"น้องบุปผา..."

"ผู้ชายก็เหมือนกันทั้งโลก หาความซื่อสัตย์ไม่ได้เลย พอกันทีชาตินี้อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย หาใหม่ไม่ได้ อีบุปผาก็จะขออยู่มันตัวคนเดียวแห้งเหี่ยวหัวโตจนตายก็ช่างมัน"

บุปผาตบหน้าแว่นแล้วผลุนผลันออกมาทันที แต่แล้วนึกได้ย้อนกลับไปบอกแว่นว่า

"ไปบอกพี่คล้าวด้วยว่าไอ้เจิดมันกำลังจะยกขันหมากมาขอทองกวาววันสองวันนี้แหละ ถ้าพี่คล้าวรักทองกวาวจริงจะทำอะไรก็รีบทำเข้า ไม่งั้นชาตินี้ก็ไม่ได้เห็นหน้าทองกวาวมันอีกเหมือนกัน"

พูดขาดคำบุปผาก็ผลุนผลันจากมาด้วยท่าทีงอนๆ แว่นตะลึงตาค้าง พอตั้งสติได้ก็รีบไปส่งข่าวคล้าวที่กลางท้องนา พร้อมกันนี้แว่นก็รำพันอย่างเศร้าโศกที่ตัวเองถูกบุปผาบอกเลิก แต่คล้าวช็อกยิ่งกว่า เหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจเมื่อรู้ว่าทองกวาวต้องแต่งงานกับเจิดตามความต้องการของพ่อแม่

"แล้วบุปผาบอกรึเปล่าว่าทองกวาวเป็นยังไงบ้าง"

"ไม่ได้บอก บอกแต่ว่าเอ็งจะทำอะไรก็รีบทำเข้า ไม่งั้นชาตินี้ก็จะไม่ได้เห็นหน้าทองกวาวอีก เหมือนที่ข้าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าบุปผา"

"ทองกวาวคงกำลังเสียใจ ทำไมอาก้อนอาทับทิมถึงบังคับข่มเหงจิตใจลูกตัวเองได้ลงคอขนาดนี้"

"แล้วเอ็งจะทำยังไงวะคล้าว"

"ข้าเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน"

"ระหว่างที่เอ็งยังคิดไม่ออก เอ็งก็ช่วยข้าคิดไปพลางๆก็ได้ ว่าข้าควรจะง้อบุปผายังไงดี บุปผาถึงจะหายโกรธข้า"

แว่นยังฟูมฟายไม่เลิก คล้าวยิ่งเครียดหนัก

ooooooo

ทองกวาวผิดหวังเสียใจ เมื่อบุปผากลับมาบอกว่าไม่เจอคล้าว แล้วก็จะเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับแว่นให้ฟังด้วย แต่ทับทิมเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทับทิมบ่นทองกวาวที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ทองกวาวจึงปดแม่ว่าตนปวดหัวนิดหน่อย
"ปวดหัว...แล้วกินหยูกกินยารึยังล่ะลูก ฉวยเป็นอะไรมากขึ้นมาจะแย่นะ"

ทันใดบุปผาก็ร้องไห้ฮือๆ สั่งขี้มูกเสียงดังฟืดฟาดจนทับทิมแปลกใจถามว่าเป็นอะไร ทำไมร้องไห้ฟูมฟายอยู่ได้

"ขี้ผงมันเข้าตาจ้ะป้า"

"นึกว่าอาลัยอาวรณ์ที่ต้องถูกแยกออกจากกันซะอีก อีกไม่นานทองกวาวเขาก็จะแต่งงานไปมีลูกมีผัวของเขาแล้ว จะมาติดกันแจเหมือนอย่างทุกวันนี้น่ะไม่ได้หรอกนะ เขาก็ต้องอยู่กับผัวเขา เราเองก็เหมือนกันหัดทำตัวให้เป็นกุลสตรีหน่อย ไอ้อาการยังกะลิงหลอกเจ้าน่ะลดๆลงบ้าง เผื่อผู้ชายดีๆที่ไหนเขาจะอยากได้ไปตบไปแต่งออกเรือนกะเขามั่ง ฉันน่ะไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงดูเราไปได้จนแก่ตายหรอกนะ อ้อ แต่ได้ประเภทไส้แห้งไม่มีจะกิน
อย่างไอ้แว่นน่ะ ไม่เอานะจะบอกให้"

คราวนี้บุปผาปล่อยโฮออกมาเสียงดังกว่าเก่า เพราะเจ็บและแสลงใจอย่างหนัก ทับทิมตกใจและงุนงง ถามบุปผาว่าเป็นอะไรไปอีก บุปผากลั้นสะอื้นบอกว่าแค่ซึ้งคำป้าเท่านั้นเอง

ทองกวาวมองแม่อย่างกลุ้มจัดแล้วตัดสินใจตามออกมาหว่านล้อมแม่ให้เลื่อนการแต่งงานออกไปก่อน โดยหยิบยกเหตุผลมากมายขึ้นมาอ้าง แต่ทับทิมก็ไม่เล่นด้วย แถมยังดุและสั่งห้ามทองกวาวพูดเรื่องนี้อีก

ขณะที่ทองกวาวจนปัญญา คล้าวเองก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดี ไข่กับตี๋เลยแนะนำให้คล้าว ฉุดทองกวางมาปล้ำทำเมีย แต่คล้าวไม่เอาด้วยเพราะถ้าขืนตนทำอย่างนั้นก็เท่ากับดูหมิ่นทองกวาว ดูหมิ่นความรัก ทองกวาวจะมองหน้าคนอื่นได้ยังไง ทุกวันนี้พ่อแม่ทองกวาวก็ดูถูกตนอยู่แล้ว ตนยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเอง ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีให้สมศักดิ์ศรีคนที่ตนรัก

น้อยเห็นด้วยกับคล้าวอย่างยิ่ง และปลอบใจคล้าวว่าปัญหาทุกอย่างมันต้องมีทางออกของมันเสมอ ขอให้คล้าวใจเย็นๆ ส่วนแม่คอนพอรู้เรื่องนี้ก็อยากให้ลูกชายหักอกหักใจ เพราะยังไงคนจนอย่างเราก็ต้องแพ้คนรวยอย่างเขาอยู่แล้ว แต่คล้าวยังเชื่อมั่นว่าระหว่างเงินกับความรัก ทองกวาวต้องเลือกความรักอย่างแน่นอน

