หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

เงากามเทพ ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

แม้จะตกใจและหวาดกลัวจนขนคอตั้ง แต่วิสัยของนักธุรกิจที่ฉ้อฉลทำให้กมลทัตตั้งหลักปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นขมีขมันร้องเชิญพวกตำรวจให้นั่งก่อน และบอกว่าเขาชอบให้ความร่วมมือกับทางการอยู่แล้ว เอาเลย มีอะไรก็ว่ามา ตำรวจนั่งกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายตำรวจที่นำมาก็บอกว่า

"ตำรวจที่ชุมพรมีหมายจับคุณภาสกร ข้อหาพยายามฆ่า บุกรุก และทำร้ายร่างกาย"

"หา ภาสกรเนี่ยนะ เขาจะทำยังงั้นได้ยังไง เขาเป็นทนายนะ ไม่ใช่โจร" กมลทัตทำเป็นสงสัย

"คุณภาสกรเป็นทนายของคุณ ส่วนคุณก็มีปัญหากับคุณโรม ผมก็เลยสงสัย...สงสัยว่าคุณกมลทัตอาจจะรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับคดีนี้บ้างไหม เพราะมันแปลกมาก ลูกน้องคุณภาสกรตายตั้งสามศพ ชื่อนายชาญศพนึงด้วย..." เสียงพูดของตำรวจดังไปถึงด้านนอกห้อง กุลชาติกำลังจะเดินผ่านได้ยินชื่อชาญหยุดชะงัก ตาโตด้วยความตกใจ และแอบหลบฟังอยู่แถวนั้น เสียงกมลทัตพ่อของตัวเองพูดเสียงดังอย่างโมโห

"อ้าว...เฮ้ย อย่างนี้ก็กล่าวหาว่าผมกับไอ้ภาสกรรู้กันน่ะสิ จะบ้าหรือยังไง ผมเป็นนักธุรกิจนะ ไม่ใช่นักเลง ไอ้คนชื่อชงชื่อชาญอะไรนั่นผมก็ไม่รู้จัก..."

ตำรวจเห็นกมลทัตทำเสียงแข็งเลยเปลี่ยนประเด็น "คุณกมลทัตทราบไหมครับ ว่าตอนนี้คุณภาสกรอยู่ที่ไหน"

"ไม่รู้ ติดต่อมันไม่ได้เหมือนกัน ถ้าทางการรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนก็ช่วยบอกผมด้วยก็แล้วกัน" กมลทัตรีบปัดสวะให้พ้นตัว ตำรวจเห็นท่าจะไม่ได้อะไรจากกมลทัตจึงพากันลุกขึ้น หัวหน้าตำรวจบอกว่า

"ผมว่าคุณกมลทัตหาทนายคนใหม่ได้แล้วนะครับ ถ้ามีอะไรผมจะได้มาคุยด้วย โดยที่มีทนายความของคุณอยู่ด้วย ลาละครับ" ไหว้กมลทัตแล้วพากันออกไป กมลทัตขว้างหนังสือพิมพ์ตามหลังตำรวจกระจุยกระจาย กุลชาติเดินเข้ามานั่งลงข้างๆถามว่า

"ป๋าส่งอาภาสกรกับลูกน้องไปลุยไอ้โรมจริงๆเหรอ แล้วไอ้ชาญมันตายจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไอ้ชาญมันเคยบอกกับชาติด้วยนะว่าเทียนไม่ใช่น้องสาวของมันจริงๆหรอก พ่อแม่มันเก็บเทียนมาเลี้ยง เออเนาะ...แล้วเทียนจะเป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย"

แทนที่จะเป็นห่วงว่าพ่อถูกตำรวจมาคุยด้วย ทำไมกุลชาติกลับไปเป็นห่วงเทียน กมลทัตยัวะสุดขีดกวาดชุดกาแฟบนโต๊ะหล่นแตกกระจาย โดดเข้าบีบคอกุลชาติพลางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