สายใจพอรู้ข่าวจากน้อยว่าทองกวาวกำลังจะแต่งงานกับเจิด เธอเริงร่ายิ่งกว่าถูกหวย บอกน้อยว่า ไม่มีข่าวอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว

"มันจะเป็นข่าวดีไปได้ยังไงจ๊ะน้องสายใจ ตอนนี้ไอ้คล้าว มันกำลังกลุ้มใจยังกะอะไรดี"

"ผู้ชายอย่างไอ้เจิดก็สมกันดีที่สุดกับอีทองกวาวแล้ว จะไม่ให้ข้าดีใจได้ยังไงไอ้หมู่น้อย รีบๆแต่งกันเข้าไปเลย ข้าจะได้หมดเสี้ยนหนามหัวใจซะที ส่วนพี่คล้าวข้าจะดามหัวใจให้เอง ไม่นานหรอกพี่คล้าวก็จะลืมความรักลวงๆปลอมๆของอีนังทองกวาว แล้วก็จะพบว่ารักแท้ของข้ามันเป็นยังไง"

"แล้วรักแท้ของพี่น้อยล่ะ เมื่อไหร่น้องสายใจจะเห็น"

"ข่าวดียังงี้ต้องฉลองสามวันเจ็ดวันไปเลย ในที่สุดรักแท้ก็ชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ใครตัวจริงตัวปลอมก็รู้กันงานนี้ละโว้ยอีทองกวาว" สายใจดี๊ด๊ามีความสุขสุดๆ ไม่ได้ฟังและไม่ได้สนใจน้อยเลยว่าจะซีดจ๋อยขนาดไหน

ooooooo

บ่ายแล้วแต่มิ่งเพิ่งตื่นนอน ขณะลุกออกไปตักน้ำล้างหน้า มิ่งมองไปเห็นชายคนหนึ่งกำลังผ่าฟืน อารามตกใจมิ่งรีบร้อนลงจากบ้านเพราะนึกว่าเขาคนนั้นเป็นขโมย แล้วมิ่งก็คว้าอาวุธจะเข้าทำร้ายเขา โชคดีของเชนที่ดวงใจกลับมาเจอพอดี แต่ดวงใจก็ถูกมิ่งด่าเปิง เมื่อรู้ว่าเธอรับเชนไว้เป็นลูกจ้าง

"อีดวงใจ...วันๆจะกินเข้าไปยังแทบจะไม่มี มึงยังสาระแนจ้างลูกจ้างเอาไว้อีกเหรอ อีบ้า"

"แล้วทุกวันนี้ไร่นาเราพ่อทำไหวเหรอ หญ้าขึ้นรกเต็มนาไปหมดแล้ว หนูไม่จ้างคนมาช่วย แล้วใครจะทำ"

"กูไม่ทำคนนึงละ แล้วกูก็ไม่เอาไอ้ลูกจ้างนี่ด้วย ไสหัวไปเลย ยังมายืนหน้าเซ่ออยู่อีกไอ้บ้า"

เชนเดินหน้าจ๋อยออกไปทันที ดวงใจเหลียวมองเชนแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาหาพ่อ

"มึงนึกอยากจะทำอะไรก็ทำไม่ถามกูซักคำ มึงไม่เห็นหัวกูแล้วใช่ไหมอีดวงใจ"

"หนูแค่คิดว่าหนูต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่ใช่ปล่อยให้อะไรๆมันมีแต่แย่ลงๆอย่างที่เป็นมา พ่อไม่ต้องห่วงหรอก ในเมื่อพ่อไม่อยากรับผิดชอบอะไร หนูก็จะดูแลบ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของทุกคนแทนพ่อเองรวมทั้งนายเชนด้วย"

"มันเป็นใคร หัวนอนปลายตีนเป็นยังไงมึงรู้เรอะ"

"ไม่สำคัญหรอกพ่อ หนูแน่ใจก็แล้วกันว่าเขาเป็นคนดี" ว่าแล้วดวงใจก็หิ้วถุงข้าวของตามเชนออกไป โดยมีเสียงมิ่งด่าไล่หลังอย่างหัวเสียสุดๆ

"ทำเป็นอวดเก่งนะมึง กูจะคอยดูว่ามึงจะไปได้ซักกี่น้ำ"

เชนกลับมาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเพื่อจะไปจากที่นี่ โดยบอกดวงใจว่าตนไม่อยากทำให้ใครต้องลำบากใจ

"ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนใจเสาะอย่างนี้ นายยังไม่ได้ทำอะไรซักอย่างให้ใครเขาเห็นเลยว่านายเอาถ่านแค่ไหน นายก็ถอดใจซะแล้ว ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงร่อนเร่ ไม่มีหลักแหล่งอยู่อย่างนี้ ถ้านายคิดว่านายไม่สู้งานหนักที่นี่ นายก็ไปซะเถอะ"

เชนนั่งก้มหน้านิ่ง ดวงใจหยิบรองเท้าที่เพิ่งซื้อมาออกจากถุงวางลงให้เชน

"ฉันซื้อรองเท้ามาให้ นึกว่านายจะอยู่ทำงานที่นี่ไปนานๆ แต่คงไม่เป็นไรหรอกกว่านายจะได้งานทำที่ต่อไป นายคงต้องเดินอีกไกล"

เชนตะลึง แล้วรีบขอโทษดวงใจที่กำลังจะกลับออกไป

"คุณดวงใจครับ ผมขอโทษ ผมจะกลับไปผ่าฟืนให้เสร็จ เดี๋ยวนี้ละครับ"

"แล้วไง"

"ผ่าฟืนเสร็จแล้ว ผมจะไปหาบน้ำมาใส่ตุ่มให้เต็ม แล้วจะออกไปรดน้ำผัก ผมว่าจะถางหญ้าแล้วยกแปลงผักใหม่ให้ จะได้ปลูกผักเพิ่ม"

"แล้วไง"

"ก็แล้วแต่คุณดวงใจจะสั่งให้ผมทำอะไรครับ"

"แค่นั้นก็หมดวันแล้วละ อย่าลืมกลับมากินข้าวกลางวันก็แล้วกัน"

เชนรับคำแล้วก็เก็บรองเท้าใส่ถุงเดินออกไป ดวงใจร้องถามเชนทำไมไม่ใส่รองเท้า เชนหันมาตอบซื่อๆว่า เดี๋ยวมันเก่า ผมเสียดาย ดวงใจอึ้งไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากยิ้มขำๆกับความซื่อของเชน

ooooooo

กลางทุ่งนา คล้าวนั่งซึมไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งสิ้น สายใจหิ้วปิ่นโตเข้ามาชวนกินข้าว คล้าว ก็ปฏิเสธว่าพี่ไม่หิว สายใจหมั่นไส้เลยดักคอว่า

"ไม่หิวหรือกินไม่ลงกันแน่ แหม...แค่ได้ข่าวอีทองกวาวเท่านั้นแหละ ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ"

"พี่ขออยู่คนเดียวเงียบๆได้ไหมสายใจ"

"พี่หัดอยู่กับความเป็นจริงซะทีได้แล้ว อย่ามัวแต่ฝันไปเลย"

"ความเป็นจริงก็คือพี่รักทองกวาว แล้วทองกวาวก็รักพี่"

"แต่ความเป็นจริงยิ่งกว่าความเป็นจริงอะไรทั้งหมดก็คือ พี่ไม่มีทางได้แต่งงานกับมันหรอก ใครจะไปรู้ ตอนนี้มันอาจจะกำลังเนื้อเต้นดีใจที่จะได้แต่งงานกับไอ้เจิดมันก็ได้"

"เป็นไปไม่ได้หรอก"

"พี่คิดไปเองฝันไปเองทั้งนั้น อีทองกวาวมันไม่ได้รักพี่หรอก มันทำเป็นดีกับพี่ก็เพราะมันเวทนาพี่เท่านั้นเอง ผู้หญิงหน้าไหนมันจะอยากได้ผัวจนๆ ต้องกัดก้อนเกลือกิน แต่งงานกันไปกับคนรวยๆอยู่บนกองเงินกองทอง วันๆได้แต่งตัวเป็นคุณนายมันไม่ดีกว่าเหรอ"

คล้าวทนฟังไม่ไหวเดินหนีออกไปทันที แล้วในที่สุดคล้าวก็แวะไปปรับทุกข์กับหลวงพ่อว่าตัวเองมืดแปดด้านไม่รู้จะทำยังไง ต่อให้ขายบ้านขายนา สินสอดของตนก็คงสู้สินสอดไอ้เจิดไม่ได้

"ที่ไหนมีความรัก ที่นั่นย่อมมีความทุกข์ ทุกข์ที่ไม่ได้สมหวังในความรัก"

"แต่ผมกับทองกวาว...เรารักกันจริงๆนะครับหลวงพ่อ"

"แต่เอ็งก็ต้องไม่ลืมว่าแต่ละคนย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง อย่าไปคิดอะไรมากเรื่องแบบนี้ ถ้ามีวาสนาต่อกันแล้วเอ็งกับทองกวาวก็คงไม่แคล้วจากกันหรอก"

"แล้วผมควรจะทำยังไงดีครับหลวงพ่อ"

"เรื่องทางโลก เอ็งจะมาถามข้าได้ยังไงวะไอ้คล้าว มันไม่ใช่กิจของสงฆ์"

"ก็ผมจนปัญญา ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้วนี่ครับหลวงพ่อ อาก้อนอาทับทิมแกจงใจกีดกันผมกับทองกวาว"

"คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็หวังดีต่อลูกเสมอละวะไอ้คล้าว ถึงบางครั้งมิจฉาทิฐิมันจะเข้ามาบังให้ตาบอดไปบ้างก็เถอะ ทองกวาวมันก็เป็นลูกที่ดี ยังไงก็ต้องเชื่อฟังพ่อแม่"

"ไม่จริงหรอกครับหลวงพ่อ ผมเชื่อว่าทองกวาวก็กำลังทุกข์ใจอยู่เหมือนกัน"

"เอ็งรู้ได้ยังไง เอ็งได้ยินกับหู เห็นกับตาเอ็งแล้วรึไง"

"ยังครับหลวงพ่อ"

"แล้วถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เอ็งคิด เอ็งจะตัดใจจากทองกวาวมันได้ไหมล่ะไอ้คล้าว"

"ถ้าทองกวาวเต็มใจจะแต่งงานกับไอ้เจิดจริงๆ ผมก็จะพยายามทำใจให้ได้ครับ"

"จะทำอะไรก็ฟังให้แน่ เห็นให้ชัด อย่ามัวมาคิดเอาเอง ปัญญามันไม่เกิด ยังมัวมานั่งเซ่ออยู่อีก ยังไม่ไปอีก"

คล้าวเพิ่งเข้าใจที่หลวงพ่อพูด รีบก้มลงกราบลาแล้วลนลานออกไป จุดหมายคือบ้านทองกวาว...คล้าวแอบไปพบ ทองกวาวถึงในห้อง แต่เกือบจะโดนพ่อแม่ทองกวาวจับได้ ถ้าไม่ได้บุปผาช่วยเอาไว้สุดกำลัง ขณะที่ทองกวาวก็แกล้งป่วยไข้ไม่ยอมออกจากห้องเมื่อจอมกับเจิดจะมารับไปดูฤกษ์แต่งงาน

สุดท้ายก้อนและทับทิมก็ต้องไปกันเองกับสองพ่อลูก ส่วนคล้าวที่ยังซ่อนตัวอยู่ในห้องได้ให้สัญญากับทองกวาวว่า พี่จะรีบทำงานเก็บเงินเอามาขอทองกวาว ขอให้ทองกวาวอดทนรอพี่...