"ฉันไม่ได้สั่งมัน ไม่ได้สั่ง..." พูดได้เท่านั้นก็ตาค้าง มือกุมอกทรุดลงกับพื้น กุลชาติเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก พิศเพลินเดินผ่านมารีบเข้าไปประคองเขย่าตัวกมลทัตแต่เขาไม่ได้สติเลยต้องส่งโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน หมอรับไว้ปฐมพยาบาลจนฟื้น หมอออกจากห้องไป กมลทัตลืมตาเที่ยวมองดูรอบๆตัว พิศเพลินบอกว่า

"คุณล้มหมดสติที่บ้าน ฉันเลยพามาโรงพยาบาล หมอบอกว่าโรคเก่าของคุณกำเริบ ทั้งเบาหวาน ความดัน ต่อไปนี้ต้องระวังเรื่องอาหาร กินยาตามกำหนดเวลา แล้วก็ห้ามเครียด คุณหมอแนะว่าให้คุณเพลาๆงานที่บริษัทด้วยค่ะ"

"วะ...ไอ้หมอบ้า ห้ามคนทำงานได้ยังไงวะ" กมลทัตโวยวาย

"ฉันจะไปจัดการให้ทางบริษัทหาคนทำงานแทนคุณสักระยะ ตอนนี้ควรจะพักผ่อนตามที่หมอสั่ง"

กมลทัตโบกมือห้าม "อย่านะ ห้ามไปพูดเรื่องฉันต้องเข้าโรงพยาบาลให้พวกมันรู้ โครงการใหม่ๆกำลังจะเปิดตัว เดี๋ยวพวกมันจะรน แตกตื่นกันไปเปล่าๆ"

พิศเพลินไม่ออกความเห็นอะไรอีก หยิบยาในถาดยื่นให้กมลทัตกินพลางบอกว่า "คุณหมอบอกต้องกินยาตรงเวลาค่ะ"

ooooooo

โรมกับเทียนที่กางเต็นท์อยู่ที่ชายหาดอย่างเต็มสุขกับครึ่งทุกข์ เทียนสุขมากกว่าโรม คอยทำอาหารซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบะหมี่สำเร็จรูปนั่นเอง วันนี้กินต้มบะหมี่ ใส่หมูหย็อง พรุ่งนี้กินหมูหย็องใส่บะหมี่สลับกันไปทุกวัน เทียนทำเสร็จก็รายงานเสียงแจ๋ว ชวนโรมกิน โรมก็ต้องกล้ำกลืนกินทำท่าเอร็ดอร่อยเพื่อไม่ให้คนทำเสียใจแถมคนทำยังคุยซะอีกว่า

"บอกแล้วว่าเราอยู่กันได้" หยิบของที่เหลือในเป้ออกมาเทกองรวมกันดูว่าอะไรจะหมดบ้าง ปากก็บอกว่า "ของกินกับน้ำหมดเมื่อไหร่เราก็ค่อยขับรถออกไปซื้อกัน"

โรมเห็นที่เทียนเทออกมามีไฟฉายด้วยเลยนึกได้ หยิบไฟฉายแล้วบอกเทียนว่า "เทียนกินไปพลางก่อนนะฉันจะลองไปหาโทรศัพท์แถวๆที่เราหาฟืนกัน อาจจะเจอก็ได้ เผื่อมีเรื่องอะไรฉุกเฉินจะได้ติดต่อคนได้" โรมเดินออกไปจากเต็นท์ เทียนมองตามแล้วหยิบกะลาใส่บะหมี่ขึ้นมาจะกิน คนคนหนึ่งเดินเข้ามาในเต็นท์ เทียนเงยหน้าขึ้นดูแล้วตกใจเพราะท่าทางของคนคนนั้นน่ากลัวสุดๆ มือถือปืนลูกซองยาวแถมยังสะพายมีดดาบเล่มยาวเข้ามาด้วย เทียนอ้าปากทำท่าจะร้อง แต่คนที่เข้ามาทำมือขู่ให้เงียบ เทียนเลยต้องทำตาม

ส่วนโรมไปด้อมๆส่องไฟฉายหาโทรศัพท์ ส่องไปส่องมาเจอเท้าคนยืนขวางหน้าอยู่ เลยส่องไฟฉายดูหน้าเจอหน้าตาดุดันมากๆ โรมชักปืนที่เหน็บหลังออกมาแต่ยังไม่ทันจับให้มั่นก็โดนตีด้วยพานท้ายปืนของฝ่ายตรงข้ามจนทรุดลงไปกองกับพื้นทราย ฟื้นอีกทีก็พบว่าตัวเองมานอนอยู่บนแคร่ในกระท่อมหลังหนึ่ง เห็นเทียนนั่งอยู่ข้างๆ เทียนรีบถามว่าเป็นยังไงบ้าง โรมยกมือกุมหัวตรงที่ถูกตีเหลียวดูไปรอบกระท่อม เทียนบอกเขาว่า

"มีคนจับเรามาเมื่อคืน นายหัวถูกตีหัวจนสลบ"

"ต้องเป็นพวกไอ้กมลทัตแน่ๆมันตามล่าเรามาถึงนี่ ไอ้เลวเอ๊ย" โรมเครียดขึ้นมาทันที รีบล้วงมือหาปืนที่ขอบกางเกง แต่ไม่มีแล้ว สองคนชวนกันย่องไปแอบดูที่หน้าต่าง แปลกใจที่มันไม่เหมือนที่คุมขัง จึงย่องตามกันไปที่ประตู เทียนกระซิบว่า "ระวังนะคะนายหัว มีคนเดินเฝ้าเราทั้งคืนเลย"

โรมพยักหน้ารับรู้ ยกขาขึ้นตั้งใจจะถีบประตูออกไป ปรากฏว่ามีคนเปิดเข้ามาพอดี คนหนึ่งชื่อฉิวเป็นคนที่ไปจับตัวเทียนเมื่อคืนนี้ พอเข้ามาปุ๊บชาวบ้านสองคนที่ตามมาด้วยก็ล็อกแขนโรมคนละข้างทันทีแถมชักมีดปลายแหลมจี้เอวเขาด้วย

"แกเป็นพวกไอ้กมลทัตใช่มั้ย" โรมตะคอกถาม

"ทัดเทิ้ดอะไรไม่รู้จักโว้ย ไป เอาตัวมันไป" ตัวหัวหน้าสั่งลูกน้อง แล้วพากันลากโรมไปโดยเทียนตามมาด้วย ไปถึงกลางดงมะพร้าวก็บอกให้หยุด คนชื่อฉิวร้องบอกกลุ่มคนที่นั่งรออยู่โดยชายหน้าดุอีกคนหนึ่งนั่งอยู่บนแคร่สูงกว่าคนอื่น "มาแล้วพี่เสริม"

เสริมมองดูโรมกับเทียน แล้วถามออกมาว่า "แกสองคนเป็นสายของไอ้พวกนายทุนจอมโหดใจยักษ์ใช่มั้ย ตอบตามตรง"

โรมย้อนถามว่าพวกแกเป็นใคร กลับโดนฉิวตะคอกว่า "อย่ามาย้อนนะโว้ย ถามก็ตอบดีๆ"

เทียนกระซิบกับโรมว่าคงไม่ใช่พวกกมลทัตหรอก โรมจึงพูดด้วยดีๆว่า "ผมไม่ใช่สายอะไรของใคร ผมสองคนแค่มาเที่ยว เห็นแถวนี้ทิวทัศน์สวยดีก็เลยกางเต็นท์พักแรมกันแค่นั้นเอง"

พันซึ่งเป็นเมียของเสริมพูดออกมาว่า นายโกหก ที่นี่ไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้น เสริมผู้สามีถามว่าแกทำงานอะไร โรมรีบบอกว่า "ผมเป็นเจ้าของสวนปาล์มและก็โรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซล..."