ooooooo

คณะของจอมมาถึงวัด ตี๋กำลังทำความสะอาดกุฏิให้หลวงพ่ออยู่พอดี จึงคอยสอดแนมเงี่ยหูฟังและขัดขึ้นบ้างเป็นระยะเพราะไม่อยากให้เจิดได้แต่งงานกับทองกวาว ซึ่งใช้เวลาไม่นานทั้งคณะก็พากันกลับไปด้วยความผิดหวัง โดยที่หลวงพ่อแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย

"ไม่มีฤกษ์...ก็แปลว่าไม่ได้แต่งงานน่ะสิพ่อ" เพชรเสียงดังอย่างขัดใจหลังฟังพ่อกับแม่กลับมาบอกเล่า

"หลวงพ่อท่านไม่ได้ว่ายังงั้นโว้ย เอ๊ะ ท่านว่ายังไงนะแม่ทับทิม"

"ท่านก็ไม่ได้พูดตรงๆหรอก ท่านเอาแต่ส่ายหน้า แต่พ่อกับแม่น่ะตีความกันได้ว่าท่านอยากบอกให้เราอดใจรออีกหน่อยก่อน"

ทองกวาวและบุปผาแอบบีบมือกันดีใจ ซ่อนอารมณ์ในหน้ามิดชิด แต่เพชรยังขัดใจบ่นไม่เลิก

"แหม...แล้วยังงี้เมื่อไหร่ฉันจะได้พี่เจิดมาเป็นพี่เขยซะทีล่ะ ฉันจะได้ยืดอกอวดคนอื่นได้"

"อดใจรออีกหน่อยโว้ย พ่อเองก็อยากอวดใครต่อใครจะแย่แล้วเหมือนกัน"

"แล้วนี่หายไข้แล้วเรอะทองกวาว"

"ค่อยยังชั่วเยอะแล้วจ้ะแม่"

"เออ...ไอ้โรคนี้มันก็แปลกนะ"

"ก็บุปผาบอกแล้วว่ากินยาแป๊บเดียวก็หาย"

"แต่ยังไงเอ็งก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้ เผื่อได้ฤกษ์มาปุ๊บจะได้แต่งปั๊บเลย"

"จ้ะพ่อ"

"แล้วก็เลิกฝันลมๆแล้งๆเหมือนในละครวิทยุว่าตอนจบนางเอกจะได้ครองรักกับพระเอกยาจก เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ นี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่ละครโว้ย มันไม่ได้รักแร็กอะไรเอ็งจริงหรอก ถ้ามันรักเอ็งจริงป่านนี้มันต้องโผล่หัวมาให้เอ็งเห็นหน้าแล้ว จริงไหมล่ะ"

"จ้ะพ่อ" ตอบแล้วทองกวาวหันไปยิ้มกับบุปผา ทับทิมเห็นพอดี ถามว่ายิ้มอะไรกัน

"เปล่าจ้ะป้า"

"เตรียมทำกับข้าวกับปลา เย็นนี้จะกินอะไรกันยังไม่รู้เลย"

ทับทิมลุกตามก้อนกับเพชรออกไป เหลือแต่ทองกวาวกับบุปผาที่ยิ้มแฉ่งกอดกันกลมด้วยความดีใจ คล้าวเองก็โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อตี๋แจ้นมาส่งข่าวถึงร้านลมโชยเกศาของแว่น

"หลวงพ่อท่านทำอยู่แค่สองอย่าง ถอนใจกับส่ายหน้า ที่เหลือโยมพูดเองเออเองกันหมด"

"ยังงี้ก็แปลว่าท่านไม่ต้องอาบัติน่ะสิวะ" แว่นยิ้มกระหยิ่ม ขณะที่น้อยแซวคล้าวว่าหน้าบานเชียวนะเอ็ง

"ข้าโล่งใจ อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาให้หายใจหายคอตั้งหลักบ้าง"

"คนงกเงินอย่างตาก้อนยายทับทิม ข้าว่าเอ็งหาเงินจนอ่วม ก็ไม่พอค่าสินสอดหรอกว่ะ"

"ข้าหวังว่าซักวันอาก้อนอาทับทิมแกคงคิดได้ว่าเงินทองมันไม่ได้สำคัญไปกว่าความรักหรอกว่ะ"

"เอ็งพูดกินใจข้าจริงๆว่ะคล้าว แล้วถ้าถึงวันนั้นความรักของข้ากับบุปผาก็จะได้พลอยสมหวังไปด้วย"

"เอ็งอย่าเพิ่งฝันหวาน เอาแค่ให้นังบุปผามันหายโกรธหายงอนเอ็งให้ได้ก่อนเหอะไอ้แว่น"

"จริงๆด้วยว่ะไอ้ตี๋...บุปผาจ๋า พี่แว่นรักบุปผาคนเดียว... เฮ้ย แต่วันนี้ไอ้คล้าวมันได้ข่าวดีทั้งที ทำไมเราไม่ฉลองกันหน่อยวะ" แว่นเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ตี๋กับไข่เออออด้วยทันที แต่หมู่น้อยรู้แกวจะรีบชิ่งเพราะไม่อยากถูกรีดไถเงิน แต่ยังไงก็หนีไม่รอดปลิงพวกนี้เหมือนเดิมอยู่ดี

ooooooo

เช้าวันนี้ทั้งก้อนและทับทิมต่างก็บ่นเบื่ออาหาร อากาศร้อนจนไม่อยากกินอะไร ทองกวาวนึกบางอย่างออกจึงนำเสนอว่าเย็นนี้กินแกงส้มดอกโสนปลาช่อนนาดีไหม ทับทิมบอกเข้าทีเหมือนกัน แค่นึกก็น้ำลายไหลแล้ว

เพชรให้ทอดปลาเค็มด้วย รับรองกินข้าวหมดหม้อแน่  แต่ก้อนท้วงว่าหน้านี้จะไปหาดอกโสนที่ไหน  อย่ามาพูดยั่วให้น้ำลายหก  เอาเข้าจริงๆไม่มีดอกโสน