ปาหนันหัวเสียกลับไปหาพ่อ พ่อเลยดุให้ว่า "ดีแล้วที่นังชื่นมันห้ามแกเอาไว้ได้ ถ้าแกไปยิงมันเข้า เราก็ไม่ต่างไปจากไอ้พวกนายทุนใจร้ายนั่นหรอก"

"ก็มันสารเลวนี่พ่อ เด็กผู้หญิงขนาดนั้นมันยังล่อลวงเอามาทำเมียได้ลงคอ" ปาหนันฮึดฮัด พอพันผู้เป็นแม่บอกว่า เคยเห็นมันกอดจูบกัน มันอาจจะรักกันจริงก็ได้ ปาหนันยิ่งโกรธ

"โธ่แม่ ดูก็รู้ผู้หญิงนั่นซื่อจะตาย ไอ้ตัวผู้ชายอึกๆอักๆไม่รับไม่สู้ ต้องให้ผู้หญิงออกมารับหน้าแทนตลอด ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ หาดีๆได้ยาก ทุเรศทั้งนั้น"

เสริมผู้เป็นพ่อฟังแล้วสะดุ้ง แต่ชื่นกลับพูดว่า "แหม... มันก็ไม่เสมอไปหรอก หน้าตานายคนนั้นก็ดูดี คมเข้ม ไม่น่า จะเป็นคนร้าย"

"เปรี้ยง" ปาหนันตบพื้นบ้านทำเอาชื่นสะดุ้ง "ไอ้พวกหน้าตาดีนี่แหละตัวร้าย อย่าไปหลงลมมันเชียว" พูดจบก็ยิ่งโมโห ลงจากกระท่อมไปอีก ไปถึงกระท่อมโรมได้ยินเสียงเทียนร้องดังๆว่า "อย่าค่ะนายหัว นายหัว" เท่านั้นปาหนันก็ถีบประตูโครมเข้าไปเห็นโรมกำลังกดเทียนลงบนแคร่เพราะสองคนกำลังหยอกล้อกัน ปาหนันร้องออกมาว่า "ฉันว่าแล้ว ไอ้เลวเอ๊ย" โดดเข้าล็อกคอโรมลากออกมานอกกระท่อม ทั้งเตะทั้งต่อย โรมได้แต่ปัดป้อง ฉิวยังเอาพานท้ายปืนกระแทกเข้าที่ท้องโรมอีกจนเขาทรุดลงไปกับพื้น เทียนวิ่งเข้ามาประคองโรมแต่ปาหนันลากมือเอาไว้

"ไม่ต้องสนใจมัน เธอไปอยู่กับฉันที่บ้านพ่อ"

"ไม่ค่ะ เทียนจะอยู่กับนายหัว"

"นี่เธอจะอยู่ให้ไอ้นี่มันซ้อมเหรอ   ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอนะนี่"

"นายหัวไม่ได้ซ้อมเทียนหรอกค่ะ เรา...เอ้อ...ผัวเมียหยอกกันเล่นกันก่อนนอนน่ะ" เทียนแกะมือปาหนันออกจากตัวเองแล้วเดินเข้าไปประคองโรม พวกปาหนันงง

ooooooo

วันนี้พิศเพลินไปรับกมลทัตกลับจากโรงพยาบาล พอรถแล่นผ่านสนามหญ้ามาจอดหน้าบ้าน พิศเพลินกับกมลทัตก็เห็นกุลชาติแต่งตัวหล่อ หิ้วกระเป๋าเดินทางควงกุญแจรถออกจากตึก กมลทัตมองอย่างเขม่นคิดว่าลูกชายจะหนีไปเที่ยวที่ไหนอีกแล้ว ส่วนพิศเพลินวางหน้าเฉยเพราะเห็นบ่อยจนชินที่ลูกไปไหนโดยไม่ บอกกล่าว กุลชาติพอเห็นรถพ่อก็ชะงัก แต่ก็ร้องทักว่า

"อ้าวป๋า...หายแล้วเหรอครับ"

กมลทัตก้าวลงจากรถได้ก็พูดกระแทกลูกชายทันที "เออสิ...ถามอย่างนี้ดีใจหรือเสียใจกันแน่วะ แล้วนั่นแกจะไปไหน"

"ไปเอ้อ...ไปหาที่พักสมองสักหน่อย" กุลชาติอึกอัก

"ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แกต้องไปกับฉัน ไปแสดงให้

ทุกคนเห็นว่าแกไม่ใช่ไอ้ลูกหมาที่ไม่เอาไหน ไปให้คนที่บริษัทรับรู้บ้างว่าฉันมีลูกชายอยู่คนนึง"

"ไปทำไมให้เกะกะคนอื่นเปล่าๆ พ่อก็รู้อยู่ว่าผมไม่รู้เรื่อง การบริหารบริษัทพ่อสักนิดเดียว ไปใช้คนอื่นเขาเถอะ" กุลชาติทำท่าจะขึ้นรถตัวเอง แต่เสียงพูดอย่างดุดันของกมลทัตทำให้เขาชะงัก

"ต้องไปกับฉัน แล้วฉันจะโอนเงินใส่บัญชีให้แกสิบล้านบาทวันนี้เลย" กมลทัตเดินขึ้นตึกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กุลชาติรีบเดินเข้าไปหาแม่ มธุรสวาจาออกจากปากทันที

"แม่...หมอช็อตไฟแรงไป หรือว่าป๋าเขากินยาผิดครับแม่?"

พิศเพลินบอกลูกว่า "พ่อเขาไม่สบายจริงๆ อยากให้ลูกสืบทอดกิจการของเรา ไปช่วยเขาหน่อยเถอะลูก" และเพราะคำพูดของแม่ทำให้กุลชาติต้องไปบริษัทกับพ่ออย่างฝืนใจ กมลทัตเรียกประชุมบรรดาผู้บริหารของบริษัทด่วน พอทุกคนมาพร้อมแล้วกมลทัตก็เปิดการประชุมโดยแนะนำตัวลูกชาย เสร็จแล้วกุลชาติก็พูดคล้ายๆ ฝากตัวกับทุกคนว่า

"ในฐานะทายาทคนเดียวของท่านประธาน ผมขอยืนยันถึงความตั้งใจที่จะเข้ามาสืบทอดเจตนารมณ์สู่ความสำเร็จของทีเอส กรุ๊ป รุ่นที่สองครับผม" พูดจบก็ตบมือเปาะแปะให้ตัวเองแทนที่จะเป็นคนอื่นๆ ซึ่งนั่งเงียบกันหมด กมลทัตรู้สึกอึดอัดที่เห็นการไม่ต้อนรับของผู้บริหารทุกคน อุตส่าห์พูดอีกว่า

"ขอให้ทุกคนช่วยแนะนำการงานให้กุลชาติด้วย ขอให้เห็นว่าเป็นลูกเป็นหลานก็แล้วกัน"

ผู้บริหารหญิงคนหนึ่งใจกล้ากว่าเพื่อนออกความเห็นว่า "ด้วยความเคารพในการตัดสินใจนะคะคุณกมลทัต แต่หลานกุลชาติจะไม่เด็กไปหน่อยเหรอคะ"

"ผมก็จะดูๆให้ถ้าเกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ" กมลทัตชักเริ่มเครียด

"แต่...ภาพลักษณ์ก็สำคัญนะครับ สภาวะผู้นำ วุฒิการศึกษา วุฒิภาวะ" ผู้บริหารชายอีกคนเอ่ย

"ก็ไม่ต้องเปิดตัวมาก" กมลทัตพยายามโน้มน้าว

"เอ้อ...แล้วเรื่องคดีความเรื่องยาเสพติด..." ผู้บริหารหญิงอีกคนเอ่ยแบบกล้าๆกลัวๆ

"เฮ่ย...นั่นผมควบคุมได้" กมลทัตเสียงเริ่มมีโมโห

ผู้บริหารชายอีกคนพูดสวนว่า "แล้ววิสัยทัศน์ล่ะครับ ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ทำให้การผูกขาดของเรากับภาครัฐไม่ต่อเนื่อง เราควรจะย้าย..."