จะเสียอารมณ์เปล่าๆ

"มีสิจ๊ะพ่อ ทองกวาวรู้ว่าจะไปหาดอกโสนได้ที่ไหน" ทองกวาวยิ้มมั่นใจ

ขณะเดียวกันที่กลางท้องนา คณะของคล้าวกำลังนั่งรอคอยลูกตาลสุกร่วงจากต้น รอไปคุยกันไปก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกของสายใจเรียกหาคล้าวดังแว่วมา ไข่กระเซ้าคล้าวว่าเนื้อหอมจริงๆ อยู่ตรงไหนสาวๆก็ได้กลิ่น...พูดขาดคำ สายใจก็โผล่เข้ามาพอดี

"พี่คล้าวมาทำอะไรแถวนี้จ๊ะ"

"พี่มาคอยเก็บลูกตาลเอาไปทำขนมจ้ะ"

"ข้าไม่ได้ถามเอ็งไอ้ตี๋" ตี๋โดนตอกหน้าจนซีดไป แต่แว่นกับไข่ยังหน้าเป“นแหย่เย้าสายใจกันสนุกปาก ทำให้สายใจโมโหด่ากราดไปหมด พลันเสียงหมู่น้อยร้องเรียกสายใจดังขึ้นมา สายใจถึงกับเบ้หน้าเบื่อหน่ายรำคาญ บ่นว่ามาตามตื๊ออยู่ได้

"พี่แว่นจะบอกอะไรให้นะสายใจ สายใจรำคาญไอ้ หมู่น้อยมันยังไง ไอ้คล้าวมันก็รำคาญสายใจยังงั้นแหละ"

"กรี๊ด...ไอ้แว่น...ไอ้บ้า...กรี๊ดๆๆๆ" สายใจโมโหกระทืบเท้าจนพื้นสะเทือนเลื่อนลั่น

"เฮ้ย หล่นแล้ว ลูกตาลหล่นแล้ว" ไข่ตะโกนด้วยท่าทีตื่นเต้น แต่สายใจกลัวหลับหูหลับตาจะโผเข้ากอดคล้าว น้อยวิ่งเข้ามาพอดี สายใจเลยกอดรัดน้อยเต็มรัก ส่วนคล้าวหิ้วลูกตาลเดินออกไปแล้ว

พอรู้ตัวว่ากอดน้อยอยู่ สายใจยิ่งกรี๊ดกระจาย คว้าก้อนหินก้อนดินเขวี้ยงใส่พวกแว่นจนวงแตกออกไป...

ที่บึงโสนซึ่งคล้าวเคยพาทองกวาวมาหลายครั้ง เวลานี้ทองกวาวกับบุปผากำลังเก็บดอกโสนกันสนุกมือ จู่ๆคล้าวเยี่ยมหน้าเข้ามาส่งซิกกับบุปผาให้ออกไป ก่อนที่ตัวเองจะค่อยๆย่องเข้ามาแทนที่ ทองกวาวพอเหลียวมาเห็นคล้าวก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนแย้มยิ้มอย่างดีใจ

"พี่ได้ยินข่าวเรื่องไอ้เจิดต้องระงับขบวนขันหมากแล้ว พี่ดีใจจนไม่รู้จะดีใจยังไงแล้วทองกวาว ทองกวาวอดทนรอพี่อีกหน่อยเถอะนะ ขบวนขันหมากของพี่ถึงจะไม่เอิกเกริกเท่าขันหมากเศรษฐี แต่มันก็คงไม่ทำให้ทองกวาวน้อยหน้าใคร... นี่จ้ะลูกตาล พี่เก็บมาฝากทองกวาวด้วย เสียดายถ้าได้อยู่ใกล้กันพี่จะโม่แป้ง ขูดมะพร้าวให้ทองกวาวด้วย"

"เสียดายที่พ่อกับแม่ไม่เคยมองเห็นความดีของพี่เลย"

"พี่ไม่เคยคิดน้อยใจหรอกทองกวาว ซักวันอาก้อน

อาทับทิมก็คงจะมองเห็นเอง"

คล้าวหยิบเงินแบงก์ปลีกไม่มากออกจากกระเป๋าเสื้อใส่มือทองกวาว

"อะไรกันจ๊ะพี่คล้าว"

"เงินที่ทองกวาวให้พี่ยืมมาน่ะแหละ  พี่ทยอยใช้คืนทองกวาว"

"เก็บเอาไว้เถอะจ้ะพี่คล้าว"

"ไม่ได้หรอก พี่จะเอาเปรียบทองกวาวได้ยังไง แค่

ทองกวาวช่วยเหลือพี่ พี่ก็รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยพอแล้ว ถ้ายิ่งไม่ยอมรับเงินคืนไป พี่จะเหลือศักดิ์ศรีอะไรไว้ภาคภูมิใจในตัวเองบ้าง"

ทองกวาวยิ้มปลื้มใจ คล้าวจูบมือทองกวาวอย่างแสนรัก... แต่สายใจคนที่คล้าวไม่เคยรัก ยามนี้เธอกำลังหน้าบึ้งตึงเดินหนีหมู่น้อยที่ตามต้อยๆ

"พี่คล้าว...พี่คล้าวหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เพราะเอ็งคนเดียวไอ้หมู่น้อย แล้วนี่งานการไม่มีทำรึไง มาเดินตามข้าอยู่ได้"

"ก็พี่น้อยอยากดูแลน้องสายใจ เผื่อน้องสายใจจะไหว้วานให้ทำอะไรนี่จ๊ะ"

สายใจฉุกคิดบางอย่าง บอกว่าตนจะทำขนมตาล แต่ยังไม่มีลูกตาล น้อยจึงชวนเธอมานั่งรอด้วยกัน แต่สายใจไม่รอให้มันหล่นเอง บังคับให้น้อยป•นไปเก็บมันลงมา น้อยแหงนหน้ามองยอดตาลแล้วสยอง กลัวตกลงมาคอหักตาย แต่พอเห็นสายใจสะบัดสะโบกขัดใจ น้อยก็เลยละล้าละลังแล้วเดินไปเขย่าต้นตาลเผื่อจะฟลุก ส่วนแว่นที่แยกตัวไปกับตี๋และไข่ แว่นบังเอิญไปเจอบุปผา จึงเข้ามากะลิ้มกะเหลี่ยง้องอนขอปรับความเข้าใจ บุปผารักแว่นอยู่แล้ว เดี๋ยวเดียวก็ใจอ่อน ยอมให้แว่นกอดและหอมไปหลายที ก่อนจะตกใจผละออกมาเมื่อรู้เห็นว่าไข่กับตี๋แอบดูอยู่

ooooooo

จะบ่ายอยู่แล้วแต่ยังไม่เห็นเชนกลับมากินข้าวกลางวัน ดวงใจจึงหิ้วปิ่นโตอาหารออกไปกลางทุ่งนา ร้องเรียกเชนให้พักกินข้าวก่อน เชนหันมายิ้มเรี่ยราดและขอโทษที่ตนถอนหญ้าเพลินไปหน่อย

"กินข้าวผิดเวลา เดี๋ยวก็ท้องไส้พังกันพอดี"

"ผมอยากทำงานให้เสร็จๆน่ะครับ กลัวคุณดวงใจจะตำหนิเอาได้ว่าทำงานไม่คุ้มเงินเดือนที่จ้าง"

"จะทำอะไรก็ควรจะรู้จักพอดีๆ หักโหมเกินไปมันจะได้ไม่คุ้มเสีย ฉันไม่ใช่คนหน้าเลือดขนาดไม่ยอมดูยอมฟังเหตุผลอะไรหรอกนะ กินข้าวซะ"

"ขอบคุณครับคุณดวงใจ" เชนยกมือไหว้จนดวงใจรับไหว้แทบไม่ทัน

"เมื่อไหร่จะเลิกไหว้ซะที ฉันขี้เกียจรับไหว้นายแล้วนะ"

"ขอให้ผมได้ทำอย่างที่ควรจะทำเถอะครับ คุณดวงใจจะไม่รับก็ไม่เป็นไร"

ดวงใจแอบยิ้มพอใจ เชนหันไปเช็ดหน้าเช็ดมือแล้วเปิดปิ่นโตกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยมูมมาม พอเงยหน้าเห็นดวงใจยืนมองอยู่ เชนรู้สึกเขินอาย

"ตามสบายเถอะ อย่าลืมหิ้วป”่นโตกลับไปด้วยละกัน"

"อ้อ...คุณดวงใจครับ คลองส่งน้ำไม่ปล่อยน้ำมาทางนี้เลยเหรอครับ"

"นาเราน่ะคลองส่งน้ำมาไม่ถึงหรอก ต้องรอน้ำฝนอย่างเดียว"

"ถ้ายังงั้นก็แย่หน่อยนะครับ ฝนทิ้งช่วงมาเป“นเดือนอย่างนี้ ถ้าอีกสองสามวันไม่ตกลงมาให้ซักห่าสองห่า ผมว่าข้าวในนาเราจะแย่เอานะครับ"

ดวงใจหน้าตาเป“นกังวล เช่นเดียวกับคล้าวและแม่คอนที่กลัวนาแล้ง แล้วยังจะชาวบ้านคนอื่นๆอีก ทุกคนคงเดือดร้อนแน่ ถ้าฝนทิ้งช่วง

แต่เศรษฐีขี้เหนียวอย่างก้อนกลับไม่เดือดร้อนใดๆ บอกช่างหัวพวกชาวบ้านมัน ยังไงค่าเช่านาเราก็เก็บรายปีอยู่แล้ว

"แล้วถ้าได้ข้าวน้อยหรือไม่ได้เลย ใจคอพ่อจะเก็บค่าเช่าเขาลงเหรอจ๊ะ"

"ช่วยไม่ได้โว้ย อยากมาเช่าเราเองทำไม"

"นี่ไปหัดสงสารคนอื่นมันมากนัก มันไม่ดีหรอกนะลูกทองกวาว"

"อ้าว...เราไม่สงสารคนอื่นไม่เห็นใจคนอื่นก่อน แล้วคนอื่นเขาจะมาสงสารเราเห็นใจเราเหรอจ๊ะป้า" บุปผาเอ่ยขึ้นมา

"นั่นสิ   อยู่รวมกันยังไงก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ดีนะจ๊ะแม่"

"นักธุรกิจน่ะเว้ย ขืนใจดีใจบุญล่ะไม่มีรวยหรอก แล้วจะเรียกตัวเองว่าธุรกิจทำไมวะ"

"เราก็อยู่อย่างคนรวยของเรา ไม่ได้ไปพึ่งพาอาศัยใครซะหน่อยนะลูก"

ก้อนกับทับทิมเข้ากันเป็นปีเป็นขลุ่ย แต่ทองกวาวกับบุปผามองหน้ากันไม่เห็นด้วย เพชรก็พลอยเป็นไปกับ

พ่อแม่ บอกว่าพี่ทองกวาวกับพี่บุปผาชอบคบคนจน ทองกวาวหมั่นไส้เถียงทันทีว่าจนเงินแต่ไม่แล้งน้ำใจก็แล้วกัน

"น้ำใจมันกินเข้าไปได้ที่ไหนล่ะ ไอ้พวกคนจนที่มันอยากมาคบเรามันก็หวังแค่จะมาเกาะเรา เอาเปรียบเราเท่านั้นเอง"

"พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ เหนียวตัวโว้ย ไปอาบน้ำให้สบายใจดีกว่า ไอ้หมึก เอ็งตักน้ำใส่โอ่ง แกว่งสารส้มไว้ดีหรือเปล่าวะ เมื่อวานขุ่นคลั่กเชียว"

"ก็น้ำมันขอดบ่อแล้วนี่จ๊ะลุง"

"งั้นก็อาบน้ำฝนในโอ่งน้ำกินสิจ๊ะพี่"

"น้ำฝนในโอ่งก็ใกล้หมดแล้วจ้ะป้า" หมึกรายงาน

"อะไรวะ น้ำฝนก็จะหมด แล้วจะเอาน้ำที่ไหนกินล่ะโว้ย"

"พ่อเห็นรึยังล่ะจ๊ะ ฝนแล้งไม่ได้เดือดร้อนแต่กับคนอื่นหรอก เศรษฐีอย่างพ่อยังไงก็ต้องเจอหางเลขอยู่ดี"