"ปัง!" กมลทัตลุกขึ้นตบโต๊ะ ตวาดออกมาว่า "นี่มันไม่ไว้วางใจกันเลยนี่หว่า พวกแกเป็นใคร ฉันปั้นมากับมือทั้งนั้น ใครไม่พอใจลาออกไป แก...แก...หรือว่าแก.."

คนที่ถูกกมลทัตชี้หน้าทุกคนหลบตา แต่แล้วกมลทัตก็ตัวงอตาค้าง ล้มลงกับโต๊ะ ทุกคนตกใจกันหมด กุลชาติเข้าประคองร้องเรียกป๋า ป๋า แต่กมลทัตไม่รู้สึกตัวเลยต้องพาส่งโรงพยาบาลด่วน

ข่าวนี้ไปถึงหูหมอเผ่าที่อยู่โรงพยาบาลในหัวหินโน่น เพราะเพื่อนหมอด้วยกันที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯส่งข่าวไปให้ หมอเผ่ารีบไปที่ห้องครูพร เจอปารวดีกำลังปรนนิบัติครูพรอยู่รอจนได้อยู่กันสองคนเพราะครูพรไปเข้าห้องน้ำ หมอเผ่าก็บอกกับเมียว่า

"เพื่อนผมโทร.มาบอกเมื่อกี้ว่ากมลทัตเส้นเลือดในสมองแตก"

"สมน้ำหน้า บาปกรรมเริ่มสนองแล้วสิ" ปารวดีทำสีหน้าแบบว่าสมเพชกมลทัต

"แล้วจะบอกโรมกับเทียนยังไงดีติดต่อไม่ได้เลย โทร.เท่าไหร่ก็ไม่ติด"

"ติดต่อนายลักสิ อาจจะเจอสองคนนั่นแล้วก็ได้" ปารวดีแนะนำ หารู้ไม่ว่าลักษมนก็คลำหาสองคนนั่นเหมือนคนตาบอด เที่ยวเดินถามเขาไปเรื่อย โดยเอารูปของโรมกับเทียนให้คนที่เขาไปถามดู แต่ทุกคนก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยเห็นทั้งนั้น

วันนี้ลักษมนไปที่ตลาด เดินถามตามแผงขายของ พอดีวันนี้ปาหนันกับชื่นเข้ามาซื้อของที่ตลาดนี้ พอลักษมนเห็นก็เดินมาถามพร้อมกับยื่นรูปให้ดู "ขอโทษครับ ไม่ทราบคุณเคยเห็นผู้ชายกับผู้หญิงในภาพนี้บ้างหรือเปล่า?"

"อ๊าย...อ๊าย..." ชื่นดูพอเห็นก็จำได้ว่าเป็นโรม แต่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมาก็โดนปาหนันกระทืบเท้าให้แล้วด่าว่า

"จะร้องทำไม ไป กลับได้แล้ว" ปาหนันเห็นรูปถนัดและ จำได้เหมือนกัน แถมยังพูดปฏิเสธกับลักษมนว่า "ขอโทษฮะ ไม่เคยเห็น" ฉุดแขนชื่นจะเดินออกจากร้าน แต่ลักษมนรีบบอกว่า

"ช่วยดูดีๆอีกครั้งเถอะครับ ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของผม ส่วนผู้หญิงเป็น...ญาติของเรา" ที่เป็นดังนั้นเพราะลักษมนรู้สึกว่าสองคนนั่นมีพิรุธ ชื่นถามทันที

"แล้วสองคนนี่ไม่ใช่ผัวเมียกันเหรอ?"

พอลักตอบว่า ไม่ใช่ ปาหนันก็ร้องอะไรนะออกมา ลักษมนรีบถามทันทีว่า "คุณรู้จักเขาเหรอ?"