ฟังคำลูกสาวแล้ว ก้อนฮึดฮัดขัดใจ ครั้นเวลาต่อมาเมื่อคล้าวกับพวกชาวบ้านทำพิธีแห่นางแมวขอฝนผ่านมาทางหน้าบ้าน ก้อนยิ่งไม่ชอบใจ สั่งห้ามทองกวาวและบุปผาลงไปร่วมขบวน แต่สองสาวก็ดื้อดึงออกไปจนได้

ทุกคนร้องรำกันสนุกสนาน เชนกับดวงใจก็ร่วมขบวนมากับเขาด้วย สายใจพยายามเบียดแทรกเข้ามากั้นกลางระหว่างคล้าวกับทองกวาว แต่ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี เพราะคล้าวมีพรรคพวกเพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือ

ขบวนแห่เคลื่อนมาถึงกลางหมู่บ้าน ปรากฏว่าเมฆฝนตั้งเค้ามาในบัดดล ทุกคนกระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่ ยืนร้องรำทำเพลงท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

"เทวดาบนฟ้าท่านคงสงสารชาวนาอย่างพวกเรานะจ๊ะแม่ ท่านถึงได้เมตตาให้น้ำเรามาอย่างนี้"

"ท่านคงรู้แหละลูก ว่าข้าวแต่ละเม็ดมันคือชีวิตของพวกเรา"

"สาธุ ลูกขอให้ข้าวปีนี้งามๆ ได้ราคาดีๆ ลูกจะได้พอลืมตาอ้าปากกะเขาบ้าง"

คล้าวกับคอนพนมมือไหว้ฟ้าดินอย่างอิ่มเอมใจ

ooooooo

สายวันใหม่ ลูกเด็กเล็กแดงตื่นตะลึงวิ่งตามกันมาเป็นพรวน พวกผู้ใหญ่ก็ไม่น้อยหน้าออกมาจับกลุ่มกันสลอนมองดูขบวนของเจิดกับจอมที่นำควายเหล็กมาโชว์อย่างอลังการ

พอแว่นวิ่งหน้าตาตื่นไปบอกคล้าวกับคอนที่บ้าน คอนสีหน้าสงสัยหนัก ถามแว่นว่าควายเหล็กมันคืออะไร?

"ควายเหล็กมันก็ควายนี่แหละ แต่มันไม่กินหญ้า มันกินน้ำมัน อาจอมแกว่ามันทำได้สารพัดเลยนะ ไถแปร ไถดะ พรวนดิน เย็นๆเลิกนาแล้วยังขับนั่งกินลมชมวิวแทนเก๋งอวดใครในหมู่บ้านได้อีกด้วย"

"ไอ้แว่น...เอ็งนี่มันกระต่ายตื่นตูมแท้ๆเลยว่ะ"

"เอ็งไม่รู้อะไรซะแล้วไอ้คล้าว อาจอมแกยังบอกว่า อีกหน่อยไอ้ควายที่ใช้ๆกันอยู่เนี่ยมันก็จะหมดประโยชน์ เอาไปทำเนื้อเค็มได้อย่างเดียว มันสู้ควายเหล็กของแกไม่ได้หรอก"

"มันจะเป็นไปได้ยังไง ควายเหล็กไม่มีหัวจิตหัวใจ มันจะมาสู้ไอ้ฉ่ำอีแฉะได้ยังไง เอ็งลองคิดดูสิวะแว่น"

แว่นเงียบไป...แต่พวกจอมที่กลางหมู่บ้านกำลังคึกคักกันเต็มที่ สมุนเช็ดถูควายเหล็กอย่างทะนุถนอม ขณะที่จอมก็โฆษณาชวนเชื่ออย่างเมามัน

"ไอ้ควายตัวนี้มันจะทำนาไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย

มันจะทำให้พวกเรารวย...รวย...แล้วก็รวย ข้าน่ะอุตส่าห์ดั้นด้น

ไปหาไอ้ควายเหล็กตัวนี้มาให้พวกเรา บ้านอื่นน่ะเขามีใช้กันหมดแล้ว มีแต่บ้านเรานี่แหละยังล้าหลังงมโข่งใช้ควายโง่ๆกันอยู่เลย"

"เอ...ทันสมัยน่าใช้ยังงี้ มันตัวละกี่บาทกันล่ะพ่อจอม" ไข่ข้องใจใคร่รู้ พอได้ยินคำตอบจากจอมว่าตัวละห้าหมื่น ชาวบ้านทุกคนตกใจ ส่ายหน้าไปตามกัน และเตรียมจะสลายตัว เจิดไม่พอใจชักปืนยิงขึ้นฟ้าทันที
"ฟังก่อนโว้ย พ่อข้ายังพูดไม่จบ"

"ห้าหมื่นน่ะราคาล้อเล่น ถ้าสนใจจะซื้อกันจริงๆก็เอาไปเลย สี่หมื่นเก้า ที่อื่นเขาขายกันหกหมื่นนะโว้ย นี่ข้าเห็นว่าเราคนบ้านเดียวกัน เลยไม่อยากจะขูดเลือดขูดเนื้อ แถมยังมีรายการพิเศษสุดให้อีกด้วย ผ่อนได้ระยะยาวยี่สิบปี ดอกเบี้ยก็ถูกแสนถูก ผ่อนหมดเมื่อไหร่ ก็โอนกรรมสิทธิ์กันไปเลย"

"ผ่อนยังไม่ทันหมด ไม่หัวโตก็ตายไปเกิดใหม่สามชาติแล้วละมั้งพ่อจอม"

จอมเขม่นตี๋ที่ปากดีทำให้ชาวบ้านเขว เจิดจึงรีบอวดอ้างว่าของนอกมันก็ต้องแพงเป็นธรรมดา

"นาไทยแต่ใช้ควายนอกมาไถ แล้วมันจะคุยกันรู้เรื่องไหมหว่า"

"เอ็งก็ต้องมาลองคุยกับมันดู ใครจองวันนี้พิเศษสุด ข้าจะแถมน้ำมันให้คนละหนึ่งลิตรโว้ย ใครฉลาดอยากจะเป็นเกษตรกรแผนใหม่ก็รีบมาซื้อซะ ใครอยากโง่เป็นชาวนาโบราณเต่าล้านปีก็ใช้ควายจริงของพวกเอ็งไป"