"ไม่เคยเห็นจริงๆ" ปาหนันพูดตอบแต่ไม่กล้าสบตาลักษมน แถมยังรีบเดินหนีออกไปโดยมีชื่นวิ่งตามไปด้วย ลักษมนรีบกางกั้น แต่ปาหนันพรวดออกไป มือของลักษมนเลยไปถูกหน้าอกปาหนันโดยไม่ได้ตั้งใจ ปาหนันโวยวายว่าเขาลวนลามและต่อยจนลักษมนกระเด็น และพาชื่นวิ่งหนีไปทันที ลักษมนคลำคางป้อยๆ "อูย...อะไรวะเนี่ย ยายทอมบ้า" มองตามหลังสองคนนั้นที่วิ่งไปไกลแล้ว ปาหนันกลับถึงบ้านรีบไปรายงานพ่อ เสริมให้คนไปเอาตัวโรมมาที่ชายหาด โดยเทียนวิ่งตามมาด้วย พอถึงโรมก็ถามว่า

"พาพวกเรามาทำไม มีเรื่องอะไรกัน?"

"พวกแกโกหก สารภาพความจริงมาได้แล้ว" เสริมตวาด

"ก็พูดความจริงไปหมดแล้ว จะเอาอะไรกันอีก?"

"สองคนนี่ โกหกพวกเราทุกคน เธอกับมันไม่ได้เป็นผัวเมียกัน ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว ถามเจ๊ชื่นได้"

"ใช่จ้ะพี่ เราเจอน้องชายของไอ้คนนี้ที่ตลาด มันมาตามหาสองคนนี้ แล้วมันบอกว่าผู้หญิงก็เป็นญาติมัน"

"งั้นแกก็ต้องเป็นสายให้ไอ้นายทุนหน้าเลือดจริงๆสิ ถึงได้ปั้นเรื่องโกหกพวกเรา" ฉิวชี้หน้าโรม

เสริมตัดสินทันที "เอาผู้ชายขึ้นเรือ ข้าจะสั่งสอนมันเอง ส่วนผู้หญิงเอ็งเอาไปกักไว้ที่เรือน"

ชาวบ้านตรงเข้าล็อกตัวโรมแต่โรมต่อสู้จึงโดนฉิวต่อยท้องจนทรุดแล้วลากไปลงเรือ เทียนจะเข้าช่วยแต่โดนชื่นล็อกแขนเอาไว้ เทียนร้องไห้ "อย่าทำอะไรนายหัว ฉันขอร้อง ช่วยเขาด้วย ห้ามพวกนั้นนะ...นะ" ปาหนันกับชื่นไม่ฟัง ดึงเทียนกลับมาที่กระท่อมจนได้ เทียนเอาแต่ชะเง้อมองไปทางทะเลคอยการกลับมาของโรมอย่างใจจดใจจ่อ เป็นนานก็ยังไม่เห็นเรือแล่นกลับมา เทียนเดินไปหาปาหนัน ถามว่า

"พวกเธอคงไม่ฆ่านายหัวใช่ไหมจ๊ะ ฉันดูก็รู้ พวกเธอไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร"

"แล้วแต่พ่อ เธอใจเย็นๆเถอะ เดี๋ยวก็กลับ กดน้ำคนไม่ถึงสิบนาทีก็ตายแล้ว" ปาหนันขู่

ชื่นค้อนปะหลับปะเหลือก "โหดไปหรือเปล่าหนัน หล่อๆอย่างงี้เสียดายของ" ปาหนันถลึงตาใส่

เทียนตกใจ "ฉันขอร้องนะพี่ ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าฉันเถอะ

นายหัวไม่ผิด ฉันเองที่โกหกพวกพี่ ไม่เกี่ยวกับนายหัว...เพราะฉันกลัวพวกพี่จะแยกฉันกับนายหัว ฉัน...ฉันรักนายหัว แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับความรักของเรา ฉันเลยต้องขอให้นายหัวพามาที่นี่"

จบคำพูดของเทียน ปาหนันอึ้ง ส่วนชื่นเม้มปากอย่างซึ้งสุดๆ แต่ปาหนันก็ยังถามอีกว่า "โกหกอีกใช่ไหม เป็นญาติกันจะรักกันได้ยังไง?"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น