ชาวบ้านต่างคิดหนัก วิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ ตี๋กับไข่รีบชิ่งออกไปบ้านคล้าว เล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างละเอียด คล้าวจึงว่าซื้อเงินผ่อน อย่างนี้ก็เข้าทางสองพ่อลูกหน้าเลือด

"แต่แกให้ผ่อนถึงยี่สิบป•เชียวนะโว้ยคล้าว"

"ยี่สิบป•...ก็พอดีน่ะแหละ ผ่อนไปจนตายเป“นหนี้เขามันไม่สนุกหรอกนะโว้ยไอ้ไข่ ทำงานสายตัวแทบขาด หาได้มาเท่าไร ก็ต้องเอามาใช้หนี้เขาหมด ข้าว่ามันไม่เข้าท่าหรอกว่ะ...ไป พวกเอ็งไปกะข้า"

"คล้าวเอ๊ย แม่ว่าเอ็งอย่าไปยุ่งกะเขาเลย"

"ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกจ้ะแม่ คนหนองทรายขาวก็เหมือนญาติพี่น้องของหนูทั้งนั้น ในเมื่อหนูรู้ว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างอาจอมจะมาไม้ไหนแล้วหนูยังทำเฉยอยู่ มันก็เท่ากับหนูสนับสนุนให้อาจอมเอาเปรียบญาติพี่น้องของหนูน่ะแหละ"

คล้าวออกเดินโดยมีสามเพื่อนรักตามเป็นพรวน

ooooooo

ที่ลานกว้างกลางหมู่บ้าน ก้อนกำลังน้ำลายแตกฟองชื่นชมควายเหล็กของจอม

"แหม เกษตรกรแผนใหม่อย่างพี่จอมนี่น่านับถือจริงๆ ได้ของดีมาก็เผื่อแผ่คนอื่นไม่เคยเก็บเม้มเอาไว้คนเดียว ใจคอกว้างขวางยังกะแม่น้ำแท้ๆ"

"พ่อ...ซื้อควายเหล็กให้ฉันขี่เล่นตัวนึงนะพ่อ"

"เออ เอ็งใจเย็นๆสิวะไอ้เพชร พ่อกำลังจะเจรจากับลุงจอมเขาอยู่"

"น้องก้อน...ถ้าน้องก้อนประเดิมคันแรกให้พี่ พี่จะแถมรายการพิเศษให้น้องก้อนเลย ปกติผ่อนยี่สิบปี สำหรับน้องก้อนเอาไปเลยยี่สิบห้าปี"

"โอ้โฮ ให้เกียรติฉันขนาดนี้เชียวเรอะพี่จอม"

"คนรักกันชอบกัน...เฮ้ย เอาหนังสือสัญญามา พ่อก้อนเขาจะประเดิมเราแล้วโว้ย"

เจิดส่งสัญญามาให้ ก้อนตั้งท่าจะเซ็นอยู่แล้ว แต่ต้องชะงักกับเสียงคล้าวที่ดังเข้ามา

"เดี๋ยวก่อนอาก้อน"

ทุกคนหันมองกลุ่มของคล้าวเป็นตาเดียว ก้อนชักสีหน้าเหม็นเบื่อ กระชากเสียงถามคล้าวว่า "เอ็งมายุ่งอะไรกะข้า"

"อาก้อนก็มีควายเป“นฝูงอยู่แล้ว อาก้อนจะซื้อไอ้ควายเหล็กนี่ไปทำไม"

"ข้าจะซื้ออะไรมันก็เรื่องของข้าโว้ย เกษตรกรแผนใหม่อย่างข้าไม่ดักดานใช้ควายจริงไถนาอย่างเอ็งหรอก มันไม่อารยะโว้ย"

"อาก้อนกลั่นน้ำมันใช้เองได้ด้วยรึไง อาก้อนก็ต้องเสียเงินซื้อน้ำมันเขาอยู่ดี"

"มันเรื่องของข้า ข้ามีเงินโว้ย"

"เอ็งมาขัดแข้งขัดขาข้า เอ็งต้องการอะไรวะไอ้คล้าว"

"อาจอมก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าควายเหล็กของอาจอมยังไง มันก็สู้ควายจริงๆไม่ได้หรอก แล้วอาจอมจะมาหลอกลวงชาวบ้านเขาทำไม"

"ไอ้คล้าว...ปากเอ็งวอนหาเรื่องซะแล้ว"

"เอ็งหุบปากไปเลยไอ้เจิด ข้ากำลังคุยกับพ่อเอ็ง หัดมีมารยาทหน่อยสิโว้ย"

"เอ็งกำลังกล่าวหาข้านะโว้ยไอ้คล้าว" จอมตั้งท่าจะเอาเรื่อง

"ถ้าอาจอมร้อนตัว อาจอมก็เปิดโอกาสให้ชาวบ้านเขาตัดสินใจเอาเองสิ แข่งกันก็ได้ ควายเหล็กของอาจอมกับไอ้ฉ่ำของฉัน ดูซิว่าควายอย่างไหนมันจะแน่กว่ากัน"

"ดูเอ็งจะแน่ใจเหลือเกินนะไอ้คล้าว"

"ถ้าไม่แน่ใจฉันก็คงไม่ท้าอาจอมหรอก"

"แล้วถ้าควายเอ็งชนะ เอ็งจะเอาอะไร"

"ไม่เอาอะไรเลย แค่คนทั้งหนองทรายขาวได้ภูมิใจในศักดิ์ศรีควายไทย ฉันก็พอใจแล้ว"

"ดี...ใจนักเลงอย่างเอ็งนี่ข้าชอบว่ะ แล้วถ้าเอ็งเกิดแพ้ขึ้นมาล่ะไอ้คล้าว"

"ก็ถ้ามันแพ้ ก็ให้มันมาทำนาให้ฉันฟรีๆสิพี่จอม" ก้อนโพล่งขึ้นมา แล้วพริบตาเดียวก็หูตาเหลือกอย่างนึกไม่ถึง เมื่อได้ยินคล้าวตอบตกลง ขณะที่คนอื่นๆก็ผงะกันไปหมด แทบไม่เชื่อหูตัวเอง

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น